เปิดกรุ พร้อมเผยความเป็นมาของ ผ้าพันคอ Jim Thompson ไอเท็มยอดนิยมจากนักช้อปทั่วโลก
จิม ทอมป์สัน เผยเรื่องราวต้นกำเนิดความงามของผ้าพันคอ จิม ทอมป์สัน (Jim Thompson Scarves) ซิกเนเจอร์ไอเท็มจาก จิม ทอมป์สัน ที่สร้างสรรค์ด้วยกระบวนการดีไซน์และกรรมวิธีการผลิตที่พัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่งตลอด 53 ปีจากยุคมิสเตอร์จิม ทอมป์สัน จนถึงปัจจุบัน สู่ผ้าพันคอหลากหลายลวดลายเปี่ยมอัตลักษณ์ที่สะท้อนมรดกทางความคิดสร้างสรรค์ของแบรนด์ผสานเอกลักษณ์แห่งวัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บนเนื้อผ้าคุณภาพที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร ทั้งผ้าแจ็คการ์ด (Jim Thompson Jacquard) ผ้าไหมทวิลล์ (Jim Thompson Silk Twill) ผ้าไหมชิฟฟ่อน (Jim Thompson Silk Chiffon) ผ้าทอมือ (Jim Thompson Hand-woven) และผืนผ้าสุดเอ็กซ์คลูซีฟที่เตรียมเผยโฉมความงามในอนาคตอีกมากมาย
ตลอดระยะเวลาการดำเนินการของจิม ทอมป์สัน ได้พัฒนากรรมวิธีการผลิตผืนผ้าที่โดดเด่นและแตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ ด้วยความชำนาญและประสบการณ์ที่สั่งสมมากว่า 67 ปี ควบคู่ไปกับกระบวนการออกแบบที่มีเอกลักษณ์เปี่ยมแรงบันดาลใจจากเรื่องราวของผู้ก่อตั้งอย่าง มิสเตอร์ จิม ทอมป์สัน ผสานกับเรื่องราวของศิลปวัฒนธรรมแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อันเป็นพื้นที่ต้นกำเนิดของแบรนด์อย่างลงตัว ซึ่งทั้งหมดนี้ได้ถูกถ่ายทอดผ่านผลิตภัณฑ์ต่างๆ รวมถึงซิกเนเจอร์ไอเท็มตลอดกาลอย่าง ผ้าพันคอ จิม ทอมป์สัน (Jim Thompson Scarves) ซึ่งได้รับความนิยมจากลูกค้าทั่วโลก
ผ้าพันคอ จิม ทอมป์สัน คือหนึ่งในซิกเนเจอร์ไอเท็มของแบรนด์ ซึ่งได้เริ่มต้นผลิตออกมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1965 หรือประมาณกว่า 53 ปีที่แล้ว ถือเป็นไอเท็มที่มีความโดดเด่นทั้งกระบวนการออกแบบและการผลิตที่เราใส่ใจในทุกขั้นตอน เริ่มต้นจากกระบวนการออกแบบ ที่สะท้อนอัตลักษณ์ความเป็น จิม ทอมป์สัน รวมถึงแรงบันดาลใจจากคอลเล็คชั่นของสะสม งานศิลปะส่วนตัวที่หายาก (Archive) ของมิสเตอร์ จิม ทอมป์สัน ที่สื่อถึงวัฒนธรรม และเอกลักษณ์เฉพาะตัวของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้เป็นอย่างดี ยกตัวอย่างเช่น ลวดลาย “เรนฟอเรส” (Rainforest) ซึ่งเป็นลวดลายที่ค้นพบจากงานศิลปะหายาก (Archive) โดยเป็นลวดลายที่เคยใช้กับคอลเล็คชั่นเสื้อผ้าในยุคก่อตั้งแบรนด์ ประมาณช่วงปี ค.ศ. 1960 นอกจากนี้ ยังมีผลงานพิเศษที่เกิดจากความร่วมมือกับศิลปินชื่อดังมากมาย ทั้งไทยและต่างประเทศ อาทิ คุณสุทธิภา คำแย้ม คุณยูน-ปัณพัท เตชเมธากุล คุณเคิร์สเตน ซินจ์ (Kirsten Synge) ซึ่งศิลปินทั้งไทยและต่างชาติทุกท่านที่ได้ร่วมงานกับจิม ทอมป์สัน เป็นศิลปินที่สามารถสะท้อนเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้เป็นอย่างดี

นอกจากลวดลายแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้ผ้าพันคอจาก จิม ทอมป์สัน โดนเด่นจากแบรนด์อื่นๆ คือ เนื้อผ้าที่เกิดจากกรรมวิธีการผลิตที่มีคุณภาพ และทอจากโรงงานของ จิม ทอมป์สัน ที่จังหวัดนครราชสีมา จึงทำให้สามารถควบคุมคุณภาพได้ในทุกกระบวนการ รวมถึงการใช้เทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย ซึ่งได้พัฒนามาอย่างไม่หยุดยั้งกว่า 53 ปี โดยปัจจุบันมีเนื้อผ้าที่จำหน่ายทั้งหมด 4 เนื้อผ้า ได้แก่
ผ้าแจ็คการ์ด (Jacquard) ผ้าพันคอที่ผลิตจากเครื่องทอและเทคนิคชั้นสูง ซึ่งมีความละเอียดและความซับซ้อนในการทอ ทำให้ผ้าชนิดนี้พบได้ไม่บ่อยนัก โดยเครื่องทอที่ซับซ้อนนี้สามารถบังคับเส้นไหมทุกเส้นให้ขึ้นลงได้ตามต้องการ เกิดสีสันและลวดลายที่สวยสดงดงามเสมือนภาพวาด และยังเกิดเป็นลักษณะพิเศษอีกประการคือ สีที่เกิดขึ้นด้านหน้าและด้านหลังจะไม่เหมือนกัน แต่ก็มีความสวยงามและสามารถใช้ได้ทั้งสองด้าน
ผ้าไหมทวิลล์ (Silk Twill) ความพิเศษของผ้าไหมทวิลล์จาก จิม ทอมป์สัน คือ การคัดเลือกเส้นไหมที่ดีที่สุดมาใช้ในการทอ ซึ่งพื้นผ้า (Ground) ของผ้าพิมพ์ที่ทอขึ้นนี้จะมีความพิเศษ คือ ลายทอเป็นลายเฉียงเรียกว่า ทวิลล์ (Twill) ซึ่งมีคุณสมบัติเด่น คือ ผ้าจะนิ่ม พลิ้ว ทน ไม่ยับง่ายเมื่อเทียบกับผ้าพื้น ในส่วนของลวดลายที่ใช้พิมพ์มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ซึ่งมีมากกว่า 2,000 ลาย โดยลายพิมพ์จะวาดด้วยมือเท่าขนาดจริง ด้วยฝีมือของศิลปินประจำที่มีประสบการณ์กว่า 30 ปี แต่ละลายใช้เวลาอย่างน้อย 3 เดือนขึ้นไป ขึ้นอยู่กับขนาดและความยากง่าย รวมถึงรายละเอียดและจำนวนสีที่ใช้ในแต่ละชิ้นงาน จากนั้นภาพวาดที่สมบูรณ์จะผ่านขั้นตอนการแยกสีเพื่อเข้าสู่ระบบพิมพ์ การแยกสีจำเป็นต้องใช้ช่างที่มีความเข้าใจเรื่องเทคนิคการพิมพ์และความสวยงามในเวลาเดียวกัน
โดยเครื่องพิมพ์ที่ใช้มีตั้งแต่เครื่องพิมพ์ไม้แบบโบราณ เครื่องพิมพ์แบบพิมพ์สกรีน และเครื่องพิมพ์แบบสมัยใหม่ คือแบบดิจิทัล ผ้าทุกชิ้นจะเน้นการพิมพ์ทะลุด้านหลัง เพื่อเวลานำไปใช้งานแล้ว จะสามารถเห็นสีและความคมชัดของลายได้ทั้งสองด้าน นอกจากนี้การจบงานผ้าพันคอด้วยการม้วนขอบสอยมือ ก็เป็นอีกขั้นตอนหนึ่งอันเป็นเอกลักษณ์ของผ้าพันคอ จิม ทอมป์สัน ซึ่งต้องใช้มือและความชำนาญของช่างฝีมือโดยเฉพาะเท่านั้น โดยผ้าพันคอขนาดมาตรฐาน 33 นิ้ว x 33 นิ้ว ใช้เวลาสอยมืออย่างน้อย 2 ชั่วโมงต่อผืน ซึ่งการสอยมือจะทำให้ผ้าผูกแล้วขอบยังจะกลมปมอวบ ไม่แบนแฟบ ดูมีโครงและรูปร่าง (Body) เมื่อเทียบกับผ้าที่เย็บริมด้วยจักรเย็บผ้า
ผ้าไหมชิฟฟ่อน (Silk Chiffon) ด้วยลักษณะโปร่งใสและเนื้อผ้าที่บางเบา เมื่อนำผ้าพันคอชนิดนี้มาพันทบกัน จะเห็นลายซ้อนทับกันเป็นมิติ โดยความพิเศษของผ้าชิฟฟ่อนจาก จิม ทอมป์สัน คือความคงทนของวัสดุจากไหมดิบที่ถูกตีเกลียวสูง จนได้เนื้อผ้าที่บางเบาที่สุด แต่แข็งแรง ไม่แยกปริง่าย แตกต่างจากในท้องตลาดทั่วไปที่มักใช้ใยสังเคราะห์ที่ไม่คงทน
ผ้าทอมือ (Hand-woven) ผ้าทอมือของ จิม ทอมป์สัน มีลักษณะพิเศษซึ่งแตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ ด้วยการผสานเทคนิคที่ทันสมัยเข้าไปในกระบวนการผลิต อาทิ การมัดย้อม การพ่นสีเส้นด้าย การพิมพ์เส้นยืน การผสมเส้นด้ายที่มีคุณสมบัติพิเศษลงไปทำให้เกิดงานศิลป์ระหว่างการทำมือและเทคนิคสมัยใหม่ โดยทุกผืนทอด้วยไหมสาวมือ ซึ่งไม่สามารถทอได้ด้วยเครื่องจักร และผลิตมาในจำนวนจำกัดในแต่ละลวดลาย นับว่าผ้าทอมือของจิม ทอมป์สัน คือผลงานศิลปะอย่างแท้จริง
นอกจากเนื้อผ้าทั้ง 4 เนื้อผ้าแล้ว จิม ทอมป์สัน ยังคงพัฒนาและผลิตผ้าพันคอใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการ เช่น
ผ้าไหมแคชเมียร์ (Silk Cashmere) ด้วยคุณสมบัติของไหมที่มีความลื่นเย็นและแวววาว ส่วนแคชเมียร์มีความนุ่มเนียนและอบอุ่น ทางจิม ทอมป์สัน จึงได้พัฒนาผ้าไหมผสมแคชเมียร์ เพื่อนำเอาคุณสมบัติของเส้นใยธรรมชาติที่สูงค่าทั้งสองชนิดนี้มาไว้ด้วยกัน ซึ่งการที่จะทำให้เนื้อผ้าบางเบาที่สุด จะต้องใช้เส้นใยแคชเมียร์ที่มีขนาดเล็กมากจนยากที่จะทอได้ จิม ทอมป์สัน จึงเคลือบสารพิเศษเพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้เส้นใยแคชเมียร์ เมื่อทอเสร็จจึงนำไปล้างออกจนเหลือแต่ไหมกับแคชเมียร์ล้วนๆ ผ้าไหมผสมแคชเมียร์ของ จิม ทอมป์สัน จึงให้ความนุ่มแต่ก็บางที่สุดเท่าที่จะทำได้ นับเป็นผลงานและเทคนิคที่ภาคภูมิใจของฝ่ายวิจัยและพัฒนา ซึ่งจะออกผลิตออกจำหน่ายในเวลาอันใกล้นี้

ผ้าพลีท (Pleat) ผ้าพันคอไหมอัดพลีทของ จิม ทอมป์สัน ถูกพัฒนาไม่ให้รอยอัดพลีทหายไปหลังการซัก สามารถนำไปซักได้และรอยอัดพลีทจะยังคงอยู่ ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่หาไม่ได้ง่ายนัก เพราะโดยส่วนใหญ่ผ้าอัดพลีทในท้องตลาดที่เห็นจะเป็นผ้าใยสังเคราะห์แทบทั้งสิ้น
ผ้าไหมโมดัล (Silk Modal) โมดัล (Modal) เป็นเส้นใยที่สังเคราะห์ขึ้นจากธรรมชาติ มีคุณสมบัติดูแลรักษาง่ายคล้ายฝ้าย แต่ละเอียด นุ่ม เหมือนเส้นไหม ขณะเดียวกันก็มีคุณสมบัติเย็นสบาย โปร่งอากาศ ให้ความรู้สึกผ่อนคลายและไม่เป็นทางการ (Casual) แต่ยังมีสัมผัสความรู้สึกที่หรูหราด้วยส่วนผสมของไหม
ชมลวดลายอื่นๆ ที่บ่งบอกความเป็นไทย



