บุรินทร์ บุญวิสุทธิ์

Singer Dad บุรินทร์ บุญวิสุทธิ์ บาลานซ์ชีวิตอย่างไรให้สุข?

บุรินทร์ บุญวิสุทธิ์
บุรินทร์ บุญวิสุทธิ์

เติมเต็มความแฮ็ปปี้ให้ชีวิต บุรินทร์ บุญวิสุทธิ์ เลือกในสิ่งที่มีความสุขและทำให้ประสบความสำเร็จไปพร้อมๆ กัน

บุรินทร์ บุญวิสุทธิ์
บุรินทร์ บุญวิสุทธิ์

ถึงจะต้องสวมหมวกหลายใบ ทั้งในฐานะนักร้อง นักบริหาร ฯลฯ แต่บุรินทร์ บุญวิสุทธิ์ หรือบุรินทร์ กรู๊ฟ ไรเดอร์ ก็ทำทุกอย่างออกมาได้ดี ด้วยคติการบาลานซ์ชีวิต หน้าที่ และสิ่งที่รักที่ชอบให้ผสานกันอย่างลงตัวจนประสบความสำเร็จ ล่าสุดนอกจากการเป็นนักร้อง ผู้บริหารเมโทร ออโต้เฮ้าส์ รถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ และเมโทร ฮอนด้าออโตโมบิล เขายังนั่งแท่นผู้บริหารคอมมูนิตี้มอลล์ เดอะ โกรฟ บาย เมโทร เน็ทเวิร์ค (The Grove by Metro Network) ย่านสายไหม – หทัยราษฎร์ด้วย

บุรินทร์ บุญวิสุทธิ์

ไม่เพียงเท่านั้น นอกจากการดูแลคอมมูนิตี้มอลล์แล้ว ศิลปินหนุ่มยังเปิดร้านอาหาร Shab Shab Shabu และ LAMBIC a modern eatery ซึ่งเจ้าตัวบอกว่าเป็นความฝันของเขาในวัยเด็ก เขาทุ่มเทและใส่ใจในทุกขั้นตอนเพื่อสร้างร้านนี้ แม้จะต้องเดินทางไปดูกิจการหลายแห่ง และวันหนึ่งๆ ขับรถกว่า 100 กิโลเมตร แต่เขามีความสุขมากๆ ที่ได้สร้างชีวิตมั่นคงให้ครอบครัวและทำในสิ่งที่ตัวเองรัก วันนี้แพรวดอทคอมขอพาผู้อ่านมาเจาะลึกถึงการทำร้านอาหารในฝันของเขา รวมถึงวิธีการบาลานซ์ชีวิตในขณะที่ต้องสวมหมวกหลายใบอย่างไรให้มีความสุขแบบหนุ่มคนนี้

เรื่องกินเรื่องใหญ่

“ต้องบอกว่าครอบครัวผมเป็นครอบครัวสายชอบรับประทาน ซึ่งการเลือกนั้นไม่ได้ให้ความสำคัญกับความหรูหรา ราคาแพง แต่เน้นอร่อย มีคุณภาพ และสะอาดเป็นสำคัญที่สุด บางทีบริการไม่ดีก็ยังไปกิน อย่างตอนเด็กๆ ครอบครัวของผมวันเสาร์ – อาทิตย์จะขับรถไปหาของอร่อยๆ บางครั้งก็ไปไกลถึงราชบุรี กาญจนบุรี ฯลฯ สมัยที่ก่อนจะมีโซเชียลเน็ตเวิร์คมันเป็นเรื่องยากที่จะไปเสาะหาร้านอร่อยๆ ส่วนใหญ่เราได้ข้อมูลจากเพื่อนที่อยู่จังหวัดนั้นๆ สำหรับร้านที่เราเลือกจะเป็นร้านที่ไม่ใช่ขายนักท่องเที่ยว แต่เป็นคนพื้นที่กิน ซึ่งบางครั้งก็หายาก บางครั้งก็ไม่มีชื่อร้าน และไม่ใช่แค่ในเมืองไทยเท่านั้น แต่ต่างประเทศเราก็ทำแบบนี้”

มีความฝันว่าสักวันหนึ่งอยากจะเปิดร้านอาหารเป็นของตัวเอง

“มันเป็นความฝันที่เราอยากมีร้านอาหารของตัวเองมาตั้งนานแล้ว ด้วยความที่ครอบครัวเราชอบการกิน พอเราไปลองทานนั่นทานนี่ก็มีไอเดียเยอะไปหมด คุณพ่อผมเองก็มีสูตรอาหารประจำบ้านหลายสูตร แล้วเพื่อนๆ ก็จะแวะมาทานอาหารที่บ้านเสมอ คือถ้าอยากกินสูตรนี้ต้องแวะมาทานที่บ้านอย่างเดียว มันก็เลยเป็นไอเดีย ประจวบเหมาะกับที่ได้มาทำคอมมูนิตี้มอลล์ เดอะ โกรฟ บาย เมโทร เน็ทเวิร์ค (The Grove by Metro Network) ก็เลยได้โอกาสลงมือทำจริงๆ”

LAMBIC a modern eatery

“จริงๆ ร้านแรกที่ก่อตั้งเป็นร้านชาบู ชื่อ Shab Shab Shabu คือเรามองว่าเป็นอาหารที่คนไทยคุ้นเคย ทานได้ทั้งครอบครัว ทั้งสนุกและอร่อย ก็เลยคิดว่าเราน่าจะทำชาบูก่อน หลังจากนั้นก็เปิดร้านที่ 2 ชื่อว่า LAMBIC a modern eatery คอนเซ็ปต์ร้านก็เป็นแนวโรงนาของฝรั่ง อาหารจะเป็นสไตล์นานาชาติ จะมีทั้งอาหารไทย ฝรั่ง ญีปุ่น มีความหลากหลาย นอกจากนี้ที่ร้านยังมีโซนพิเศษสำหรับจัดเลี้ยงส่วนตัว เรียกว่า Lavender Glasshouse เป็นห้องเรือนกระจกที่มีกลิ่นของดอกลาเวนเดอร์เพิ่มบรรยากาศในการทานอาหารด้วย”

LAMBIC a modern eatery
บรรยากาศร้าน LAMBIC a modern eatery Cr. LAMBIC

View this post on Instagram

ที่ Lambic นอกจากอาหารจานหลักที่ทุกคนติดใจแล้ว ของหวานของเราก็อร่อยเข้มข้นไม่แพ้ใครนะคะ! . เดือนนี้ เรามี 3 เมนูของหวานใหม่ ที่อยากให้ทุกท่านได้ลองชิมกัน นั่นคือ แอปเปิ้ล สตรูเดิ้ล (apple strudel), ช็อกโกแลตลาวา (chocolate lava), และ พานาคอตต้าเสาวรส (panna cotta passionfruit sauce) . มาชิมกันให้ได้นะคะ!

A post shared by Lambic Eatery (@lambic_eatery) on

 

ทำอะไรต้องทำให้ดีที่สุด

“ลงมือเองเยอะมากครับ รวมถึงก่อสร้างด้วย (หัวเราะ) ผมเป็นคนที่รักและชอบงานอะไรก็อยากจะมีส่วนร่วม อย่างตอนทำเพลงผมก็อยู่ในทุกขั้นตอนจนมันออกมาเป็นอัลบั้ม รวมถึงโชว์เราก็มีการพัฒนา คิดเสมอว่าทำอย่างไรให้โชว์ของเราสนุกมากที่สุด มันมีการวางแผนมาพอสมควร และใช้ประสบการณ์ผสมเข้าไป พอมาถึงร้านอาหาร ผมคิดว่ามันก็คล้ายๆ กัน คือต้องทำการบ้านมาอย่างดีว่าลูกค้าชอบอะไร อาหารที่เราเลือกถูกปากลูกค้าไหม จานนี้สั่งมาแล้วเดือนนึงจะขายได้กี่จาน เราเลือกจานที่อาจจะไม่เก๋เท่า แต่เป็นอาหารจานโปรดตลอดกาล คนสามารถกลับมารับประทานอีกได้”

ใกล้ชิดกับเจ้าพ่อดิสโก้

“ปกติแล้วถ้าผมมาก็จะมีลูกค้าทักทาย และบอกให้เราเล่นเพลงนั้นเพลงนี้ให้ฟังหน่อย พอโดนเรียกร้องเยอะๆ ผมก็ขึ้นไปร้อง แต่ต้องมีนักดนตรีอยู่นะ ถ้าวันไหนนักดนตรีไม่อยู่ เราร้องเปล่าก็จะดูตลกไปหน่อย ผมคิดว่าการที่เราได้ไปนั่งคุยกับเขาก็ทำให้เขามีความสุขได้เหมือนกัน ทุกครั้งที่ผมมาร้าน ผมจะเข้าไปหาทุกโต๊ะ แล้วจะถามเรื่องคุณภาพอาหาร ความรู้สึกของเขาที่มีต่อการบริการ เป็นการเก็บข้อมูลที่มีประสิทธิภาพที่สุด และผมก็เอาคำแนะนำมาพัฒนาบริการ ต้องขอบคุณลูกค้าทุกคนที่มาที่นี่ด้วย”

https://www.instagram.com/p/BYTbGRjlTmr/?utm_source=ig_web_button_share_sheet

รักในสิ่งที่ทำ ทำในสิ่งที่ชอบ

“ส่วนตัวไม่ชอบทำอะไรที่เขาทำกันอยู่แล้ว เพราะมันจะไปแข่งกันเปล่าๆ อยากสร้างบริการใหม่ๆ ขึ้นมา จะได้มีคู่แข่งน้อยๆ อีกอย่างหนึ่งผมว่าคนเราถ้าได้ทำอะไรในสิ่งที่ตัวเองชอบ นั่นคือความสุขมากที่สุด เหมือนกับผมที่ได้มาร้องเพลง ตอนแรกผมก็ไม่เคยนึกเลยว่าการร้องเพลงจะทำให้เรามีความสุขมากเท่านี้ ถ้าเราได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก ชีวิตก็จะมีความสุข เหมือนเป็นน้ำหล่อเลี้ยงให้ชีวิตมีความสุขไปได้เรื่อยๆ”

ไม่ต้องทำหลายเรื่อง แต่ต้องเอาให้ได้เรื่อง

“ปีที่ผ่านมาคนเห็นหน้าผมน้อย เพราะผมไม่มีเวลามาเล่นดนตรีจริงๆ เนื่องด้วยผมมีลูกคนใหม่หลายคน (หัวเราะ) คือมีธุรกิจใหม่หลายอัน ถ้าจะทำให้ประสบความสำเร็จ เราควรเลือกโฟกัสเป็นอย่างๆ ไป เช่นเดียวกับเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา ผมไปโฟกัสเรื่องรถยนต์มากจนทำให้อัลบั้มออกช้า แต่ปี 2017 ผมก็ได้รางวัลเกี่ยวกับบริการรถมา ซึ่งผมภูมิใจมาก ขณะที่งานเพลงในอัลบั้ม The Lift ผมก็ถอดหมวกผู้บริหาร ขอเป็นนักดนตรีเต็มตัวและตั้งใจทำงานให้ออกมาดีที่สุด ตอนนั้นก็แแฮ็ปปี้มาก เพราะอัลบั้มชุดนั้นได้รางวัลเยอะถึง 11 รางวัล และโชว์เราก็เคยเล่นในสเกลคนดูที่ 3 แสนคนมาแล้ว ผมมองว่าถ้าสวมหมวกหลายๆ ใบก็ไม่รู้ว่าจะทำได้ดีขนาดนี้หรือเปล่า แต่ถ้าเราโฟกัสด้านใดด้านหนึ่งให้ชัดเจน เราก็จะมีเวลากับมันและทำสิ่งนั้นออกมาดีที่สุด”

กับบทบาท Singer Dad

“ตอนนี้คนโต บูรพา อายุ 10 ขวบ คนเล็ก บฤณ อายุ 8 ขวบ นิสัยใจคอเรียกว่า 2 คน 2 ขั้วเลยครับ คนโตเป็นเด็กเรียน รักกีฬา และวางแผนชีวิต ยกตัวอย่างเช่น ผมชวนเขาเตะบอล แต่เขาปฏิเสธผม บอกว่าไม่ได้ ต้องทำการบ้านก่อน นั่นเป็นคำพูดที่ไม่ค่อยได้ยินจากเด็กสักเท่าไหร่ ผมเองก็ไม่เคยพูดคำนี้กับพ่อแม่ ผมฟังแล้วรู้สึกว่าได้มาจากใครเนี่ย อยากร้องเพลงขอบคุณสรวงสวรรค์เลยครับ แต่เรื่องกีฬาเขาก็ไม่ทิ้ง เขาเล่นกีฬาหนักมากทุกอย่าง ว่ายน้ำก็ได้ที่ 1 ฟุตบอลก็ดี ตอนนี้ไปตีกอล์ฟ ตีเทนนิส ดนตรีก็เล่น กลองชุด เปียโน เป็นต้น

“ส่วนคนเล็กนี่คนละขั้วเลยครับ ผมมองว่าเขาคล้ายผม แต่แรงกว่า วิชาอื่นๆ จะอิดออด แต่ถ้าเป็นเรื่องศิลปะเขาไม่ยอมแพ้เลย ชอบมาก ผมก็แนะนำว่าศิลปินที่รวยจากงานศิลปะมีไม่กี่คน ก็แนะนำเขาว่าให้เลือกทางให้ถูก เรียนสถาปัตย์ดีไหม ก็ได้วาดรูป หรือครีเอทีฟ มาทำงานโฆษณาก็ได้ ก็หวังว่าเขาจะเป็นปีกัสโซ รวยตอนที่ยังไม่ตาย”

View this post on Instagram

Maiden voyage

A post shared by Burin Boonvisut (@burin_boonvisut) on

View this post on Instagram

Big B & Little B #burinboonvisut #burinliveinmelbourne

A post shared by Burin Boonvisut (@burin_boonvisut) on

โรแมนติก ไม่มีในพจนานุกรมของบุรินทร์

“ผมก็ไม่รู้ว่าหวานหรือเปล่า แต่ผมไม่เคยเปลี่ยน ไม่โรแมนติกยังไงก็ไม่โรแมนติกอย่างนั้นมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ส่วนตัวผมไม่ชอบอะไรที่เซอร์ไพร้ส์ ผมชอบอะไรที่วางแผน สำหรับการให้ของขวัญ การพาไปกินข้าว ชีวิตผมไม่เคยทำนะ นั่งกินข้าวแล้วมีดอกไม้หรือจุพลุ ชีวิตไม่เคยมี ดอกไม้ดอกนึงยังแทบจะไม่มีเลย ส่วนใหญ่ถ้ามีก็แฟนเพลงให้มาแล้วเอาไปให้ (หัวเราะ) ผมว่าดอกไม้ให้ไปมันก็เหี่ยวร่วงและแพง เก็บเงินที่จะซื้อดอกไม้ไปเที่ยวไหนกัน หรือกินข้าวอร่อยๆ หรือไปทริปร่วมกันทั้งครอบครัว อีกอย่างแฟนผมก็ไม่โรแมนติก ไม่ชอบอะไรโรแมนติก เขาบอกว่าเลี่ยน ไม่ชอบ เราเหมือนเพื่อนกัน ปีนี้เข้าปีที่ 25 แล้ว ผมว่ามันไม่ใช่แฟนแล้ว เป็นคนในครอบครัว เราคิดเหมือนกัน รู้ใจกันหมด”

View this post on Instagram

ชอบที่นี่มาก

A post shared by Burin Boonvisut (@burin_boonvisut) on

View this post on Instagram

ใสๆวัยรุ่นปะ

A post shared by Burin Boonvisut (@burin_boonvisut) on

ผู้ชายคลาสสิก ชีวิตไม่เคยตามเทรนด์

“คืออย่างนึงที่ผมกล้าพูดเลยก็คือ เราไม่ทำอะไรตามเทรนด์ โดยเฉพาะงานดนตรี อย่างชุดแรกที่ออกมา ใครๆ ก็รู้ว่าตอนนั้นดิสโก้มันตายไปนานแล้วประมาณ 20 ปี เราก็เอากลับมาเล่นใหม่ เราทำเพลงโซลที่ไม่ใช่กระแสหลักของดนตรีมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นของไทยหรือของโลกก็ตาม แต่เป็นดนตรีเฉพาะกลุ่มที่สามารถขยายเป็นวงกว้างได้เท่านั้นเอง และอย่างนึงที่ทำให้เรามีคู่แข่งน้อย ไม่มีวงที่เหมือนเรา คือ คุณภาพในการทำเพลง เราไม่เคยอ่อนข้อให้มัน ไม่เคยตั้งเป้าว่าชุดนี้เราจะใช้งบทำกี่บาท เราไม่เคยมีอย่างนั้น ซึ่งถ้าพูดในทางธุรกิจมันไม่ดี แต่อันนี้ผมว่ามันเป็นศิลปะ ดังนั้นผมเลยไม่อ่อนข้อให้กับมัน คิดยังไงก็ทำอย่างนั้น ทุกอัลบั้มที่ผ่านมา รวมถึงอัลบั้มเดี่ยวของผมเอง ใช้งบบานมาก เพราะผมใช้นักดนตรีระดับโลกเล่น มิกซ์เสียงเมืองนอก อัดเสียงเมืองนอก ให้มันได้สิ่งที่เราต้องการมากที่สุด เพราะฉะนั้นผมคิดว่าเพลงมันจะอยู่ได้นานกว่า ของที่มันมีคุณภาพ ผมมั่นใจว่ามันอยู่ได้นานกว่าของที่เป็นแฟชั่นฉาบฉวย”

ท้ายที่สุดไม่มีใครเข้าใจเรามากกว่าตัวเราเอง

“ในเรื่องการแต่งตัวก็เช่นกัน ทุกวันนี้ผมก็ยังแต่งตัวเหมือนเดิม แต่มันอาจจะมีอะไรที่คนเป็นของยุคใหม่ คล้ายๆ กับสิ่งที่เราชอบ ก็ปรับตัวไปตามนั้น ลองสังเกตดู ชุดผมมีไม่กี่สี กางเกงผมส่วนใหญ่เป็นสีน้ำเงิน เทา เนื้อ และสีดำ รองเท้าก็มีไม่กี่แบบ แต่จะเปลี่ยนสีด้ายไปเรื่อยๆ อีกอย่างตั้งแต่ผมทำงานในวงการนี้มา ผมไม่เคยมีสไตลิสต์ เพราะมีก็มาทะเลาะกับผมทุกที ผมไม่ชอบให้ใครแต่งตัวให้ผม ผมแต่งตัวเอง ผมแต่งแล้วรู้สึกว่าผมสบายใจกับมัน สไตลิสต์ไม่เข้าใจผม ไม่มีใครเข้าใจเรามากกว่าตัวเราเอง”


 เรื่อง : นนทพร สุทธิพิบูลย์

Praew Recommend

keyboard_arrow_up