บล็อกเกอร์สาวไทยในปารีส แชร์ประสบการณ์ป่วยโควิด-19 ดูแลตัวเองจนหาย

บล็อกเกอร์สาวไทยในปารีส แชร์ประสบการณ์ป่วยโควิด-19 ดูแลตัวเองจนหาย

Alternative Textaccount_circle
บล็อกเกอร์สาวไทยในปารีส แชร์ประสบการณ์ป่วยโควิด-19 ดูแลตัวเองจนหาย
บล็อกเกอร์สาวไทยในปารีส แชร์ประสบการณ์ป่วยโควิด-19 ดูแลตัวเองจนหาย

เชฟสาวไทยในปารีส บล็อกเกอร์เจ้าของเฟซบุ๊กเพจ Fern’s Simple Journal แชร์ประสบการณ์ป่วยโควิด-19 พร้อมบอกเล่าฮาวทูดูแลตัวเองจนหาย

คุณเฟิน อายุ 25 ปี เจ้าของเฟซบุ๊กเพจ Fern’s Simple Journal เธอเป็นเชฟด้านเบเกอรี่ ทำงานอยู่ที่ปารีส ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งถือเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 อยู่ในอันดับต้นๆ ของโลก โดยเธอได้แชร์ประสบการณ์การติดเชื้อโควิด-19 และสามารถดูแลตัวเองจนหายดี โดยไม่ได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล เนื่องจากมาตรการในการดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ของแต่ละประเทศนั้นแตกต่างกันไป โดยเธอได้บอกเล่าเรื่องราวต่างๆ เอาไว้ดังนี้

เมื่อฉันติดโควิด-19 ที่ปารีส

ฮัลโหลทุกคน นี่เฟินเอง ยังจำกันได้อยู่ไหม? ขออภัยที่หายไปนานมาก นานจนมีคนตามอะคิดดู 5555 ยังอยู่จ้า ยังไม่สู่ขิตเด้อ แค่เกือบๆ ไม่รู้จะเริ่มเล่ายังไงดีเลย เอาเป็นว่าย้อนกลับไปเมื่อ 3 อาทิตย์ที่แล้วกัน ที่โรงแรมยังทำงานกันปกติ แต่พวกร้านอาหาร ร้านขนมเริ่มเงียบ อีเว้นท์ต่างๆ ก็เริ่มยกเลิกรัวๆ ขนมจากเซ็ต afternoon tea เหลือกลับมาบาน อิตาลีปิดประเทศไปแล้ว ยอดคนติดเชื้อที่ฝรั่งเศสก็หลายพันคนแล้ว สถานการณ์เริ่มไม่ดีมากๆ

วันพฤหัสบดี มีประกาศจากรัฐบาลสั่งให้ปิดโรงเรียน มหาวิทยาลัย

วันศุกร์ ตอนสายๆ มี HR เดินเข้ามาเรียกตัวยูกิซังไป หายไปประมาณชั่วโมงหนึ่ง ยูกิซังเดินร้องไห้กลับมาบอกว่า ญี่ปุ่นเรียกตัวกลับด่วน! ตอนนั้นใจเริ่มเสียแล้ว

คุณเฟินและคุณยูกิซังถ่ายภาพเป็นที่ระลึก สำหรับการทำงานวันสุดท้ายของคุณยูกิซังก่อนกลับญี่ปุ่น

วันเสาร์ ยูกิซังชวนไปเดินห้างเพื่อซื้อของฝาก ประมาณ 2 ทุ่มห้างบอกว่าให้รีบไปทำ tax refund ด่วนๆ เพราะพรุ่งนี้ห้างปิดแบบไม่มีกำหนดเปิด รัฐบาลสั่งปิดห้าง ร้านค้า ร้านอาหาร เย็นวันนั้นรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ แต่เข้าใจว่าใส่เสื้อกันหนาวอยู่ในห้าง เลยรู้สึกไม่สบายตัวเท่าไหร่

บรรยากาศซูเปอร์มาร์เก็ตที่แกเลอรี่ลาฟาแยต คืนสุดท้ายก่อนทุกอย่างจะปิด

วันอาทิตย์ เฟินตื่นมาเพราะรู้สึกหนาวมาก ปวดหัว ปวดตัว เลยลองวัดไข้ ปรากฏว่าได้ 38.6 ในใจก็เริ่มคิดว่าเอาแล้วเรา หวยออกแล้ว เพราะว่าเฟินเพิ่งเป็นไข้หวัดใหญ่ได้ไม่ถึงเดือน ไม่น่าจะเป็นซ้ำเร็วขนาดนี้ ตอนบ่ายๆ เชฟโทร.มาบอกว่าไม่ต้องมาทำงาน 2 วีคนะ โรงแรมปิด

วันจันทร์ (16 มีนาคม 2563) รัฐบาลเห็นประชาชนไม่สะทกสะท้าน จึงสั่งห้ามออกจากบ้านไปเลยจ้า ปิดประเทศ ห้ามคนต่างชาติเข้า ถ้าออกจากบ้านโดยไม่มีใบอนุญาตคือปรับขั้นต่ำ 5-6 พันบาท ส่วนเฟินนอนง่อยเป็นไข้ ปวดไปทั้งตัว เพิ่มเติมคือเริ่มไอ แล้วก็ไม่มีแรงเลย แค่ไปเข้าห้องน้ำก็เหนื่อยแล้ว เลยต้องนอนโซฟาเพราะขึ้นไปนอนบนห้องไม่ไหว ใจไม่ดีเลย ได้แต่กร่นด่าตัวเองที่ไม่ยอมกลับไทยไปตั้งแต่แรก เพราะป๊าโทร.มาเรียกให้กลับตั้งแต่ก่อนอิตาลีปิดประเทศแล้ว

วันอังคาร (17 มีนาคม 2563) อาการแย่เหมือนเดิม เฟินเริ่มหายใจไม่เต็มปอด เหนื่อยมากๆ รีบโทร.หาหมอเลย เพราะเขาห้ามไปหาหมอเอง ถ้าป่วยเป็นไข้ให้โทร.ปรึกษาหมอก่อน หมอบอกว่าเฟินเพิ่งเป็นไข้ได้ 3 วัน ให้ดูอาการที่บ้านไปก่อน อาจจะเป็นไข้หวัดธรรมดา แต่ด้วยความแพนิค กลัวมาก เฟินเลยโทร.เบอร์ฉุกเฉิน โทร.นานมาก กว่าจะมีคนรับ เขาก็ถามอาการ นี่ก็เล่าไป เขาบอกว่าฟังเสียงแล้วอาการยังไม่แย่มาก ต้องเข้าใจว่ามีคนโทร.มาฉุกเฉินเยอะมาก เขาต้องรับเคสที่ฉุกเฉินจริงๆ ก่อน เขาบอกว่าถ้าหายใจติดขัดเมื่อไหร่ค่อยโทร.เรียกอีกที

วันพุธ วันพฤหัสบดี วันศุกร์ อาการไม่ดีขึ้นเลย ตอนนี้เฟินไม่ได้กลิ่นอะไรเลย แบบที่ฉีดน้ำหอมใส่จมูกแล้วก็ไม่ได้กลิ่น ประสาทหลอนมาก กลัวมาก โทร.หาหมอ โทร.หาฉุกเฉิน ก็ได้รับคำตอบว่า บิงโก! เฟินน่าจะเป็นผู้ติดเชื้อ Covid-19 ให้ไปทำแบบสอบถามในเว็บ (ทำแล้วในเว็บก็บอกว่ามีความเป็นไปได้ว่าติดเชื้อ) แต่ก็ยังยืนยันให้รักษาตัวที่บ้านเองไปก่อน ซึ่งเขาคงประเมินจากเสียงเฟินแล้วว่ายังอาการไม่หนักมากเท่าเคสอื่นๆ อันนี้เฟินเข้าใจมากๆ เลยนะ เพราะที่นี่ตายกันเป็นพันแล้ว เคสที่อาการหนักก็มีเยอะมาก ผู้ป่วยหนักยังต้องส่งไปรักษาที่เยอรมันเลย เพราะมีเยอะเกินกำลังหมอพยาบาลที่นี่

สภาพจิตใจเฟินเรียกว่าแย่มาก แย่กว่านี้ไม่ได้แล้ว ป่วยกายไม่เท่าไหร่ แต่แบบใจก็ป่วยมาก เฟินกลัวมากๆๆๆ ไปหาหมอก็ไม่ได้ ถ้ากลับไทยคงได้ไปโรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกแล้ว กลัวว่าถ้าเป็นหนักขึ้นมาจะทำยังไง กลัวไม่ได้รับการรักษา กลัวต้องมาตายคนเดียวที่นี่ กลัวไม่ได้เจอหน้าพ่อแม่อีก กลัวไปหมด นอกจากพาราฯ ยาอื่นๆ ก็ไม่มี กลัวจนประสาทหลอน ร้องไห้จนหัวเราะแล้ว เพราะทำอะไรไม่ได้เลย

ช่วงนั้นเพื่อนๆ พี่ๆ หลายคนช่วยกันติดต่อสถานทูตให้ ทางสถานทูตก็รับเรื่องไว้แล้วติดต่อเฟินกลับมา ให้คำแนะนำแล้วก็บอกว่าถ้าขาดเหลืออะไรบอกเขาได้ตลอด พี่ที่สถานทูตบอกว่าที่ไทยออกมาตรการ ถ้าจะกลับไทยต้องไปตรวจสุขภาพให้แพทย์ออกใบ fit to fly แล้วก็เอาไปยื่นขอหนังสือรับรองจากสถานทูตอีกที ไม่งั้นสายการบินไม่ให้ขึ้นเครื่อง

อันดับแรก คือเฟินตอนนั้นไม่สามารถหอบสารร่างไปหาหมอเพื่อขอใบรับรองได้ และถ้าหอบร่างนี้ไป หมอที่ไหนถ้าเจอสภาพเฟิน คงไม่มีทางออกใบรับรองให้แน่ๆ จริงๆ มีคนแนะนำหลายคนเลยว่าให้เฟินกินยาลดไข้ แล้วให้พี่ที่สถานทูตพาไปขอใบรับรองแพทย์ เพราะถ้าไม่มีไข้ หมอก็ให้ผ่านหมด เฟินก็อยากทำแบบนั้นนะ แต่แบบถ้าเธอเป็นพี่ที่สถานทูต ใจเธออยากจะมาเสี่ยงเอาตัวเองมาพาคนที่ติดเชื้อไปหาหมอจริงหรอ? คงไม่หรือป่าว แล้วไหนจะคนที่สนามบิน เจ้าหน้าที่เอย แอร์ฯเอย เพื่อนร่วมไฟลท์ และอีกหลายๆ คนที่เขาต้องเสี่ยงมาติดเชื้อจากเฟินอีก เออ นอนง่อยอยู่นี่แหละ ตายก็กลัว แต่ความรับผิดชอบต่อสังคมก็ต้องมี มงต้องลงแล้วอะ บอกเลย 55555

วันเสาร์ (21 มีนาคม 2563) ครบ 1 สัปดาห์ เฟินไม่มีไข้แล้ว ยังรู้สึกเหนื่อยอยู่ หายใจไม่เต็มปอดอยู่ ไออยู่ ไม่ได้กลิ่น ไม่ได้รสเหมือนเดิม นอกจากไข้ลดแล้วก็ยังไม่ดี

วันเสาร์ (28 มีนาคม 2563) อาการดีขึ้นมากๆ แล้ว มีเพลียๆ อยู่หน่อย แล้วก็เหลือแค่ไอ ไอหนักเลยแหละ ยังไม่ได้กลิ่นด้วย นอนดูซีรีส์ครบทุกเรื่องแล้ว 5555555 ตั้งแต่คาซ่าเดอปาเปล สหายผู้กอง พัคแซรอย ยุพิน สารวัตรไทน์ เหลือคิงดอมไว้เพราะกลัวผีเด้อ ไม่ได้ออกจากบ้าน 2 วีค ไม่เห็นเดือนเห็นตะวันเลยแม่ ขาวซีดเหมือนผีแล้วตอนนี้ โชคดีเป็น introvert เลยไม่ประสาทกินเท่าไหร่

วันนี้นี่ก็พิมพ์ไปไอไปจ้า ไอจนรำคาญ ไอจนปวดท้อง แต่เริ่มได้กลิ่นแล้วนะ ได้รสแล้วด้วย กินอร่อยแล้ว เย่! ที่เฟินกังวลคือเรื่องปอด เพราะไม่ได้ตรวจ เลยไม่รู้ว่าปอดอักเสบหรือเปล่า เป็นหนักแค่ไหนแล้ว ไวรัสกินปอดหมดยัง กลัวมาก แต่กลัวคนลืมมากกว่า เลยต้องมาอัพเดตเพจบ้าง ขอบคุณทุกกำลังใจนะคะ เดี๋ยวเฟินก็หายแล้ว

ทั้งนี้ล่าสุด (23 เมษายน 2563 เวลา 01.05 น.) คุณเฟินได้โพสต์คลิปอัพเดตและสรุปประสบการณ์การป่วยโควิด-19 พร้อมแนะนำวิธีการดูแลตัวเอง แชร์ลงในเฟซบุ๊กเพจ Fern’s Simple Journal อีกครั้ง ซึ่งคราวนี้เธอเล่าว่าหายดีแล้ว โดยดูแลรักษาตัวเองด้วยการนอนเยอะๆ ดื่มน้ำเยอะๆ และสังเกตจากประสบการณ์ของตัวเองพบว่า อาการของโรคโควิด-19 จะหนักในช่วงสัปดาห์แรก หลังจากนั้นจะค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับ โดยเธอป่วยอยู่ประมาณ 4 สัปดาห์ ซึ่งเธอคิดว่าน่าจะเป็นเพราะอายุยังน้อย จึงสามารถดูแลตัวเองจนหายได้ พร้อมระบุว่าเพื่อนร่วมงานของเธอก็ติดเชื้อโควิด-19 ด้วยเช่นกัน สุดท้ายคุณเฟินขอส่งกำลังใจถึงทุกคนที่กำลังเผชิญกับสถานการณ์โรคระบาดนี้ ขอให้ผ่านไปได้ด้วยดี


 

ข้อมูลและภาพ : Fern’s Simple Journal

Praew Recommend

keyboard_arrow_up