ป่าในเมืองสร้างได้ จากแนวคิด BIODIVERSITY สู่ Izumi Park Town ต้นแบบแห่งความยั่งยืน

account_circle

ป่าในเมืองสร้างได้ จากแนวคิด BIODIVERSITY สู่ Izumi Park Town ต้นแบบแห่งความยั่งยืน กับการสร้างพื้นที่สีเขียวในเมืองใหญ่ ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ ราวกับมีป่าในเมือง

ปัจจุบันผู้คนหันมาให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์ธรรมชาติ และรักษาสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้น มีการรณรงค์การงดใช้ถุงพลาสติก เพราะส่งผลกระทบต่อสัตว์น้อยใหญ่ทั้งทางบก และทางน้ำ รวมถึงการสร้างผืนที่สีเขียวในเมืองใหญ่ ซึ่งไม่นับรวมสวนสาธารณะที่ปลูกต้นไม้เพื่อให้ประชากรในเมืองได้พักผ่อนหย่อนใจ และสัมผัสอากาศบริสุทธิ์แล้ว แต่ก็น้อยนักที่เราจะเห็นผืนที่สีเขียวใจกลางกรุง แต่หนึ่งในประเทศที่มีการสร้างผืนที่สีเขียวอย่างจริงจังในเมืองใหญ่นั้นคือ ประเทศญี่ปุ่น

แพรวดอทคอมได้มีโอกาสเดินทางไปศึกษาดูงานกับทาง เอพี (ไทยแลนด์) ที่พาเราไปสัมผัสถึงแรงบันดาลใจการสร้างผืนที่สีเขียวโดยใช้แนวคิด BIODIVERSITY ที่ไดมารูยู กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ย่านธุรกิจที่ครอบคลุมตั้ง Marunouchi ถึง Otemachi-Yurakucho แวดล้อมไปด้วยบริษัทชื่อดัง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ มิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป อสังหาชื่อดังหนึ่งในเครือธุรกิจยักษ์ใหญ่ของ Mitsubishi Group  รวมถึงเอพียังพาเราเดินทางไปดูต้นแบบการพัฒนาเมืองแห่งความยั่งยืนอย่าง Izumi park town ที่เมืองเซนไดอีกด้วย

จากย่านเงียบๆ มีเพียงออฟฟิศสำหรับทำงาน แต่ปัจจุบัน ไดมารูยู กลับเป็นย่านธุรกิจสำคัญของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้เรียกได้ว่าส่วนหนึ่งเกิดขึ้นจาก มิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป ที่เข้ามาพัฒนา โดยเนรมิตอาคารสำนักงานเก่าให้กลายเป็น ตึกสูงที่ทันสมัย รายล้อมไปด้วยห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร แหล่งช้อปปิ้ง พิพิธภัณฑ์ อาคารสำนักงานต่างๆ แต่ที่สำคัญที่สุดคือ การเพิ่มพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ให้กลายเป็นปอดของเมือง โดยการดีไซน์คอนเซ็ปต์ต่างๆ มุ่งเน้นในเรื่องความยั่งยืน

ซึ่งทาง มิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป ต้องการใช้ที่นี่เป็นต้นแบบของการอยู่อาศัยร่วมกันอย่างยั่งยืนระหว่างคน สิ่งก่อสร้าง และพื้นที่สีเขียว โดยให้ความสำคัญเป็นอย่างมากกับการบริหารการจัดการระหว่างอาคาร และต้นไม้ในพื้นที่ โดยใช้ BIO NET INITIATIVE มาเป็นแนวคิดหลักในการพัฒนาพื้นที่แห่งนี้

BIO NET INITIATIVE คืออะไร?

BIO NET INITIATIVE คือ คอนเซ็ปต์การพัฒนาที่อยู่อาศัย เพื่อรักษาสมดุลและการเชื่อมต่อของระบบนิเวศ และความหลากหลายทางชีวภาพ  ซึ่งต่อยอดมาจากแนวปรัชญา BIODIVERSITY การคงไว้ซึ่งความหลากหลายทางชีวภาพ

โดยเป้าหมายหลักของ Mitsubishi Estate Resident  ผู้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในประเทศญี่ปุ่น เข้าใจและเล็งเห็นความสำคัญของผู้อาศัย โดยทุกๆ โครงการของมิตซูบิชิ เอสเตทนั้น มีความใส่ใจในสภาพแวดล้อมภายในโครงการ และเอื้ออำนวยต่อสิ่งมีชีวิตในละแวกนั้น ไม่ว่าจะเป็น นก ผีเสื้อ หรือดอกไม้ ต้นหญ้า ดังเช่นคำที่ว่า คน สัตว์ และต้นไม้อยู่ร่วมกันได้

สำหรับในพื้นที่ย่านไดมารูยูนั้น ตึก Ichigokan Plaza นับเป็นตัวอย่างสิ่งก่อสร้างที่ทันสมัย แต่ผสมผสานความเป็นเมืองกับธรรมชาติได้อย่างลงตัว ระแวกตัวตึกนั้นเต็มไปด้วยพืชพรรณธรรมชาติหลากหลายชนิด รวมถึงสวนกุหลาบ ซึ่งสถาปนิกชาวอังกฤษที่ออกแบบตึกนี้ตั้งใจนำมาปลูกไว้ที่นี้ด้วย บรรยากาศโดยรอบไม่ได้มีแค่ความสวยงาม แต่จุดประสงค์หลักคือ ต้องการให้คนที่มาพักผ่อนหย่อนใจรู้สึกสบาย และสัมผัสกับอากาศบริสุทธิ์

นอกจากนี้ยังมี The Cafe by Aman คาเฟ่ที่ออกแบบ และตกแต่งแบบเรียบง่าย โดยรอบๆ ตัวร้าน รวมถึงเพดานจะเป็นกระจกใส เผยให้เห็นทัศนียภาพด้านนอก วิวทิวทัศน์ที่เขียวขจี ดูสดชื่นทุกครั้งที่มองออกไป ซึ่งที่นี่เต็มไปด้วยป่าไม้ขนาด 3,600 ตารางเมตรใจกลางกรุงโตเกียว เปรียบเหมือนป่าในเมืองขนาดย่อมๆ เลยทีเดียว

จากย่านไดมารูยู เราเดินทางไปยังเมืองเซนได ซึ่งเป็นที่ตั้งของ Izumi Park Town เมืองที่เป็นต้นแบบของความยั่งยืน เป็นครั้งแรกที่เรารู้สึกว่าได้สัมผัสความเป็นเมืองที่พรั่งพร้อมไปด้วยสาธารณูปการ และสาธารณูปโภค แวดล้อมไปด้วยธรรมชาติที่กลมกลืนเข้ากับมนุษย์ได้อย่างไม่มีที่ติ

Izumi Park Town ตั้งอยู่บนตอนเหนือของโตเกียว  สร้างขึ้นในปี 1974 โดย Mitsubishi Estate Group แต่เดิมนั้นประเทศญี่ปุ่นประสบปัญหาขาดแคลนที่อยู่อาศัย มิตซูบิชิเล็งเห็นถึงปัญหานี้ จึงขอซื้อที่ดินต่อจากชาวนา เพื่อนำมาพัฒนาให้เป็นที่อยู่อาศัย โดยโครงการนี้เป็นแผนระยะยาว 50 ซึ่งปัจจุบันมีบ้านเดี่ยวในโครงการมากกว่า 10,000 หลัง มีประชากรอาศัยถึง 25,000 คน

Izumi Park Town ไม่ได้มีเพียงแค่บ้านเพื่อพักอาศัย แต่ที่นี่มีการแบ่งพื้นที่อย่างเป็นสัดส่วน โดยมี 4 โซนสำคัญได้แก่

(1) พื้นที่สำหรับอยู่อาศัย (Living) บ้านเดี่ยวที่ผู้อยู่อาศัยต้องเลือกแบบบ้านที่ทางโครงการจัดเตรียมไว้ให้ ซึ่งแต่ละหลังจะมีลักษณะไปในทางเดียวกัน เช่นสีจะต้องไปในโทนเดียวกัน โดยจะใช้โทนสีเย็น รวมถึงหน้าบ้านแต่ละหลังจะไม่มีรั้วซึ่งทำมาจากวัสดุต่างๆ แต่จะใช้วิธีการปลูกต้นไม้เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวอย่างน้อย 30%

(2) พื้นที่ในเมืองสำหรับเป็นที่ตั้งของโรงเรียน การพบปะสังสรรค์  (Urbanization) ไม่เพียงแค่มีที่พักอาศัย แต่โครงการนี้ยังห้างสรรพสินค้า เอาท์เลต ซูเปอร์มาร์เก็ต โรงพยาบาล โรงแรม บ้านพักคนชรา เนอสเซอรี่

(3) พื้นที่สำหรับการพักผ่อน เหมาะสำหรับการออกกำลังกาย หรือกิจกรรมสันทนาการต่างๆ (Recreation) เช่น สนามเทนนิส สวนสาธารณะ สนามกอล์ฟ สนามเบสบอล เป็นต้น

(4) แหล่งธุรกิจสำคัญของเมืองที่รวมไปถึงเขตโรงงาน เขตสำนักงานต่างๆ (Working) ไปรษณีย์ สถานีตำรวจ

ทั้งนี้ทาง เอพี (ไทยแลนด์) ยังได้นำแนวคิด BIODIVERSITY มาใช้กับคอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว และทาวน์โฮม ซึ่งนำร่องโดย LIFE สาทร เซียร์ร่า ซึ่งเป็นโครงการต้นแบบของแนวคิดนี้ และยังเป็นต้นแบบแห่งการอยู่อาศัยแรวตั้ง (Vertical Living) ที่ยั่งยืนและสมดุลกับ FOREST PARK IN THE CITY คอนเซ็ปต์ ‘การสร้างป่าในเมือง’ บนพื้นที่ส่วนกลางกว่า 8,400 ตารางเมตร ให้เป็นหุบเขาต้นไม้กลางเมืองที่ปกคลุมด้วยพันธุ์ไม้นานาชนิด เป็นศูนย์กลางในการเชื่อมต่อทุกเรื่องของมนุษย์ แมลง เมือง สิ่งก่อสร้าง ต้นไม้ใหญ่ และสภาพแวดล้อมโดยรอบให้เกี่ยวเนื่องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันที่นำไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคตร่วมกัน

รวมถึงยังนำ IZUMI PARK TOWN เมืองต้นแบบของการอยู่อาศัยที่นั่งยืนไปต่อยอดไปสู่การพัฒนาสินค้าแนวราบ ในอนาคตของเอพี เพื่อส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดีในอุดมคติให้เกิดขึ้นอีกด้วย

ไฮไลท์สำคัญของ LIFE สาทร เซียร์ร่า คือการออกแบบ ภูมิทัศน์ด้านหน้าให้เป็นเหมือนหุบเขาต้นไม้ไล่ระดับ ผสมผสานการออกแบบ Hiking Trail ทางเดินป่าจะรายล้อมด้วยพันธุ์ไม้นานาชนิด พร้อมด้วย Serene Pool สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ยาวกว่า 100 เมตรในรูปทรงกลมที่กลมกลืนไปกับธรรมชาติ นอกจากนั้น ณ ชั้น 40 ด้านบนสุดของอาคาร ยังได้ออกแบบ Paronamic Sky Lounge ให้เป็นกล่องแก้วใสขนาดใหญ่แวดล้อมด้วยพื้นที่ป่าสร้างขึ้น โดยได้แรงบันดาลใจจาก The Cafe by Aman เพื่อเปิดทุกมุมมองรับวิวสีเขียวและขอบฟ้ามหานครกรุงเทพฯ ได้อย่างสุดสายตา

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Praew Recommend

keyboard_arrow_up