ขึ้นชื่อ “สยามพิวรรธน์” ไม่เคยทำอะไรเล็กๆ ล่าสุดกับอภิมหาโปรเจ็คท์ห้าหมื่นล้าน “ไอคอนสยาม” ที่จับมือกับแมกโนเลียควอลิตี้ดีเวล็อปเม้นต์คอร์ปอเรชั่นและเครือเจริญโภคภัณฑ์ เนรมิตอภิมหาโครงการเมืองที่ยิ่งใหญ่ขึ้นมากลางแม่น้ำเจ้าพระยา นับเวลาถอยหลังอีกไม่นาน อาณาจักรนี้จะกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งใหม่ของประเทศไทย โดยมุ่งที่จะเปิดโครงการในปี 2560 เพื่อเฉลิมฉลองในวาระมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะทรงพระชนมายุ 90 พรรษาและทรงครองราชย์ครบ 70 ปี
กำเนิด ไอคอนสยาม
โจทย์ของ ‘ไอคอนสยาม’ คือต้องเป็น National Landmark เพราะถ้าพูดถึงสัญลักษณ์ของกรุงเทพฯ ในวันนี้ คนส่วนใหญ่คงนึกถึงพระบรมมหาราชวังหรือเสาชิงช้า ประเทศไทยไม่มีแลนด์มาร์คใหม่ๆ เหมือนอย่างที่ฝรั่งเศสมีหอไอเฟล หรือสิงคโปร์ที่วันหนึ่งสร้าง “มารีน่าเบแซน” ซึ่งเป็นโปรเจ็คท์เวิลด์คลาสที่พลิกให้สิงคโปร์กลายเป็นประเทศที่มีการท่องเที่ยวน่าสนใจ
นั่นเป็นที่มาของการร่วมมือระหว่างแมกโนเลียฯ ซีพีและสยามพิวรรธน์ทำโครงการที่ดีที่สุดแห่งยุค เป็นสัญลักษณ์ที่จะทำให้คนทั้งโลกต้องหันมามองกรุงเทพฯ และเมื่อพูดถึงการสร้างแลนด์มาร์ค สถานที่ตั้งจึงเป็นเรื่องสำคัญ แป๋มมองว่า เมกะโปรเจ็คท์จะสร้างที่ไหนก็ได้ถ้ามีเงินทุน แต่การสร้างสิ่งที่เป็นตำนาน ต้องสร้างบนทำเลที่ไม่มีใครสามารถสร้างได้อีกแล้ว นั่นคือแม่น้ำเจ้าพระยา ประตูที่เปิดประเทศไทยออกสู่ชาวโลกมาตั้งแต่ 200 ปีก่อน หากสังเกตดูสถานที่ยิ่งใหญ่ของโลกในหลายประเทศก็ล้วนอยู่ริมแม่น้ำ เช่น ซิดนีย์โอเปร่าเฮาส์ หรือ ลอนดอนอายส์ นับเป็นความโชคดีของเราที่สามารถรวมทุนซื้อที่ดินขนาดใหญ่ริมน้ำฝั่งตรงข้ามโรงแรมโอเรียลเต็ล ตรงจุดโค้งน้ำงดงามที่สุดของเจ้าพระยาได้สำเร็จ
50,000 ล้าน กับการสร้างแลนด์มาร์คให้ประเทศไทย
พื้นที่ของไอคอนสยามมีขนาด 50 ไร่ เมื่อรวมค่าที่ดินและงบประมาณในการก่อสร้างเป็นเงินประมาณ 50,000 ล้านบาท ธนาคารผู้กล้า 2 แห่งที่ให้เรากู้เงินคือ ธนชาต กับ กสิกรไทย (ยิ้ม) เขาก็ตะลึงว่า เงินจำนวนนี้มากกว่าสร้างรถไฟฟ้า 2 สายอีก แต่แป๋มเชื่อว่า สาเหตุที่ทำให้โครงการนี้ผ่านการอนุมัติเพราะเราไม่ได้ชวนให้เขามาสนับสนุนเงินกู้เท่านั้น แต่ให้มาร่วมสร้างประวัติศาสตร์ให้กับประเทศด้วยกัน
ถ้าดูศูนย์การค้าในประเทศตอนนี้ โดยทั่วไปยังไม่ได้สะท้อนถึงความเป็นตัวตนของประเทศไทย สำหรับไอคอนสยามได้ทำงานร่วมกับทีมสถาปนิกวิศวกร นักออกแบบ ศิลปินชั้นนำของไทยและศิลปินระดับโลกมากมายที่มาร่วมนำเสนอไอเดีย เพื่อดัดแปลงเรื่องราวความเป็นไทยแล้วนำเสนอในรูปแบบศิลปะเชิงแอ็บสแตรค โดยทีมงานใช้เวลาถึง 2 ปี เรียนรู้ทุกเรื่องแม้กระทั่งนิทานโบราณ เพราะที่แห่งนี้จะเป็นสตอรี่เทลเลอร์ที่ยิ่งใหญ่ถ่ายทอดผ่านรายละเอียดในทุกๆ มุมของโครงการ
ในส่วนพื้นที่ของศูนย์การค้า นำเสนอ 2 อาณาจักรศูนย์การค้า แยกเป็นอาคารลักชัวรี่ และอาคารเมนรีเทล-เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ตัวอาคารเป็น iconic building โดยใช้ฟอร์มของกระทงซึ่งเป็นเครื่องบรรณาการแด่แม่น้ำ ผสมผสานด้วยสถาปัตยกรรมไทยแบบแอ็บสแตรค จะมีแบรนด์ดังยิ่งใหญ่ระดับโลกกว่า 500 ร้านค้า 100 ภัตตาคาร จาก 30 ประเทศ ครบครันทั้งเทคโนโลยีนวัตกรรมและสินค้าบริการ
ไอคอนสยามจะรวมสิ่งมหัศจรรย์ไว้ 7 อย่าง ในวันนี้คงเล่าได้ 3 เรื่องก่อน เรื่องแรกคือ National Treasure Museum พิพิธภัณฑ์ศูนย์รวมมรดกทางประวัติศาสตร์และสุดยอดภูมิปัญญาไทย จะรวบรวมหลากหลายสิ่งล้ำค่าที่คนทั้งชาติยังไม่เคยเห็น เราทำงานร่วมกับภาครัฐนำหลักฐานทรงคุณค่า สำคัญทางประวัติศาสตร์ จนถึงภูมิปัญญาไทยที่หาดูไม่ได้ที่ไหนมาจัดแสดงที่นี่
สิ่งมหัศจรรย์ที่สอง ไอคอนสยามจะเป็นจุดที่เอื้ออำนวยประโยชน์กับสังคมโดยรอบ เรากำลังสร้างลานคนเมืองใหญ่ที่สุดในประเทศไทยขนาด 10,000 ตารางเมตร ริมแม่น้ำมีวอเตอร์ฟรอนต์ 400 เมตร สำหรับจัดงานประเพณี 12 เดือน และทุกเทศกาลสำคัญของทุกจังหวัดในประเทศไทย
นอกจากนี้ยังมี The River Park โชว์การแสดงสายน้ำผสมผสานแสง สี เสียง ไฟ และมัลติมีเดียที่ยาวที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ส่วนอีก 4 ความมหัศจรรย์ที่เหลือยังบอกไม่ได้ แต่จะประกาศออกมาภายใน 3 ปีนี้แน่นอนค่ะ (ยิ้ม)
Welcome to ICONSIAM
จากวันที่เปิดโครงการในปี 2560 ทุกคนที่มาเยี่ยมไอคอนสยามจะได้รับหนังสือเล่มหนึ่งที่บอกถึงความเป็นมาของโครงการนี้ ไล่จนไปถึงรายละเอียดปลีกย่อย เช่น ต้นไม้ไทยที่อยู่รอบโครงการมีชื่อและสรรพคุณอะไรบ้าง แม่น้ำเจ้าพระยามีความเป็นมาอย่างไร และอีกหลายเรื่องราวความเป็นที่สุดของเมืองไทย คิดดูว่าหนึ่งปีมีนักท่องเที่ยวมาที่นี่กว่า 20 ล้านคน หนังสือจะถูกแจกจ่ายไปกว่า 20 ล้านเล่ม เขาจะนำหนังสือนี้ไปเผยแพร่ต่อให้คนทั้งโลกหันกลับมามองประเทศไทย นี่คือวัตถุประสงค์หลักของเรา ให้โครงการนี้เป็นการรีแบรนด์ดิ้งของประเทศ
สำหรับสยามพิวรรธน์ ก่อนจะเกิดโครงการไอคอนสยาม เราคิดถึงโปรเจ็คท์ใหญ่ๆ แบบนี้มาตลอด ความจริงคุณพ่อ (พลเอกเฉลิมชัย จารุวัสตร์) ให้โจทย์มาตั้งแต่วันเปิดสยามพารากอน ท่านจับมือแป๋มแล้วบอกว่า ถ้าชีวิตนี้เธอมีวาสนาพอ เธอต้องหาที่ดินผืนใหญ่ใจกลางแม่น้ำเจ้าพระยา แล้วสร้างโครงการที่เป็นสัญลักษณ์ของประเทศให้ได้ พอวันนี้ได้เป็นส่วนหนึ่งของไอคอนสยาม จึงเป็นความภูมิใจครั้งยิ่งใหญ่ของชีวิต และสำหรับโครงการนี้ เราไม่ได้ทำเพียงเพื่อธุรกิจ แต่ตั้งใจทำให้ที่นี่เป็นสัญลักษณ์สำคัญแห่งยุคสมัย
เป็นแลนด์มาร์คที่คนไทยทุกคนเป็นเจ้าของและภาคภูมิใจร่วมกัน
เรื่อง : ปารัณ
ภาพ : กฤตธี
ที่มา : นิตยสารแพรวฉบับ 841 คอลัมน์ Wow stories