แองจี้–แอนเจลิส บาเลก

‘แองจี้-แอนเจลิส บาเลก’ ดีไซเนอร์สาวไทย ผู้พาแบรนด์บ้านเกิดยืนหนึ่งบนเวทีโลก

แองจี้–แอนเจลิส บาเลก
แองจี้–แอนเจลิส บาเลก

วันนี้ชื่อของ แอนเจลิส บาเลก (Angelys Balek) เป็นที่รู้จักและยอมรับในระดับโลก ในฐานะหนึ่งแบรนด์ในดวงใจของเซเลบริตี้ ทั้งในเอเชีย ยุโรป และอเมริกา ซึ่งความสำเร็จทั้งหมดเกิดจากความมุ่งมั่น ตั้งใจ และไม่เคยยอมแพ้ของดีไซเนอร์ไทยคนนี้ แองจี้ – แอนเจลิส บาเลกแองจี้–แอนเจลิส บาเลก

วิ่งเข้าหาโอกาส

แองจี้บอกว่าโชคดีที่รู้ตัวเองเร็วว่าชอบอะไร จึงสามารถวางแผนหาเส้นทาง เพื่อพาตัวเองไปให้ถึงเป้าหมายได้อย่างชัดเจน

“จี้ชอบออกแบบมาตั้งแต่เด็กเลยค่ะ ตอนเล่นตุ๊กตากระดาษก็วาดรูปเสื้อผ้า ระบายสีตามแบบที่อยากได้ ส่วนจุดเริ่มต้นเรื่องแฟชั่นมาจากคุณแม่ ท่านชอบออกแบบชุดเอง ไปเลือกซื้อผ้า ออกแบบ แล้วส่งให้ห้องเสื้อตัด ซึ่งคุณแม่จะพาไปด้วยตลอด จึงเป็นภาพที่เห็นและซึมซับมาตั้งแต่เล็กๆ

“จากนั้นจี้ก็เริ่มสนใจเรื่องการแต่งตัว ดูชุดของดาราที่ชอบ เริ่มศึกษาข้อมูลจากหนังสือแฟชั่นนิตยสารต่างๆ แต่ยังไม่ถึงขนาดลุกขึ้นมาแต่งตัวมิกซ์แอนด์แมตช์เสื้อผ้าด้วยตัวเองนะคะ เพราะคุณพ่อค่อนข้างดุ จะเล่นแต่งหน้าทาปาก แต่งตัวอะไรแบบนั้นไม่ได้เลยค่ะ ทุกอย่างต้องอยู่ในกฎระเบียบ

“พอช่วงมัธยมจึงได้เริ่มทดลองสิ่งใหม่ๆ อย่างออกแบบผลิตภัณฑ์ ออกแบบตึก วาดภาพเพอร์สเป็คทีฟ ทั้งหมดที่เป็นการออกแบบและงานศิลปะ ไม่ได้ข้ามไปสายอื่น เพราะเรารู้ตัวเองว่ามีความสุขทุกครั้งที่ได้วาดรูป พอช่วงที่จะเรียนต่อมหาวิทยาลัย จี้ชัดเจนกับตัวเองแล้วว่าอยากเป็นดีไซเนอร์ จึงเริ่มวางแผนชีวิตว่าจะทำอย่างไร ซึ่งตอนนั้นยังไม่มีสาขาที่สอนด้านแฟชั่นโดยตรง และเราก็ไม่อยากเรียนศิลปะที่เรียลิสติกเกินไป อยากให้มีความครีเอทีฟเข้ามาผสมด้วย จึงเลือกเรียนด้านทัศนศิลป์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เพราะคิดว่าจะปูพื้นฐานด้านศิลปะให้แน่นก่อน แล้วค่อยไปต่อด้านแฟชั่น

“ตอนนั้นก็ไม่รู้หรอกนะคะว่าที่ตัวเองคิดเวิร์คหรือเปล่า ซึ่งสุดท้ายอาจจะไม่ใช่เลยก็ได้ แต่เราทำด้วยความตั้งใจ มุ่งมั่นให้ออกมาดีที่สุด ซึ่งตอนที่เรียนอยู่ จี้ได้เห็นผลงานคอลเล็คชั่นเสื้อผ้าตุ๊กตาหมีของแบรนด์ Disaya แล้วชื่นชอบในความต่างและครีเอทีฟ เมื่อรู้ว่าดีไซเนอร์ (ดิษยา  สรไกรกิติกูล) เรียนจบจากประเทศอังกฤษ (Central Saint Martins) จี้ก็เสิร์ชข้อมูลอย่างหนักเลยค่ะ และตัดสินใจไปเรียนต่อด้านแฟชั่นที่ London College of Fashion เพราะจี้อยากมีความแตกต่างอย่างนั้นบ้าง

“จี้จึงมีเป้าหมายที่ชัดเจนมาตั้งแต่เรียน มีเรื่องหนึ่งที่ไม่เคยบอกใครเลย จี้เคยพูดกับคุณแม่ว่าโตขึ้นจะเป็นคนที่มีชื่อเสียงระดับโลก แต่แน่นอนว่าถ้าพูดให้ใครฟัง เขาก็ต้องส่ายหน้าว่าไม่มีทางเป็นได้”

แองจี้–แอนเจลิส บาเลก

จากศูนย์ถึงร้อย

แองจี้เลือกเส้นทางของตัวเองด้วยการเรียนหนัก ปูพื้นฐานทุกอย่างให้แน่น เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเป็นดีไซเนอร์

“ตอนที่เรียนอยู่ลอนดอน โรงเรียนสอนดีมากนะคะ จี้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ทุกอย่าง ตั้งใจเรียนมาก ลงเรียนทุกวิชา ทั้งออกแบบเครื่องประดับ รองเท้า รวมถึงด้านครีเอทีฟต่างๆ ทั้งความคิดสร้างสรรค์ การจัดระเบียบความคิด การแก้ปัญหา การนำศิลปะมาประยุกต์ใช้ในการทำงาน เพราะจี้คิดว่าฉันต้องเตรียมตัวให้พร้อม ต้องมีความรู้ให้เยอะที่สุด ฉันจะเป็นเจ้านายตัวเองให้ได้

“แต่ผ่านไป 6 ปี เราเริ่มไม่เห็นหนทาง เพราะคอนเน็กชั่นสำคัญมาก แต่เราจะหาได้จากไหน ยิ่งเป็นเด็กที่มาจากเมืองไทยด้วย จะทำอย่างไร คือในความเป็นเอเชีย ถ้าเป็นญี่ปุ่นหรือจีน โอกาสยังมากกว่า ด้วยภาพจำที่ว่าญี่ปุ่นมีความอึด ทำงานได้เยอะ จีนมีความไว แต่พอเป็นไทย เวียดนาม หรืออินโดนีเซีย เขาก็มีภาพจำอีกแบบหนึ่ง โดยบางครั้งยังไม่ได้ดูผลงานเลยด้วยซ้ำ ยอมรับว่าตอนนั้นท้อแทบทุกวัน วันที่ไม่ท้อคือวันที่งานเยอะจนไม่มีเวลาคิด (หัวเราะ)

“แต่จี้ใช้สิ่งเหล่านั้นมาเป็นแรงผลักดันในการทำงาน และให้กำลังใจตัวเองว่าฉันจะเป็นคนแรกให้ได้ จะทำให้เห็นว่าหนึ่งในผู้นำเทรนด์คือคนไทยนี่แหละ ซึ่งถ้าย้อนมองวันนี้ก็ต้องขอบคุณแรงผลักดันตอนนั้นนะคะ (ยิ้ม)

“และนิสัยของจี้อีกอย่างคือ ไม่ชอบขออะไรจากใครฟรีๆ เพราะเกรงใจและไม่รู้จะตอบแทนเขาคืนอย่างไร จึงไม่เคยใช้เส้นสายใดๆ เลย และที่อังกฤษก็ไม่มีเวทีประกวดสำหรับมือสมัครเล่นที่ยังไม่มีคอลเล็คชั่นด้วย ตอนนั้นคิดหนักเลยค่ะว่าอย่างไรต่อดี จะกลับบ้านไปเริ่มใหม่หรือไปอเมริกาที่ค่อนข้างเปิดมากกว่า ด้วยนิสัยที่ไม่ยอมแพ้ จึงตัดสินใจไปเรียนต่อที่ FIT (FashionInstitute of Technology) ที่นิวยอร์ก ซึ่งเน้นในเรื่องการทำธุรกิจ เพราะเราเรียนพื้นฐานทุกอย่างมาพอสมควรแล้ว

แอนเจลิส บาเลก

 

“ซึ่งพออาจารย์ที่นั่นเห็นผลงาน ก็แนะนำให้ส่งเข้าประกวดเวที WWD (Women’s Wear Daily) และได้รับเลือกให้เป็น 10 แบรนด์หน้าใหม่ที่น่าสนใจ ได้โชว์และวางขายคอลเล็คชั่นในงานด้วย

“ตอนนั้นจึงเริ่มมีกำลังใจขึ้น แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกอย่างจะฉลุยนะคะ เพราะที่นิวยอร์กกับลอนดอนค่อนข้างต่างกันมาก จากเดิมที่ดีไซน์ของจี้มีความสดใส สนุกสนาน แต่พออยู่ที่อเมริกาเขาไม่นิยมแบบนี้ ไม่ชอบความจัดจ้านแฟนตาซีนัก เราก็ต้องปรับตัวให้ได้และไปให้สุด

“ช่วงนั้นจี้ทำงานหนักมาก นั่งออกแบบงานคนเดียวที่อพาร์ตเมนต์ จากนั้นจึงเริ่มมีทีมงานที่ประเทศไทย ทั้งช่างออกแบบ ตัดเย็บ และประสานงานต่างๆ เพื่อออกคอลเล็คชั่นให้ครบทุกซีซั่น นำสินค้าไปออกบู๊ธตามงานแฟร์ต่างๆ รวมถึงวางขายสินค้าในประเทศไทยด้วย ซึ่งข้อดีคือที่อเมริกาค่อนข้างเปิดกว้าง มีผู้คนหลายสัญชาติ ทุกอย่างพิสูจน์ด้วยผลงานเท่านั้น จึงต้องต่อสู้หนักมาก พูดให้เห็นภาพคือ ถ้าเขาบอกให้จี้วาด 10 จี้วาด 100 ค่ะ เคยถึงขนาดนั่งวาดทั้งคืน จนเลือดกำเดาไหล

“จี้บินไป-กลับไทยทุกเดือนเพื่อคุยกับทีม บินไปออกงาน Trade Show ที่ฝรั่งเศส และที่ชอบมากคือบินไปเมืองต่างๆ เพื่อฟังสัมมนาของคนที่ประสบความสำเร็จ พาตัวเองออกไปเรียนและเพิ่มความรู้ให้มากที่สุด เพื่อจะได้เข้าใจทุกมุม รวมถึงมุมของลูกค้า เพราะคนแต่ละพื้นที่มีความชอบไม่เหมือนกัน อย่างยุโรปเน้นเรื่องดีไซน์เป็นหลัก ชอบสีสัน แต่อเมริกาจะเน้นการใช้งาน สีเข้มๆ ฉะนั้นต้องหาตรงกลางให้เจอ เพราะงานของดีไซเนอร์ไม่ใช่แค่การออกแบบ แต่เราต้องบริหารเป็น ต้องหาโอกาสให้ธุรกิจเป็น จี้จึงไม่เคยรอโอกาสเข้ามา แต่จะออกไปเปิดโอกาสให้ตัวเองค่ะ”แอนเจลิส บาเลก

แบรนด์ไทยในเวทีโลก

ด้วยความมุ่งมั่น ตั้งใจ ทำให้ Angelys Balek เดินทางมาถึงปีที่ 9  และเติบโตได้อย่างสวยงามในเวทีระดับโลก

“ตอนนี้ Angelys Balek มีทีมงานอยู่ใน 3 ทวีป ที่ไทย อเมริกา (นิวยอร์ก) และยุโรป (ลอนดอน) จากช่วงแรกที่ทำ Ready-to-wear ครบทุกไลน์ตั้งแต่เสื้อยืดไปจนถึงชุดราตรี แล้วตอนนี้พักเบรกมาทำชุดว่ายน้ำและ Beachwear ส่วนในอนาคตจะกลับไปทำเต็มคอลเล็คชั่นอีกครั้ง พร้อมทั้งรองเท้าและเครื่องประดับด้วยค่ะแอนเจลิส บาเลก“ไอเดียและแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากตัวจี้เองทั้งหมดค่ะ เพราะเราตกผลึกแล้วว่าแบรนด์ต้องการจะเล่าอะไร ตัวตนของแบรนด์คืออะไร และฉันอยากจะนำเสนออะไร เหมือนผู้หญิงที่โตเป็นสาวแล้ว มีความชัดเจนว่าตัวเองต้องการอะไร ซึ่งถ้ามองย้อนกลับไป จี้รู้สึกว่าตัวเองประสบความสำเร็จตั้งแต่ตอนประกวดแล้วนะคะ แต่เราไม่ยอมแพ้ เราอยากให้แบรนด์ได้รับการยอมรับในแง่ของคุณภาพสินค้าที่เทียบเท่ากับไฮแบรนด์ทั่วโลก ซึ่งตอนนี้เราทำได้แล้ว

“จี้ภูมิใจที่เป็นที่ยอมรับในฐานะดีไซเนอร์ไทย ได้ทำให้คนต่างชาติรู้ว่าคนไทยเป็นอย่างไร จี้มีความรับผิดชอบ ขยัน ตั้งใจทำงาน และอยากเป็นตัวอย่างที่ดีให้คนในวงการ และวันนี้แบรนด์ได้รับการยอมรับ มีเซเลบริตี้ระดับโลก เช่น ฮาร์ลีย์ วีร่า-นิวตัน, มิแรนดา เคอร์, คริสซี่ ไทเจน เป็นต้น เลือกใส่เสื้อผ้าของเรา ทำให้รู้ว่าความทุ่มเทของเราสำเร็จแล้ว หรือเวลาที่ได้รับคำเชิญจากคนที่มีชื่อเสียง อย่างตอนที่ซาราห์ เบอร์ตัน (ครีเอทีฟไดเร็คเตอร์แบรนด์ Alexander McQueen) เข้ามาคุยทักทาย เพราะเขารู้ว่าเราคือใคร จี้แทบจะร้องไห้เลยค่ะ รู้สึกว่าในที่สุดเราก็มาถึงจุดนี้ ยิ่งเวลาที่ได้รับคำชมว่า You are a good one. หรือ You are angel. เป็นคำสั้นๆ ที่ตอบทุกอย่างเลยค่ะ และในอนาคตตั้งเป้าไว้ว่าจะพัฒนาแบรนด์ให้ดีขึ้นเรื่อยๆ และอยากมีช็อปตามเมืองแฟชั่นใหญ่ๆ ทั่วโลกให้ได้ค่ะแอนเจลิส บาเลก“จริงอยู่ที่ตอนเริ่มต้นไม่มีอะไรการันตีได้เลยว่าคุณจะประสบความสำเร็จ ขอแค่ลงมือทำ ตั้งใจ มีวินัย และรักษาคุณภาพของตัวเอง ทำไปให้ถึง 10 ปี โดยไม่ล้มเลิกความตั้งใจ จี้เชื่อว่าไม่ว่าจะทำอาชีพอะไรก็ตาม สำเร็จแน่นอนค่ะ”


 

ที่มา : นิตยสารแพรว ฉบับ 955

Praew Recommend

keyboard_arrow_up