จากศิลปินสาวสุดเปรี้ยวที่ใครๆ ก็มองว่าชอบปาร์ตี้เป็นชีวิตจิตใจ ในวันนี้ชีวิตของ แคล – แคลอรีน นีมะโยธิน ไม่ใช่อย่างที่ทุกคนเคยเห็น เพราะเธอสลัดคราบสาวซ่ามาเป็นคุณแม่ลูกสองที่กำลังอยู่ในวัยซนซะแล้ว
และ Exclusive Talk วันนี้เป็นอีกครั้งที่พิเศษมาก เพราะมีหนูน้อยอย่างน้องเอเบิลล์และน้องคาเลย์ญ่า ลูกชายและลูกสาวของแม่แคลมาร่วมด้วย บรรยากาศอาจจะโกลาหลนิดหน่อย แต่ก็เต็มไปด้วยความน่ารัดสดใสไม่น้อยเลยทีเดียว
ชีวิตที่เปลี่ยนไป วันนี้เป็นคุณแม่แล้ว มีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้าง
แคล : ชีวิตเปลี่ยนไปเยอะค่ะ ได้ทำอะไรเพื่อคนอื่นมากขึ้น ฤทธิ์ซ่าน้อยลง (หัวเราะ) ก็ดีค่ะ แต่ก่อนแคลจะทำงาน ปาร์ตี้ และเที่ยว ไม่ค่อยได้หาหลักอะไรที่มั่นคง ตอนนี้รู้สึกว่ามั่นคงขึ้น และเราก็ได้เป็นแม่ด้วย (ยิ้ม)
ดูลูกชายที ป้อนนมลูกสาวที คิดว่าคงเหนื่อยน่าดูเหมือนกัน
แคล : หลายคนชอบถามว่าทำไมเราไม่หาพี่เลี้ยงมาช่วย มันสบายกว่านะ แต่ตัวแคลเองคิดว่าการที่ได้เลี้ยงดูลูกเอง เราจะเห็นพัฒนาการของเขาทุกวัน แคลรู้สึกดีนะ มันเหนื่อยแต่มีความสุขมาก
สองคนถือว่าเพียงพอแล้ว หรือว่าอยากมีอีกสักคน
แคล : แรกๆ เลยตั้งใจอยากมีคนเดียวนะ แต่คนที่สองมาเอง (หัวเราะ) แต่ก็โอเคนะคะ เขามาใกล้ๆ กัน โตขึ้นจะได้ช่วยดูแลกันได้
ระดับความซนของลูกๆ เป็นอย่างไรบ้าง
แคล : (หัวเราะ) ดูจากที่เห็นตอนนี้คิดว่าเป็นใครล่ะคะ (ระหว่างที่พูดคุย น้องเอเบิ้ลล์กำลังตั้งใจกับการปืนป่ายเก้าอี้ไม่หยุด) คือคนโตเขาค่อนข้างเป็นตัวของตัวเองสูง เขามีโลกส่วนตัวนิดนึง ซนกว่าคนเล็กเยอะมาก ยิ่งตอนนี้สองขวบครึ่งเป็นช่วงพัฒนาการของเขาเลยที่อยากจะหยิบนั่นจับนี่ ปืนป่ายทุกอย่าง ส่วนคนเล็กตอนนี้หกเดือนค่ะ ยังไม่ค่อยซนเท่าไหร่ แต่หน้ารับแขกตลอด
พัฒนาการของน้องเป็นอย่างไรบ้าง ดูแล้วนิสัยเหมือนใคร
แคล : เท่าที่ดูตอนนี้ยังไม่รู้เลยว่าจะเหมือนใคร เพราะคุณพ่อเขาเองเป็นคนใจดี ใจเย็นมากก ชอบฟังเพลง อารมณ์สุนทรีย์ แต่เอเบิ้ลล์ค่อนข้างเป็นตัวของตัวเองสูงมาก จะเป็นคนเลือกตัดสินใจเองตลอด ตอนแรกแคลก็หงุดหงิดตัวเองนะ เพราะคิดว่าเราเลี้ยงลูกไม่เป็น ตามใจเขามากไปหรือเปล่าเขาถึงเป็นแบบนี้ แต่คนเรามันไม่เหมือนกัน เขาก็ต้องมีความคิดของเขา ส่วนคนเล็กจะอะไรก็ได้ ชอบออกงาน ใครอุ้มก็ยิ้ม ให้ไปไหนก็ไป (หัวเราะ)
แบบนี้แสดงว่าเวลาเลี้ยงลูกต้องแบ่งเป็นสองร่างเลยหรือเปล่า
แคล : ถ้ากับเอเบิ้ลล์จะดุค่ะ เพราะเขารู้เรื่องแล้ว แต่ไม่ตีนะ เพราะตอนเด็กเคยโดนตี เลยอยากเลี้ยงเขาด้วยเหตุผลมากกว่า ถ้าแคลนิ่งๆ ไป เขาจะรู้ ไม่กล้าแล้ว ส่วนใหญ่จะดุเรื่องกินข้าวและเรื่องมารยาท อย่างการเอาเท้ามาวางบนโต๊ะคือห้ามเลย
ดูแลลูกๆ กันเองกับสามี เคยความเห็นไม่ตรงกันบ้างไหม
แคล : ก็มีนะ ขนาดคบกันยังทะเลาะเลย (หัวเราะ) พอมีเรื่องลูกมาเกี่ยวข้องด้วย มันก็เป็นธรรมดาที่ความเห็นไม่ตรงกันบ้าง แต่ละคนจะมีวิธีการสอนลูกไม่เหมือนกัน แต่เราก็จะแบ่งหน้าที่กันชัดเจนเลยค่ะ
ลูกสาวดูอารมณ์ดี ยิ้มตลอด แบบนี้ท่าทางคุณพ่อน้องคงหลงมาก
แคล : หลงมาก หลงลืมภรรยาเลย (หัวเราะ) เพราะเขาอยากได้ลูกสาวมาก แต่แคลเองอยากได้ลูกชาย ก็โอเค ตอนนี้มีสองคนเลย
ตอนนี้ศูนย์กลางอยู่ที่ลูกสองคน แล้วชีวิตคู่ยังหวานเหมือนเดิมไหม
แคล : ตอนแรกยังหาจุดที่พอดีไม่เจอนะ หลังจากมีลูกเราก็ไม่เก็ตว่าจะทำยังไงดี แต่พอลูกเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำกิจกรรมด้วยกัน มันก็มีอะไรให้เล่นกันมากขึ้น ทำอะไรก็ทำด้วยกัน ความหวานเลยยังอยู่ และแฟนแคลเองก็ไม่ใช่คนโรแมนติกหวือหวาอะไรอยู่แล้ว เขาจะเสมอต้นเสมอปลาย จะไม่ปากหวานอะไร นานๆ ทีจะมีสักครั้ง (หัวเราะ) แต่เขาจะเป็นแบบนี้อยู่แล้ว
อยู่กันสี่คนพ่อแม่ลูก มีกิจกรรมอะไรที่ทำร่วมกันบ้าง
แคล : ตอนที่อยู่อเมริกาส่วนใหญ่จะพาเขาไปเดินเล่น ไปทะเล เพราะบ้านอยู่ใกล้ทะเลด้วย
สไตล์การเลี้ยงลูกแบบแคลเป็นแบบไหน
แคล : ก็เน้นความเป็นไทยเยอะ เพราะเราโตที่อเมริกา เลยรู้สึกว่าถ้าเราไม่รักษาเรื่องนี้ไว้ ลูกจะไม่มีวัฒนธรรมในการดำเนินชีวิตเลย โดยเฉพาะเรื่องการเคารพผู้ใหญ่ การไม่ใช้เท้าบนโต๊ะ เรื่องนี้แคลกับแฟนถือมากและไม่ชอบเลย ตอนนี้ก็พูดภาษาไทยกับลูกด้วย เพราะแฟนพูดภาษาอังกฤษอยู่แล้ว แคลกะว่าจะเลี้ยงเขาแบบโฮมสกูลก่อนจนถึงสามขวบ และค่อยเอาเข้าโรงเรียน พอห้าขวบก็พาเขากลับอเมริกา เขาจะได้มีไลฟ์สไตล์ที่นั่นด้วย
วันนี้เป็นแม่แล้ว ย้อนกลับไปตอนเป็นลูก แคลกับแม่เป็นแม่ลูกแบบไหน
แคล : แม่แคลเป็นซิงเกิ้ลมัมค่ะ เลี้ยงลูกสามคน แคลก็รู้ว่าแม่เหนื่อย ลำบากมามาก เพราะท่านก็ไม่ใช่คนที่เรียนจบมหาวิทยาลัย ต้องทำงานหนัก ก็ค่อนข้างมีเวลาให้ลูกน้อย แต่แคลกับแม่ก็สนิทกันมากนะ เพราะเราขาดพ่อ เราเลยมีแม่ที่สั่งสอนตลอดเวลา แม่เลี้ยงเหมือนเพื่อนมาก (หัวเราะ)
เห็นวิธีการเลี้ยงลูกของแม่มาตลอด มีเรื่องไหนที่แม่สอนแล้วเอามาใช้กับลูกตัวเองบ้างไหม
แคล : คงเป็นความอ่อนโยนของแม่ค่ะ (น้ำตาซึม) เพราะท่านเป็นคนไม่ดุ แล้วแคลจำได้ว่าตอนแคลเข้าวงการใหม่ๆ คนอื่นมักจะมองว่าแบบนั้นดี แบบนี้ไม่ดี แม่จะสอนให้แคลอย่าไปใส่ใจเรื่องอะไรแบบนั้นมาก แคลก็จะเอามาใช้ในชีวิตประจำวันของตัวเองจนถึงทุกวันนี้ คือเราไม่สามารถเปลี่ยนตัวเองให้เขามาเข้าใจเราตลอดเวลาได้ เราทำในสิ่งที่เราแฮ็ปปี้ และดูแลคนรอบข้างเราให้ดีดีกว่าค่ะ
มองอนาคตหรือคาดหวังกับลูกสองคนนี้ไว้บ้างไหม
แคล : เขาโตเร็วมาก ในเมื่อเราเลี้ยงให้เขาเป็นตัวของตัวเอง แคลหวังว่าโตขึ้นไม่ว่าอะไรก็ตาม ก็อยากให้เขามีความสุข เพราะหลายคนใช้ชีวิตหลายอย่างในทางที่ผิด หรือทำในสิ่งที่ไม่ได้รักจริงๆ จะทำก็เพื่อการอยู่รอด แต่ถ้าเรารู้ว่าเราชอบอะไร ทำในสิ่งที่ตัวเองรักน่าจะดีกว่า อยากให้เขาโตไปแล้วแฮ็ปปี้ในสิ่งที่ตัวเองทำ แค่นั้นพอแล้วค่ะ
ทุกวันนี้เข้าใจคำว่าแม่ได้ลึกซึ้งขนาดไหน
แคล : เข้าใจตั้งแต่วันที่แคลคลอดเลย บอกตามตรงว่าเจ็บมากนะ แคลไม่ได้บล็อกหลังอะไรเลย เพราะตั้งใจแต่แรกว่าอยากคลอดเองทั้งสองคน ช่วงนั้นปรึกษากับพี่เคท ไบรโอนี่ เยอะมาก แคลรู้สึกว่าการที่เราผ่านอะไรตรงนั้นมาได้ มันคือสุดยอดของมนุษย์แล้ว
ผู้หญิงทุกคนที่มีลูกมันเหนื่อยนะ เรากังวลตลอดเวลาว่าทำได้ดีหรือยัง เข้าใจดีถึงความรู้สึกของแม่แล้ว ที่เขาถามเราว่าอยู่ไหน ทำไมไม่กลับบ้าน คือเขาห่วง บางคนอาจเคยรู้สึกว่าแม่อะไรอะ น่ารำคาญ แต่จริงๆ คือเขาเป็นห่วงเราทั้งนั้น
แต่ก่อนแคลหาความสุขให้ตัวเองอย่างเดียว ปาร์ตี้บ่อยมาก ไม่ได้แคร์ว่าคนอื่นอะไรยังไง แต่พอเป็นแม่คนแล้ว โอเค มันมีกฎเกณฑ์ของมันว่าเราต้องวางตัวอย่างไร ทุกวันนี้เข้าใจเลยว่าการเป็นแม่ไม่ใช่แค่การเลี้ยงคนคนนึงให้เติบโตตามบทบาทหน้าที่ของการเป็นแม่ คืออธิบายเป็นคำพูดไม่ถูก แต่รู้เลยว่าพอมาเป็นแม่เอง เรายิ่งรักแม่มากขึ้น และเข้าใจแม่มากขึ้นด้วย…
จบท้ายการสนทนาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มและน้ำตาคลอเบาๆ หลังจากได้ยินคำถามสุดท้าย คงไม่ต้องบรรยายอะไรมากว่าความรู้สึกมันจุกอกขนาดไหน เอาเป็นว่าวันนี้ของสาวแคล เธอเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนมาก จากสาวซ่ามาเป็นคุณแม่ได้เริดจริงๆ
เรื่อง : SRIPLOI
ภาพ : วาระ สุทธิวรรณ
สถานที่ : The Rocket Coffeebar