จิ๋วแต่เจ๋ง 'วินนี่-ฮีโร่' พี่น้องศิลปินวัยเยาว์ ผู้จุดประกายธุรกิจแฟชั่นจากพรสวรรค์

จิ๋วแต่เจ๋ง ‘วินนี่-ฮีโร่’ พี่น้องศิลปินวัยเยาว์ ผู้จุดประกายธุรกิจแฟชั่นจากพรสวรรค์

Alternative Textaccount_circle
จิ๋วแต่เจ๋ง 'วินนี่-ฮีโร่' พี่น้องศิลปินวัยเยาว์ ผู้จุดประกายธุรกิจแฟชั่นจากพรสวรรค์
จิ๋วแต่เจ๋ง 'วินนี่-ฮีโร่' พี่น้องศิลปินวัยเยาว์ ผู้จุดประกายธุรกิจแฟชั่นจากพรสวรรค์

ก้าวเล็กๆ ที่วันหนึ่งจะเติบโตเป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่ของ ‘วินนี่ – ด.ญ.เคสิยาห์ ชุมพวง’ และ ‘ฮีโร่ – ด.ช.วจนะ ชุมพวง’ สองพี่น้องศิลปินตัวจิ๋ว แก้วตาดวงใจและแรงบันดาลใจของพ่อแม่ สู่การสร้างธุรกิจแฟชั่นภายใต้แบรนด์ Keziah ผ้าพิมพ์ลายที่เกิดจากความรักและความสุขของครอบครัว

แม้ว่าชื่อแบรนด์ Keziah จะมีที่มาจากชื่อจริงของวินนี่ น้องสาววัย 7 ขวบ หรือ ด.ญ.เคสิยาห์ ชุมพวง ศิลปินนักวาดภาพแนวนามธรรมด้วยสีอะคริลิค แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่า ต้นแบบการเป็นศิลปินวัยเยาว์ที่มีพรสวรรค์สุดมหัศจรรย์ เธอได้รับแรงบันดาลใจมาจากฮีโร่ พี่ชายวัย 8 ขวบ หรือ ด.ช.วจนะ ชุมพวง ที่ฉายแววและเข้าสู่วงการศิลปะไปก่อนหน้า ในฐานะศิลปินนักวาดภาพด้วยสีน้ำ

แต่กว่าที่สองพี่น้องอายุน้อยร้อยผลงานจะเป็นที่ยอมรับในวงการศิลปะ ถึงขั้นกำลังจะได้จัดแสดงผลงานที่หอศิลป์จามจุรี ก็นับว่าไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย รวมถึงกว่าจะเป็นแบรนด์ Keziah ที่สร้างทั้งความสุขและรายได้ ซึ่งหากถามว่าใครคือผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จทั้งหมดนี้ คำตอบก็คือคุณพ่อ ‘โพ-กรกมล ชุมพวง’ และคุณแม่ ‘มุ้ย-ยุภวัลย์ ย่องภู่’ พ่อแม่นักกฎหมายในเมืองตรัง ผู้ไม่มีองค์ความรู้ทั้งด้านศิลปะและธุรกิจอยู่ในหัวเลยแม้แต่น้อย

จิ๋วแต่เจ๋ง 'วินนี่-ฮีโร่' พี่น้องศิลปินวัยเยาว์ ผู้จุดประกายธุรกิจแฟชั่นจากพรสวรรค์

จุดเริ่มต้นในการเป็นศิลปินนักวาดภาพของ ‘วินนี่ – ฮีโร่’

คุณพ่อโพ : เริ่มมาจากการชอบเล่นสีน้ำของฮีโร่ก่อน ตอนนั้นเขาอายุประมาณ 2 ขวบครึ่ง ยังพูดไม่ชัดเลย ที่เรียกว่าเล่น เพราะเป็นการเล่นจริงๆ คือเขาเอาสีมาป้ายลงบนกระดาษ ไม่ได้วาดเป็นรูปอะไร พอป้ายสีนู้นสีนี้ไปเรื่อย ก็เกิดการผสมสีกลายเป็นสีใหม่ขึ้น ซึ่งดูเขาสนุกกับการเล่นสีน้ำมาก หลังจากนั้นฮีโร่ก็เริ่มสังเกตเห็นเองว่าสีต่างๆ เหมือนกับสีของธรรมชาติรอบตัว เช่น สีเขียวเหมือนสีของใบไม้ สีฟ้าเหมือนสีของท้องฟ้าและน้ำทะเล เพราะบ้านเราอยู่ในอำเภอสิเกา จังหวัดตรัง เขาจึงคุ้นชินกับทะเล ส่วนข้างหลังบ้านก็เห็นภูเขาเลย แล้วพอโตขึ้นมาอีกหน่อย ประมาณ 3 ขวบ ถึงค่อยๆ พัฒนามาสู่การวาดเป็นรูปเป็นร่างชัดเจนขึ้น เช่น ภูเขา ทะเล ชายหาด ดอกไม้

แล้ว ‘ฮีโร่’ มีโอกาสเล่นสีน้ำได้อย่างไรคะ

คุณแม่มุ้ย : เพราะครอบครัวเรารู้จักกับครอบครัวมิชชันนารีที่มาจากอเมริกา พวกเขาเลี้ยงลูก 4 คน แบบโฮมสคูล โดยพี่คนโตที่อายุประมาณ 8 ขวบ ชอบวาดรูปมาก เรียกว่าวาดตลอดเวลา เห็นต้นไม้ก็วาด เห็นอะไรก็วาด พอฮีโร่เห็นก็อยากเล่นกับพี่เขาด้วย เราก็เลยหากระดาษ หาสีให้เขาเล่น ซึ่งถ้าถามว่าทำไมถึงเป็นสีน้ำ คือเราก็ไม่มีความรู้เรื่องศิลปะเลย แต่เลือกสีน้ำเพราะมันล้างออกง่าย พวกกระดาษก็เริ่มจากธรรมดาๆ แผ่นละบาทสองบาท ด้วยคุณสมบัติของสีน้ำที่เพลินสำหรับเด็กอยู่แล้ว พอฮีโร่ได้เอาพู่กันระบายสีน้ำลงบนกระดาษ สีเกิดการแตกตัว เกิดการผสมสี เขาก็ตื่นตาตื่นใจมาก และดูชอบมาก

จิ๋วแต่เจ๋ง 'วินนี่-ฮีโร่' พี่น้องศิลปินวัยเยาว์ ผู้จุดประกายธุรกิจแฟชั่นจากพรสวรรค์

มีการส่ง ‘ฮีโร่’ ไปเรียนด้านศิลปะโดยเฉพาะไหมคะ

คุณแม่มุ้ย : ไม่เคยส่งไปเรียนโรงเรียนศิลปะ หรือเรียนกับครูเลย เพราะในความคิดเราคือแค่อยากให้เขาได้เล่นอย่างมีความสุขและสนุกเท่านั้น ฮีโร่เรียนรู้เองไปเรื่อยๆ และวาดภาพต่างๆ โดยสังเกตจากธรรมชาติรอบตัว

‘ฮีโร่’ ฉายแววศิลปินชัดเจนตอนไหนคะ

คุณพ่อโพ : พอฮีโร่วาดภาพไปเรื่อยๆ โดยมีเราคอยให้กำลังใจเขาตลอด ชื่นชมว่ามันสวยมาก ฮีโร่ทำดีมาก เขาก็เกิดความภูมิใจ เลยทำต่อเนื่องเป็นสิบๆ ภาพ ส่วนพ่อแม่อย่างเรา ด้วยความที่รักลูก รักผลงานของลูก ก็เอาภาพเหล่านั้นไปใส่กรอบ เริ่มจากหนึ่งกรอบจนเป็นสิบๆ กรอบเหมือนกัน

พอมีงานแสดงผลงานศิลปะแบบสตรีทอาร์ตที่ตัวเมืองตรัง เราก็ขอเอาภาพวาดสีน้ำของฮีโร่ไปโชว์ด้วย พอโชว์ไปได้สัก 3 ครั้ง ก็เกิดเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์ขึ้นมา ว่ามีเด็กอายุประมาณ 3-4 ขวบ เอาผลงานมาแสดงด้วย จึงทำให้ฮีโร่เริ่มเป็นที่รู้จัก หลังจากนั้นด้วยความที่อยากสนับสนุนลูกอย่างเต็มที่ อยากให้เขาภูมิใจกับสิ่งที่ทำ ก็เลยไปขอร่วมแจมกับศิลปินรุ่นใหญ่ เพื่อให้ได้โชว์ผลงานในแกลอรี่ท้องถิ่นของจังหวัดตรัง ที่ต้องเป็นลักษณะของการแจมหรือรับเชิญ ก็เพราะว่าตอนนั้นฝีมือของฮีโร่ยังไม่ถึงขั้น

จิ๋วแต่เจ๋ง 'วินนี่-ฮีโร่' พี่น้องศิลปินวัยเยาว์ ผู้จุดประกายธุรกิจแฟชั่นจากพรสวรรค์
ภาพวาดสีน้ำของฮีโร่

‘วินนี่’ เจริญรอยตามพี่ชายไหมคะ

คุณพ่อโพ : วินนี่มีแววว่าจะมาทางเดียวกับฮีโร่อยู่เหมือนกัน แต่ติดตรงที่ยังไม่เจอทางที่ใช่สำหรับตัวเอง เราเคยให้เขาลองเล่นสีน้ำเหมือนฮีโร่ เขาก็ทำได้นะ แต่เขาไม่ชอบ ทุกครั้งที่ฮีโร่ได้รับความสนใจ มีคนชื่นชม มีคนขอถ่ายรูป แล้วเราต้องอุ้มวินนี่ออกมาก่อน เราเข้าใจความรู้สึกวินนี่เสมอว่าเขาอยากเป็นเหมือนพี่ชาย และคอยให้กำลังใจเขาว่าสักวันหนึ่งจะเป็นเวลาของวินนี่นะ

แล้ว ‘วินนี่’ เจอทางที่ใช่ของตัวเองได้อย่างไรคะ

คุณพ่อโพ : วันนั้นของวินนี่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ เริ่มมาจากการที่ฮีโร่ถูกเชิญไปทำเวิร์คช็อปในงานศิลปินแห่งชาติสัญจรที่จังหวัดกระบี่ ซึ่งงานนี้มีศิลปินแห่งชาติมาร่วมงานกว่า 30 ท่าน ตอนนั้นฮีโร่อยู่ ป.1 ส่วนวินนี่อยู่ อ.3 พอเขาชวนฮีโร่ไป เราก็ต้องพาวินนี่ไปด้วย ตอนอยู่ในงานฮีโร่ก็ทำเวิร์คช็อปตามปกติ ส่วนวินนี่ที่เราจำเป็นต้องพาไปด้วย ซึ่งเขาไม่รู้เรื่องหรอกว่าใครถูกเชิญหรือไม่ถูกเชิญยังไง แต่ก็อยากจะเล่นแบบพี่ชายบ้าง เราก็เลยต้องไปขอเฟรม ขอสีเหลือๆ จากผู้จัดงานมาให้วินนี่ เพื่อให้เขาได้นั่งเล่นอยู่ข้างๆ ฮีโร่ ไม่งั้นคงมีอาการป่วนสมาธิกัน วันนั้นจึงเป็นครั้งแรกที่วินนี่ได้เล่นสีอะคริลิค ซึ่งดูเขาสนุกกับมัน ดูวินนี่ชอบสีอะคริลิคเอามากๆ

จิ๋วแต่เจ๋ง 'วินนี่-ฮีโร่' พี่น้องศิลปินวัยเยาว์ ผู้จุดประกายธุรกิจแฟชั่นจากพรสวรรค์

สังเกตเห็นความชื่นชอบสีอะคริลิคของ ‘วินนี่’ จากอะไรคะ

คุณพ่อโพ : ปฏิกิริยาการเล่นของวินนี่แตกต่างจากการเล่นสีน้ำ เรารู้สึกว่าเขาชอบความเข้มข้นของสีอะคริลิค ดูเขาสนุก บวกกับวินนี่เด็กที่สุดงาน พอศิลปินคนอื่นๆ เห็นก็เชียร์กันใหญ่ มีคนมายืนดู มาขอถ่ายรูป บรรยากาศในวันนั้นจึงดีมากๆ ถือเป็นครั้งแรกที่วินนี่ได้รับความสนใจ หลังจากนั้นก็เกิดเหตุการณ์ที่เราไม่เคยรู้กันมาก่อน ว่างานนี้มีการเก็บภาพไปให้รางวัลด้วย ซึ่งเป็นการตัดสินโดยศิลปินแห่งชาติ

แล้วผลการตัดสินเป็นอย่างไรคะ

คุณแม่มุ้ย : ปกติเราไม่เคยคิดถึงเรื่องรางวัลกันอยู่แล้ว อย่างฮีโร่ก็หวังแค่รางวัลชมเชยเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น เพราะฮีโร่เป็นน้องเล็กที่สุดในงาน ส่วนวินนี่ก็ยิ่งไม่คาดหวังเลย แต่กังวลใจมากกว่าว่าเดี๋ยวคงต้องไปหาซื้ออะไรมาปลอบใจเขาสักหน่อย แต่พอประกาศรางวัลชมเชยครบแล้ว ก็ไม่มีชื่อฮีโร่ ทีนี้เราเลยกะว่าคงต้องซื้อรางวัลปลอบใจให้ทั้งคู่ พอประกาศมาถึงเหรียญเงินเท่านั้นแหละก็เกิดเซอร์ไพร้ส์ เพราะปรากฏว่าวินนี่ได้รางวัลนี้ ความรู้สึกของเราตอนนั้นคือตกใจ รีบหาว่าวินนี่อยู่ตรงไหน เพื่อพาเขาไปรับรางวัล

วันนั้นเป็นวันที่รู้สึกว่าลูกตัวเล็กมาก เดินยังไงก็ไม่ถึงเวทีสักที จนสุดท้ายต้องตัดสินใจอุ้มเขาไป ขณะเดียวกันก็รู้สึกดีใจที่ได้ยินเสียงปรบมือที่ทุกคนมอบให้วินนี่ เพราะนั่นนับเป็นครั้งแรกที่วินนี่มีตัวตน มีคนปรบมือให้ในความสามารถของเขาจริงๆ เพราะปกติจะออกแนวเอ็นดูกันมากกว่า ส่วนฮีโร่ก็ปรากฏว่าได้เหรียญทอง

จิ๋วแต่เจ๋ง 'วินนี่-ฮีโร่' พี่น้องศิลปินวัยเยาว์ ผู้จุดประกายธุรกิจแฟชั่นจากพรสวรรค์
‘สวนเอเดน’ ภาพวาดสีอะคริลิคชิ้นแรกของวินนี่

การได้รับรางวัลครั้งนั้นถือเป็นจุดเปลี่ยนของ ‘วินนี่ – ฮีโร่’ เลยไหมคะ

คุณพ่อโพ : ถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนสำหรับวินนี่ เพราะเขาได้เจอทางที่ตัวเองชอบ สำหรับผลงานในวันนั้น วินนี่ตั้งชื่อว่าสวนเอเดน ซึ่งคนไม่มีความรู้ด้านศิลปะอย่างเรา มองไม่ออกเลยว่าเป็นรูปเป็นร่างอะไร แล้วได้รางวัลได้ยังไงกัน ด้วยความสงสัย เราจึงลองถามศิลปินแห่งชาติท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นกรรมการตัดสินในงานวันนั้นด้วย นั่นคือ ศาสตราจารย์เดชา วราชุน

ท่านก็ให้คำตอบกับเรามาว่า จุดประสงค์หลักของการจัดเวิร์คช็อปครั้งนี้ ก็เพื่อแยกระหว่างนักวาดรูปกับศิลปิน ถ้านักวาดรูปจะติดกับความสวยงาม แต่ศิลปินจะถ่ายทอดความคิดออกมาอย่างอิสระในสไตล์ของตัวเอง แบบผลงานของวินนี่และฮีโร่ โดยภาพที่วินนี่วาดเขาเรียกกันว่าแนวนามธรรม หรือภาพแอ็บสแตร็ก ซึ่งบอกตรงๆ ว่าเคยได้ยินคำนี้เป็นครั้งแรก เพราะอย่างที่บอกว่าเราไม่มีพื้นฐานด้านศิลปะกันเลย หลังจากนั้นจึงลองหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับศิลปะแนวนามธรรม เข้าใจบ้าง ไม่เข้าใจบ้าง แต่ที่ตกใจคือราคาของรูปแนวนี้ค่อนข้างสูงมาก

แต่เหนือสิ่งอื่นใด สิ่งที่เราดีใจกันมากที่สุด คือวินนี่ได้ค้นพบทางของตัวเอง หลังจากนั้นเราจึงสนับสนุนเขาอย่างเต็มที่ ซื้อเฟรม สีอะคริลิค และอุปกรณ์ต่างๆ ให้ แล้วเขาก็ทำผลงานออกมาเรื่อยๆ เราก็เอาไปใส่กรอบเหมือนของฮีโร่ ทีนี้พอมีงานสตรีทอาร์ต เราก็เอาผลงานของวินนี่ไปโชว์ด้วย ทำให้ทั้งวินนี่และฮีโร่กลายเป็นที่รู้จักมากขึ้น หลังจากนั้นจึงมีโอกาสได้จัดแสดงผลงานในแกลอรี่ท้องถิ่นอีกครั้ง แต่คราวนี้เป็นการแสดงผลงานเดี่ยวๆ ไม่ต้องขอแจมกับศิลปินรุ่นใหญ่แล้ว

แล้วที่มาที่ไปของการได้จัดแสดงผลงานที่หอศิลป์จามจุรีล่ะคะ

คุณพ่อโพ : บังเอิญมีคนเล่าให้ฟังว่า การจะเป็นศิลปินที่ได้จัดแสดงผลงานที่หอศิลป์จามจุรีนั้นไม่ง่าย พอได้ยินแบบนี้ก็เลยลองติดต่อไปถามรายละเอียดต่างๆ ว่าทำยังไงถึงจะมีโอกาสได้แสดงผลงานที่นี่ เป็นเด็กได้ไหม เขาก็บอกว่าให้ลองส่งโปรไฟล์ไปก่อน ใจเราก็คือลองดูก็ไม่เสียหายอะไร ก็เลยลองส่งไป ผลปรากฏว่าได้ทั้ง 2 คน เราแปลกใจมาก แต่ก็ดีใจมากเช่นกัน ซึ่งที่จริงเราขอไปแค่ห้องเล็กๆ แต่เขาให้ห้องใหญ่ คราวนี้ก็เลยกลายเป็นงานใหญ่ที่ต้องเตรียมตัวกัน ส่วนอีกอย่างก็คือการประยุกต์จากงานศิลปะไปเป็นเสื้อผ้า นั่นก็คือแบรนด์ Keziah

จิ๋วแต่เจ๋ง 'วินนี่-ฮีโร่' พี่น้องศิลปินวัยเยาว์ ผู้จุดประกายธุรกิจแฟชั่นจากพรสวรรค์
เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 การจัดแสดงผลงานจึงถูกเลื่อนออกไปเป็นปีหน้า

แบรนด์ Keziah เกิดขึ้นได้อย่างไรคะ

คุณแม่มุ้ย : Keziah มีจุดเริ่มต้นมาจากวินนี่ สังเกตได้จากชื่อแบรนด์ที่เป็นชื่อจริงของเขา โดยเหตุการณ์เริ่มมาจากการที่วินนี่วาดภาพชื่อว่าป่าหิมะ พอทำเสร็จ เขาก็มองดูผลงานของตัวเองอยู่สักพัก แล้วอยู่ดีๆ ก็บอกกับเราว่า วินนี่อยากใส่กระโปรงลายนี้ ซึ่งหมายถึงลายภาพที่เขาวาดเอง พอเราได้ยินแบบนี้ก็ว่าดีเลย คืออะไรที่เป็นผลงานของลูก เราสนับสนุนเต็มที่อยู่แล้ว

หลังจากนั้นก็เลยหาวิธีว่าต้องทำยังไงบ้าง ถึงจะมีผ้าที่เป็นลายผลงานของลูกได้ เริ่มต้นจากติดต่อหาโรงงานพิมพ์ลายผ้า ก็ไปเจอที่หนึ่งที่เขารับทำให้ แล้วเราก็ได้ผ้าลายภาพวาดของวินนี่มา จากนั้นก็เอาไปให้ช่างตัดเสื้อแถวบ้านตัดกระโปรงให้วินนี่ใส่ พอคนอื่นเห็นกระโปรงของวินนี่ก็ชอบกันใหญ่ เราเห็นแบบนี้ก็เลยอยากทำอีก เพราะเห่อผลงานของลูกเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แบบว่าลายนี้ก็สวยลายนั้นก็ดี อยากพิมพ์เป็นผ้าทุกลายเลย ส่วนวินนี่เองก็ชอบมากเหมือนกัน

ทีนี้เลยเอาจริงเอาจัง เพราะอยากให้ลูกได้ใส่ชุดที่เป็นลายภาพวาดของตัวเอง จึงติดต่อหาโรงงานพิมพ์ลายผ้าที่ใหม่ เพราะที่เดิมมีปัญหานิดหน่อย แต่รอบนี้กว่าจะหาได้นั้นยากมาก โทร.ไปเป็นสิบๆ ที่ก็ไม่ได้รับการตอบรับ เพราะพอเราบอกไปว่าอยากพิมพ์ลายผ้าจากผลงานศิลปะของลูก เขาก็คิดว่าเราคงทำเล่นๆ กัน เรียกว่าโทร.กันจนเหนื่อย เกือบจะถอดใจอยู่แล้ว

จนมาถึงที่สุดท้าย เจ้าของโรงงานรับสายเอง เขาชื่อคุณแม็ก พอเราเล่าเรื่องราวให้เขาฟัง เขาก็ขอให้ส่งลายและตัวอย่างไปให้ดูก่อน พอเขาเห็นปุ๊บก็ขอเจอตัววินนี่กับฮีโร่ทันที หลังจากได้เจอกันเรียบร้อย คุณแม็กก็ตกลงพิมพ์ลายผ้าให้ เขาน่ารักและใจดีมาก รับพิมพ์ผ้าให้กว่า 20 ลาย ลายละ 2 หลา ซึ่งไม่มีที่ไหนยอมทำให้แบบนี้แน่นอน เพราะไม่คุ้มทุน

พอถึงวันที่ได้ผ้าทั้งหมดมา โดยคุณแม็กส่งมาให้เราที่ตรัง ความรู้สึกแรกคือดีใจมาก ผ้าลายผลงานของลูกเต็มไปหมด แต่ความรู้สึกต่อมาคือจะเอาไปทำอะไรดีล่ะ เยอะแยะขนาดนี้ แล้วอีกสักพักหนึ่งคุณแม็กก็โทร.มาหา เขาเหมือนรู้นะ เขาแนะนำเราว่าควรสร้างแบรนด์แล้วหาที่ขาย เพราะผลงานของเด็กๆ ไม่ธรรมดา

จิ๋วแต่เจ๋ง 'วินนี่-ฮีโร่' พี่น้องศิลปินวัยเยาว์ ผู้จุดประกายธุรกิจแฟชั่นจากพรสวรรค์

พอได้รับคำแนะนำแบบนี้ ตัดสินใจอย่างไรกันต่อคะ

คุณแม่มุ้ย : เราก็เลยปรึกษากัน วินนี่และฮีโร่ก็ด้วย แล้วตัดสินใจว่าจะลองลุยกันดูสักตั้ง เพราะพอรู้ช่องทางอยู่บ้าง เนื่องจากเคยเป็นที่ปรึกษากฎหมายที่กรมส่งเสริมการส่งออก จึงรู้ว่ามีงานแฟร์ บวกกับมีรุ่นพี่ทำงานอยู่ที่นั่น ซึ่งงานแฟร์ที่ว่าคืองาน Style Bangkok ที่ไบเทคบางนา

พอตกลงปลงใจกันแล้ว ก็ติดต่อไปยังรุ่นพี่ บอกเขาว่าอยากไปออกงานแฟร์ เล่าให้เขาฟังว่ามีสินค้าอะไรยังไงบ้าง เขาก็ช่วยดูให้ โดยให้เราส่งรายละเอียดไป แล้วทำเรื่องส่งให้กรรมการพิจารณาตามขั้นตอน ผลคืออนุมัติกลับมา พอรู้ก็ดีใจแล้วรีบโทร.หาคุณแม็ก เพราะตอนนั้นแค่ลองส่งเรื่องไปขออนุมัติก่อน ยังไม่มีสินค้าพร้อมขายจริงจัง แล้วคุณแม็กก็ช่วยจัดการให้เรามีสินค้าไปขาย ทั้งพิมพ์ลายผ้าให้ และช่วยติดต่อโรงงานตัดเย็บ ซึ่งตอนนั้นเราไม่ได้ทำสินค้าไปขายเยอะแยะมากมายอะไร ขอแค่ให้ได้มีไปออกงานแฟร์ หลักๆ ก็จะมีผ้าม้วนพิมพ์ลายที่ตัดขายเป็นหลาๆ เพื่อนำไปใช้ตัดเย็บต่อ ชุดลายผลงานของวินนี่ และผ้าพันคอลายผลงานของฮีโร่

กับงานแฟร์ครั้งแรกในชีวิต เจอปัญหาอะไรบ้างคะ

คุณพ่อโพ : ปัญหาของเราคือเพิ่งมารู้ว่างานแฟร์นี้ ไม่อนุญาตให้เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีเข้าในช่วง 3 วันแรกที่เป็นการเจรจาธุรกิจ เราจึงขอเข้าไปคุยกับ ผอ. เพื่อบอกเขาว่าเจ้าของแบรนด์ Keziah อายุแค่ 7 และ 8 ขวบเท่านั้น คือวินนี่และฮีโร่ ถ้าเด็ก 2 คนนี้เข้างานไม่ได้ เราก็ไม่รู้ว่าจะมาเพื่ออะไร ท่าน ผอ. จึงออกบัตรพิเศษให้กับวินนี่และฮีโร่เพื่อให้สามารถเข้างานได้

นอกนั้นก็จะเป็นความขลุกขลักต่างๆ ในฐานะมือใหม่หัดขาย แต่ความประทับใจคือพอลูกค้าเห็นว่าเจ้าของแบรนด์เป็นเด็ก ผลงานทั้งหมดเป็นของเด็กๆ เขาก็จะเมตตาเรามาก บางคนถึงขั้นมาช่วยตัดผ้า เพราะเราตัดกันไม่คล่อง บูธข้างๆ ก็ให้ยืมกรรไกร สายวัด เพราะเห็นว่าเราเป็นมือใหม่จริงๆ

จิ๋วแต่เจ๋ง 'วินนี่-ฮีโร่' พี่น้องศิลปินวัยเยาว์ ผู้จุดประกายธุรกิจแฟชั่นจากพรสวรรค์

แล้วยอดขายเป็นอย่างไรบ้างคะ

คุณแม่มุ้ย : ช่วง 3 วันแรกที่เป็นการเจรจาธุรกิจ  เราไม่ได้ออเดอร์อะไรเลย มีแต่แบบที่สนใจแล้วขอนามบัตรไว้ แต่พอถึง 2 วันหลังที่เป็นการขายปลีก ปรากฏว่าขายได้หมดเกลี้ยง ซึ่งลูกค้ามีทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ พอเขาเห็นสินค้าที่มาจากผลงานของเด็กๆ ก็ชอบกันมาก เหนื่อยแต่ก็สนุก

เราไม่ใช่สายธุรกิจ สายแฟชั่น หรือสายศิลปะ ตอนแรกก็นึกภาพไม่ออกว่าจะออกมาเป็นยังไง ตอนขายก็อธิบายลูกค้าไม่ค่อยจะถูก มือไม้สั่นไปหมด อย่างเรื่องตั้งราคาก็กลัวว่าจะแพงไปหรือเปล่า เราจึงไม่ได้วัดความสำเร็จที่จำนวนเงิน แต่วัดจากประโยชน์ที่ลูกๆ จะได้รับ และสิ่งที่พวกเขาจะได้เรียนรู้

ถ้าถามว่าทำไมเราถึงจริงจังกับทุกคำพูดของลูกๆ หรือทุกสิ่งที่พวกเขาชอบทำ ก็เพราะว่าเราอยากจะเก็บรักษาสิ่งดีๆ เหล่านั้นของพวกเขาเอาไว้ อยากทำให้พวกเขาเห็นเป้าหมายของตัวเองชัดขึ้น อย่างฮีโร่ เขาไม่ใช่คนที่อยากวาดรูปตลอดเวลา เราจึงอยากช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับเขา ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือการทำให้เขารู้ว่าผลงานของตัวเองมีคุณค่า ทั้งการบอกพวกเขาว่าเดี๋ยวเราจะเอาผลงานศิลปะไปโชว์ที่นั่นที่นี่นะ และการไปออกงานแฟร์กัน

หลังจบงานแฟร์ ทำอย่างไรกันต่อกับแบรนด์ Keziah คะ

คุณแม่มุ้ย : พอจบงานแฟร์ แบรนด์ Keziah ก็เริ่มเป็นที่รู้จัก มีสื่อมาขอสัมภาษณ์ ขอคุยกับวินนี่และฮีโร่ แล้วเราก็เริ่มทำเพจกัน มีคนติดตามแค่ไม่กี่ร้อยคนเอง จากนั้นก็โชคดีที่ได้รับความเอ็นดูจากพาณิชย์จังหวัดตรัง เขาเอาผ้าพิมพ์ลายผลงานศิลปะของวินนี่ไปตัดเป็นชุดสำหรับเดินแบบในงานของจังหวัด คราวนี้คนก็เลยรู้จักเราเยอะขึ้น เริ่มมีลูกค้าสั่งซื้อผ้าพิมพ์ลายกันเข้ามาเรื่อยๆ จนมาถึงวันนี้ได้ยังไง ก็ยังงงๆ กันอยู่ แต่ก็สุขใจทุกครั้งเวลามีลูกค้าส่งชุดที่ตัดจากผ้าของเด็กๆ กลับมาให้ดู

จิ๋วแต่เจ๋ง 'วินนี่-ฮีโร่' พี่น้องศิลปินวัยเยาว์ ผู้จุดประกายธุรกิจแฟชั่นจากพรสวรรค์

วางแผนอนาคตให้กับ ‘วินนี่ – ฮีโร่’ อย่างไรบ้างคะ

คุณแม่มุ้ย : สิ่งสำคัญที่สุดคือเราอยากให้พวกเขามีความสุข ทุกวันนี้เราสอนเรื่องความรักเป็นหลักกับเด็กๆ คือสอนให้รักตัวเองก่อน จากนั้นก็ต้องรู้ว่าตัวเองชอบหรือรักอะไร แล้วสื่อสารมันออกมา เพราะถ้าพวกเขารักตัวเองเป็น ก็จะรักคนอื่นเป็นตามไปด้วย สุดท้ายความสุขก็จะเกิดกับพวกเขาเอง ซึ่งทั้งความรักและความสุขจะช่วยให้ผ่านอุปสรรคต่างๆ ไปได้

ทุกอย่างที่เราตั้งใจทำเป็นตัวอย่างให้พวกเขาเห็น ก็เพื่อสอนให้พวกเขามีความกล้า ความตั้งใจ ความเชื่อ และความหวัง แล้วทำในสิ่งที่รักให้เต็มที่ เราไม่รู้หรอกว่าในอนาคตลูกๆ จะเติบโตไปเป็นอะไรกัน ฮีโร่อาจจะไม่ใช่ศิลปิน อาจจะทำอาชีพอื่นก็ได้ วินนี่ก็เหมือนกัน เพราะเขาเคยบอกเราว่าอยากไปปารีส อยากเป็นซูเปอร์โมเดล ซึ่งเขาอาจจะเปลี่ยนไปเป็นทางนั้นก็ได้ เราแค่ขอให้ทางที่ลูกๆ เลือกเดินเป็นทางที่พวกเขารัก และเป็นทางที่ดีก็พอ


 

สัมภาษณ์และเรียบเรียง : อรจิรา ยิ้มอยู่

ภาพ : วรสันต์ ทวีวรรธนะ

Praew Recommend

keyboard_arrow_up