ฟลุค-เกริกพล

ผู้หญิงที่ใช่ของ “ฟลุค-เกริกพล” ต้องสวย รวย เก่ง อย่างมีสมองและสติ

Alternative Textaccount_circle
ฟลุค-เกริกพล
ฟลุค-เกริกพล

ขึ้นแท่นกูรูด้านการเงินและบัตรเครดิตไปแล้ว สำหรับ “ฟลุค-เกริกพล มัสยวาณิช” ตัวพ่อเรื่องเงินๆ ทองๆ แห่งรายการ Celeb Blog ที่แวะเวียนมาบอกทริคดีๆ เกี่ยวกับการเงินไว้หลายอีพีแล้วทีเดียว

แม้หนุ่มฟลุคจะมีเจ้าของหัวใจเป็นตัวเป็นตนแล้วก็ตาม แต่เชื่อว่าด้วยไลฟ์สไตล์ที่น่าสนใจมากๆ ของเขา น่าจะทำให้หลายคนอยากรู้กันต่อถึงมุมมองในการมองผู้หญิง ซึ่งนิยามของผู้หญิงสวย รวย เก่ง ในแบบฉบับของผู้ชายคนนี้ต้องเป็นอย่างไร แพรวดอทคอมพาเขามาเปิดใจให้ฟังกันแล้ว บอกเลยว่าเทคนิคดีๆ เพียบ อยากสวย รวย เก่ง ต้องดูเลยฟลุค-เกริกพล

ผู้หญิงสวยในอุดมคติส่วนตัว

ดูสะอาด คือ ดูแล้วสะอาดสะอ้าน หน้าไม่มัน เหงื่อไม่ออก ตัวหอม ดูสบายตา จะผิวขาวหรือผิวคล้ำก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าดูรวมๆ แล้วสะอาดสะอ้าน ก็ดูสวยในแบบของตัวเองได้ ความสะอาดจะทำให้ดูดีไปแล้วระดับหนึ่ง อีกอย่างที่ผมชอบเป็นการส่วนตัวคือ ยิ้มแล้วฟันสวย คือไม่ถึงกับต้องขาวสะท้อนแสงเป็นดาราหรือฟันสวยเรียงตัวเป๊ะ แต่ดูรวมๆ แล้วโอเค เรียบร้อย

แต่งตัวถูกกาลเทศะ ผมว่าผู้หญิงสวยไม่จำเป็นต้องแต่งตัวแพงเว่อร์ แค่ให้ถูกกาลเทศะ เช่น ไปงานราตรีก็แต่งชุดราตรี ถือกระเป๋าคลัตช์อะไรก็ว่าไป หรือไปงานสปอร์ตก็แต่งตัวให้ถูก ไม่ใช่หิ้วกระเป๋าถือหนังจระเข้ใบเป็นล้าน ผู้หญิงจะดูดีขึ้นมากเมื่อแต่งตัวตามความเหมาะสม ซึ่งรวมไปถึงเหมาะกับสไตล์และรูปร่างของตัวเองด้วย คือต่อให้คุณรวยแค่ไหน ถ้าแต่งตัวไม่เหมาะสมก็ดูสวยยาก แค่ให้ดูดีที่สุดในแบบที่เป็นคุณก็สวยแล้วครับ”

 

เส้นทางสู่ความรวยของผู้หญิงยุคใหม่

จัดบ้าน ต้องทำเป็นอย่างแรกเลย คุณอาจจะคิดว่าไม่เกี่ยว แต่ผมขอยืนยันว่าเกี่ยว โดยเฉพาะตู้เสื้อผ้า เหตุผลคือ ถ้าบ้านรก เราจะ หาของไม่เจอแล้วซื้อใหม่อยู่นั่นแหละ เพราะคิดว่าไม่มี แต่ถ้าเราจัดหมวดหมู่ไว้แล้วว่ามีเสื้อ กระเป๋า รองเท้าสีนี้ แบบนี้กี่ชิ้น ก็จะช่วยลดทอนความอยากของเราลงได้ ซึ่งอาจจะยากสำหรับคุณผู้หญิง แต่เชื่อผมเถอะว่ามันดีกว่าการที่คุณไม่รู้ว่าตัวเองมีอะไร ดีไม่ดีพอจัดบ้านเสร็จ คุณจะพบว่าตัวเองมีสินทรัพย์ที่ไม่ใช้แล้วอยู่ในตู้เสื้อผ้าเยอะมาก นำไปขายหรือบริจาคก็ได้ ต่อให้ไม่คุ้มอย่างไร ก็ดีกว่าทิ้งไว้เฉย ๆ

ใช้เงินให้น้อยกว่าที่หาได้ เรื่องนี้ผมพูดบ่อย เพราะทุกคนมักบอกว่ามีเงินไม่พอใช้ ผมจะตอบว่ามันไม่มีวันพอใช้หรอกครับ เพราะเราจะมีสิ่งที่อยากได้เสมอ แค่ต้องรู้จักแบ่งสัดส่วนของเงินให้เป็นตามนี้

ภาษี (ตามจำนวนรายได้ของแต่ละคน) นี่เป็นรายจ่ายที่คนส่วนใหญ่ต้องจ่ายทุกคน เราต้องหักไว้ก่อนเลย

เก็บเงินไว้ลงทุน 10 เปอร์เซ็นต์ ไว้สำหรับใช้ในอนาคต ที่ให้เก็บเป็นเปอร์เซ็นต์ ก็เพราะมันจะเพิ่มขึ้นตามฐานเงินเดือนของเรา ซึ่งจะครอบคลุมค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้นในอนาคต พอเก็บเงินตรงนี้ได้แล้วก็ควรนำไปลงทุน แนะนำให้เลือกลงทุนในกองทุนที่มีผลประกอบการดีย้อนหลังไปสัก 5-10 ปี ดีกว่าฝากธนาคารเฉยๆ

กันเหนียวหรือฉุกเฉิน 10 เปอร์เซ็นต์ ข้อนี้สำคัญมาก เพราะเราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น บางวันจู่ๆ ก็มือถือพัง รถเสีย ป่วยเข้าโรงพยาบาล เป็นเรื่องฉุกเฉินที่เราไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไร จึงจำเป็นต้องกันเงินไว้จำนวนหนึ่งเป็นประจำเพื่อใช้ตรงนี้

เผื่อความอยาก 10 เปอร์เซ็นต์ อันนี้มีไว้เพื่อตามใจตัวเอง จะเก็บเงินไปเที่ยวต่างประเทศ หรือซื้อของเป็นรางวัลให้ตัวเอง อะไรก็ว่าไป

ส่วนที่เหลือ 50 – 60 เปอร์เซ็นต์ นั้น คุณต้องใช้ให้พอในชีวิตประจำวัน ถ้าไม่พอแปลว่าคุณต้องเปลี่ยนอาชีพหรือลดความไฮโซของตัวเองลงในบางเรื่อง เช่น 15,000-20,000 บาทแต่ยังใช้ไม่พอ แสดงว่าเสื้อผ้า ที่อยู่ หรืออาหารที่กินนั้นยังแพงไป สำรวจ พฤติกรรมตัวเองแล้วลดลง”

 

แบบไหนที่เรียกว่าผู้หญิงเก่ง

“สำหรับผม คนเก่งคือคนที่สามารบริหารจัดการชีวิตหลายๆ ด้านได้ลงตัว คือ ให้น้ำหนักกับทุกๆ ด้านเท่าๆ กัน ไม่ว่าจะการทำงาน ครอบครัว สังคม การใช้ชีวิต การท่องเที่ยว ฯลฯ ซึ่งจะทำได้ก็ต่อเมื่อรู้จักวางแผนอนาคต ยิ่งไกลเท่าไรยิ่งได้เปรียบ

“ถ้ายังเด็ก เราต้องรู้จักวางแผนดีๆ มีเป้าหมายว่าอยากเป็นอะไรใน 5-10 ปีข้างหน้า อยากเห็นตัวเองอยู่ตรงไหนในหน้าที่การงาน เช่น อีก 5 ปีข้างหน้า คุณจะอยู่ตำแหน่งอะไร เงินเดือนเท่าไร พอใจไหม ถ้าไม่ ก็อาจต้องเปลี่ยนที่ทำงาน หรือถ้าตอนนี้ยังแฮ็ปปี้กับงานนี้อยู่ แต่มองแล้วว่าในอีก 10 ปี ข้างหน้า บริษัทนี้ไม่มีทางให้ในสิ่งที่คุณอยากเป็นได้ คุณก็อาจจะทำงานที่นี่สักพักแล้วเตรียมหาที่ใหม่

“หรือเคยถามตัวเองไหมว่าอยากทำงานไปถึงเมื่อไร ทั้งชีวิตหรือเปล่า หรือทำงานไปก่อนแล้วพักทีเดียว ลองถามตัวเองว่าอยากเป็นข้าราชการไหม พอเกษียณแล้วมีบำนาญ หรืออยากเป็นนักธุรกิจ หาเงินให้ได้มากที่สุด เอาบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ กลายเป็นคนที่รวยเว่อร์ๆ ไม่ต้องทำอะไรแล้ว มี 2-3 แบบให้เลือก คือยิ่งวางแผนล่วงหน้าได้นานเท่าไร เราจะรู้ว่าเราอยู่ในช่วงไหนของชีวิต หาวิธีจัดการได้ และจะไม่แกว่ง

“ส่วนวัยผมไม่ได้คิดว่าตัวเองมีเป้าหมายอะไรแล้ว แค่รู้ว่าอยากทำอะไรในอนาคตบ้างก็จะแพลนไว้ เช่น ปีนี้เที่ยวที่ไหน ปีหน้าไปที่ไหน ผมก็จองไว้ล่วงหน้าเลย เพราะการรู้ล่วงหน้าย่อมดีกว่าเสมอ ทำให้เราเก็บเงินไว้ได้ก่อน บริหารจัดการตัวเองได้ การบริหารเงินก็จะดีด้วย เพราะรู้แล้วว่าต้องจ่ายค่าอะไรบ้าง จำไว้ครับ วางแผนอนาคตดีกว่าเสมอ”


 

ที่มา : นิตยสารแพรว ฉบับ 937

ภาพ : @fluke777

Praew Recommend

keyboard_arrow_up