สารคดีท่องเที่ยว TRUE MEANING OF HEAVEN @ DUBROVNIK & ZAGREB (ตอนที่1)

เหตุบังเอิญที่เข้ามาเยี่ยมเยียนชีวิตเราบางครั้งไม่สามารถหาเหตุผลมาอธิบายได้ฉันเรียกมันว่าพรหมลิขิต ไม่เคยคิดว่าการเดินทางแบบเรื่อยเปื่อยจะนำมาสู่การพบเมืองเลอค่าที่เป็นรักแรกพบ ถ้าเปรียบให้ดูบรอฟนิกกับซาเกร็บเป็นหญิงน่าจะเป็นผู้หญิงเท่ เก๋ ไม่ต้องพยายามสวย งามคลาสสิกอยู่ในเนื้อแท้เป็นเมืองที่เที่ยวสบาย เรียบนิ่งง่าย แต่ไม่น่าเบื่อ

1

อิสรภาพผลิบานที่ Croatia

โครเอเชียเคยเป็นส่วนหนึ่งของยูโกสลาเวีย ช่วงปี 1985 – 1991 สหภาพโซเวียตล่มสลาย เกิดโดมิโนลุกลามไปทั่วยุโรปตะวันออก การสู้รบระหว่างชนชาติเพื่อเป็นอิสระและแบ่งแยกดินแดนออกจากกันเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ ที่รุนแรงที่สุดเกิดขึ้นในยูโกสลาเวีย เพราะมีหลายชนชาติ เช่น ชาวเซิร์บ ชาวโครแอต ชาวบอสเนียน สงครามครั้งนั้นยืดเยื้อจนจบลงในปี 1995 พร้อมกับการปรากฏขึ้นของประเทศใหม่ ๆ เช่นโครเอเชีย สโลวาเนีย เซอร์เบีย บอสเนียเฮอร์เซโกวีนา และมอนเตเนโกร

ฉันนับเอาโครเอเชียเป็นหนึ่งในประเทศที่เดินทางไปซ้ำได้ไม่เบื่อไม่หวังจะเห็นภาพเมืองที่สวยกริบ เพราะที่นี่เต็มไปด้วยร่องรอยความเป็นมาเมื่อครั้งอดีตที่ยังมีชีวิต เป็นมนตร์เสน่ห์ที่ไม่เคยจางหาย

Dubrovnik…Home of Romance

โบสถ์เซนต์แบลซในดูบรอฟนิก
โบสถ์เซนต์แบลซในดูบรอฟนิก

เมืองบางเมืองแค่ครั้งเดียวก็เฝ้าโหยหา อยากกลับไปหายใจเอาอากาศจากเมืองนั้นเข้าปอดอีกสักครั้ง นั่นแหละดูบรอฟนิก แม้ว่าในช่วงสงครามจะถูกละเลงจนไม่เหลือเค้าของเมืองที่เคยรุ่งเรืองและร่ำรวยกำแพงเมืองเต็มไปด้วยรอยกระสุนปืน แต่ที่เห็นตรงหน้าดูบรอฟนิกเวลานี้ถูกขัดสีฉวีวรรณใหม่ในมาดเมืองวัฒนธรรม ยูเนสโกตีตราขึ้นทะเบียนให้เป็นเมืองมรดกโลก เพราะเป็นเมืองเก่าดั้งเดิมตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 7 ดูบรอฟนิกเป็นเมืองพี่เมืองน้องกับเวนิสของอิตาลี เคยเป็นเมืองที่มีอำนาจทางทะเล และมีความสำคัญทางการค้าอย่างมากในแถบเมดิเตอร์เรเนียนตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 13 เมืองนี้จึงร่ำรวยเงินทองพระราชวัง โบสถ์ วิหาร เป็นภาพงดงามของเมืองที่ยังคงให้เห็นอยู่ในตัวเมืองเก่าเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมทั้งกอทิก เรอเนสซองซ์ และบาโรกบรรยากาศสงบเย็นสบาย ไม่ร้อนไม่หนาว เป็นอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน

ถนนในย่านเมืองเก่าของดูบรอฟนิก
ถนนในย่านเมืองเก่าของดูบรอฟนิก

โรงแรมที่เราเลือกเป็นโรงแรมเล็ก ๆ ในย่านเมืองเก่า ค้นจากเว็บไซต์ของอโกด้า เป็นบ้านเรือนดัดแปลงมา มีห้องพักอยู่ไม่กี่ห้องแต่วิวที่ได้เป็นแบบห้าดาว ถ้าอยากพักหรูต้องกระเถิบออกนอกเมืองไปหน่อย พอเช็กอินเก็บของเรียบร้อยก็ออกไปเดินเล่น พื้นที่ย่านเมืองเก่าของดูบรอฟนิกงามด้วยโบสถ์เก่าแก่ อย่าง โบสถ์เซนต์ซาเวียร์ (St. Saviour Church) อันแสนสวย โบสถ์เซนต์แบลซ (St. Blaise Church) และมหาวิหารอัสสัมชัญ (Cathedral of the Assumption of the Virgin) ที่อวดสถาปัตยกรรมแบบบาโรกแท้ ๆ

ถนนพลาคาที่ทอดยาวพาฉันมาสู่จัตุรัสเปิดโล่งกลางเมือง ไม่มีอะไรดีไปกว่าการได้เดินเล่นเนิบนาบ สูดอากาศดี ๆ ชมความสวยของเมืองเก่า เมื่อยก็หาคาเฟ่เหมาะ ๆ ริมพลาคา จิบคาปุชชีโนเป็นความสำราญส่วนตัว ย่านนี้มีแลนด์มาร์คของเมืองที่เป็น a must ของนักท่องอย่างประตูเมือง (Pile Gate) ลานน้ำพุโอโนฟริโอ (Onofrio Fountain) เป็นน้ำพุประจำเมืองที่ใช้หล่อเลี้ยงผู้คนมาตลอดช่วงสงคราม เสาหินอัศวิน (Orlando Column) และ หอนาฬิกา (Bell Tower) ก็ตั้งอยู่ปลายสุดของถนนสายหลักนี้ด้วย

นักท่องเที่ยวหนาแน่นที่ลานน้ำพุโอโนฟริโอ
นักท่องเที่ยวหนาแน่นที่ลานน้ำพุโอโนฟริโอ

เมืองเก่าภายในกำแพงเมืองมี เรคเตอร์พาเลซ (Rector’s Palace) ประตูโค้งมีเสาแกะสลักลวดลายละเอียดยิบเรียงต่อกันเป็นแนว ตัวตึกเป็นศิลปะผสมทั้งกอทิก เรอเนสซองซ์ และบาโรก เคยเสียหายไปตอนสงคราม หลังจากซ่อมแซมสร้างขึ้นมาใหม่ก็ใช้เป็นพิพิธภัณฑ์ของเมืองโบสถ์เล็ก ๆ บางแห่งดูด้านนอกไม่มีอะไรโดดเด่นนัก แต่ถ้าผลักประตูเข้าไปก็จะได้รับการต้อนรับด้วยกระจกสี ที่ทำเอาหลายคนตะลึงมาแล้ว

ความหลากหลายของสถาปัตยกรรมเป็นเสน่ห์ของดูบรอฟนิกเดินแล้วเพลินสลับกับรู้สึกประหลาดใจตลอดเวลา แต่ที่ดื่มด่ำตรึงจิตฉันมากที่สุด เป็นภาพกำแพงเมืองโบราณเลาะเลียบทะเลในเขตเมืองเก่าระยะทางเกือบ 2 กิโลเมตร เดินเล่นได้เรื่อย ๆ ได้พักสายตากับฟ้าใส ๆและน้ำทะเลสีครามจัดของทะเลเอเดรียติก สีฟ้าเข้มสดใสตัดกับสีส้มของหลังคาบ้าน ภาพที่เห็นจึงเป็นอีกหนึ่งความงามอันน่าจดจำ

แดดอุ่นๆ เข้ากันได้ดีกับเมืองเก่าของดูบรอฟนิก
แดดอุ่นๆ เข้ากันได้ดีกับเมืองเก่าของดูบรอฟนิก

เพราะดูบรอฟนิกมีชื่อเลื่องลือในเรื่องการทำฟาร์มเลี้ยงหอยนางรมและหอยแมลงภู่ริมทะเลเอเดรียติก เราจึงเลือกออยสเตอร์บาร์ชื่อ โบทา (Oyster & Sushi Bar Bota) ตามลายแทงของทริปแอดไวเซอร์ หอยนางรมที่นี่ตัวบิ๊กบึ้ม มีน้ำมีเนื้อ และรสชาติอร่อยนัก เมื่อกินสด ๆเหยาะบัลซามิกนิดหน่อย นอกจากอาหารทะเลก็มีอาหารพื้นเมืองของชาวโครแอตที่ไม่แตกต่างจากอาหารยุโรปทั่วไป แต่เมนูไม่ควรพลาดน่าจะได้แก่ ไส้กรอกคูเล่น (Kulen) สไลซ์มาเป็นแผ่นแกล้มกับชีสอร่อยเริด!

มุมสวยๆ ของดูบรอฟนิกที่มองจากกำแพงเมือง
มุมสวยๆ ของดูบรอฟนิกที่มองจากกำแพงเมือง

เสน่ห์ของเมืองนี้คือ การได้เดินสำรวจค่ำคืนอันแสนโรแมนติกยามราตรีเมืองนี้งดงามด้วยท้องฟ้าเป็นสีน้ำเงินโปร่งแปลก ยังมีแสงสีของไฟในเมืองกับอาคารโบราณ บรรยากาศของเมืองที่มีกลิ่นอายศิลปะในยุคที่ดูบรอฟนิกเฟื่องฟูสวยงามไปหมด แม้ตะวันจะลับฟ้าไปนานแล้วแต่ผู้คนมากมายยังพากันเดินเล่น ไม่ก็หามุมสงบนั่งรับลมเย็น ๆ ดูแล้วไม่มีใครรีบร้อนอยากกลับบ้านหรือกลับโรงแรม อาจเป็นเพราะแสงสียามราตรีที่ดูบรอฟนิกโรแมนติกอย่าบอกใคร

ที่มา : คอลัมน์สารคดีท่องเที่ยว นิตยสารแพรวฉบับที่ 880

Praew Recommend

keyboard_arrow_up