เผย ชีวิตคู่ดราม่ายิ่งกว่าละคร แต่รักแท้ยังมีอยู่จริง! อ่านแล้วมีน้ำตาซึม!

ชีวิตคู่ดราม่ายิ่งกว่าละคร แต่ รักแท้ ยังมีอยู่บนโลกใบนี้ ถ้าไม่เชื่อเราอยากให้ลองอ่านเรื่องราวความรักของคนคู่นี้ที่ไม่อาจมีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงคํามั่นสัญญาและความรักที่มีต่อกันและกันได้

แพรวเดินทางไปพบ ‘คุณสมคิด เจริญนาม’ และ ‘คุณจันจิรา ดิษฐโชติ’ 2 สามีภรรยาที่ร้านขายสินค้ามือสอง ริมถนนบ้านบึง-แกลง จังหวัดระยอง เห็นคุณสมคิดง่วนอยู่กับการซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า มีคุณจันจิราอยู่ข้างๆ ช่วยทํานั่นทํานี่ก่อนปลีกตัวมาเล่าเรื่องราวความรักที่ยิ่งใหญ่ของทั้งคู่

เผย ชีวิตคู่ดราม่ายิ่งกว่าละคร แต่รักแท้ยังมีอยู่จริง! อ่านแล้วมีน้ำตาซึม!

ชีวิตคู่ดราม่ายิ่งกว่าละคร จันจิรา ดิษฐโชติ รักแท้ สมคิด เจริญนาม“บ้านเดิมหนูอยู่จันทบุรี ‘คิด’สามีอยู่ศรีสะเกษ เราพบกันครั้งแรกตอนอายุ12-13 ปี ต่างคนต่างมาทํางานหารายได้พิเศษตอนปิดเทอม เป็นพนักงานเสิร์ฟร้านอาหารตามสั่ง แถววัดหลวงพ่อโสธรเมืองแปดริ้ว จังหวัดฉะเชิงเทรา อยู่ร้านตรงข้าม จึงได้เห็นหน้า ได้คุยกัน 4-5 เดือน แต่ไม่เคยควงกันไปเที่ยวไหน พอใกล้เปิดเทอมต่างคนก็ต่างแยกย้ายไปเรียน
“กระทั่งหนูอายุ 15 ปี ประสบอุบัติเหตุแก๊สระเบิด ต้องนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล ทีแรกคุณหมอบอกไม่เป็นอะไรมาก คงกลัวทําใจไม่ได้ ห่อหนูไว้ทั้งตัวเลย ครั้งแรกที่เห็นตัวเองในกระจกรับไม่ได้ ไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้ หลังจากนั้นหนูต้องผ่านการผ่าตัดทําศัลยกรรมเกือบร้อยครั้ง จุดที่โดนมากสุดคือบริเวณแก้ม คุณหมอปะเนื้อให้แล้ว แต่น้ำเหลืองไม่ดีเนื้อไม่ติด เน่า ต้องเลาะออก แล้วปะใหม่ บางทีใช้เนื้อที่ขามาปะที่คอ แต่เนื้อไม่ติด ทําให้คอเน่า เป็นอย่างนี้อยู่หลายครั้ง
“ระหว่างนอนอยู่โรงพยาบาล หนูคิดถึงเพื่อนเก่าๆ แต่ติดต่อใครไม่ได้เลย สมัยนั้นไม่มีโทรศัพท์ อาศัยเขียนจดหมายอย่างเดียว หนูไม่มีที่อยู่เพื่อนสักคน นอกจากที่อยู่ของ‘คิด’ที่ศรีสะเกษ จึงเขียนจดหมายหาเขาเป็นปี เกือบร้อยฉบับได้มั้ง เขามาเล่าให้ฟังทีหลังว่าพอเรียนจบม.3 เข้ามาทํางานที่กรุงเทพฯ ทําให้ได้กลับบ้านปีละครั้งจึงเพิ่งเห็นจดหมาย หลังจากนั้นต่างคนก็ต่างเขียนจดหมายให้กําลังใจกัน
“พอออกจากโรงพยาบาล สภาพผิวเรายังแดงอยู่ จะออกไปไหนทีต้องทาโลชั่นหนาๆ เพราะผิวแห้งเร็วมาก ผิวตึงดึงรั้งจนหน้าเบี้ยวไปเยอะ ทุกเสาร์-อาทิตย์อาศัยติดรถแม่ไปขายตลับเทปมือสองที่ตลาดนัดจันทบุรี ไปไหนก็มีแต่คนมอง เพราะคิดว่าเราเป็นโรคผิวหนัง เห็นผิวแดงเป็นสะเก็ดขุยๆ ไปกินอาหารตามร้านก็มีแต่คนไม่กล้าเข้าใกล้

ชีวิตคู่ดราม่ายิ่งกว่าละคร จันจิรา ดิษฐโชติ รักแท้ สมคิด เจริญนาม

“จนกระทั่งอายุ 18 คิดก็มาตามหาตามที่อยู่ในจดหมายโดยไม่บอกให้รู้ล่วงหน้า แม่บอกว่ามีเพื่อนสมัยเรียนมาหา แต่ตอนนั้นไม่คิดว่าเป็นเขา นึกว่าเป็นเพื่อนผู้หญิงแถวบ้าน เห็นเขาครั้งแรกไม่แน่ใจว่าใช่เขาหรือเปล่า ทําไมมายืนอยู่หน้าบ้านเราได้ พอเดินเข้าไปใกล้ได้ยินเขาพูดว่า จําเราไม่ได้เหรอ…‘คิด’ ไง เท่านั้นแหละ เราต่างก็ร้องไห้โฮ เขาเข้ามากอดหนูร้องไห้ เพราะไม่คิดว่าเป็นมากขนาดนี้ และเขาก็พูดว่า ไม่ต้องเสียใจนะ เป็นกําลังใจให้ เคยรักอย่างไรก็จะรักอย่างนั้น

คุณสมคิดซึ่งนั่งฟังอยู่ด้วยเอ่ยแบบเขินๆ “ผมถูกชะตากับเขาตั้งแต่เจอกันครั้งแรกแล้ว เขาคุยเก่ง น่ารัก ใจดี ขยันทํามาหากิน ตอนเจอเขาครั้งที่สองหลังจากที่เขาเป็นอย่างนี้จึงคุยกันว่าต่างคนต่างรับกันได้ ผมไม่รังเกียจเขา ในเมื่อต่างคนต่างไม่มีอะไรติดตัวมา เพราะฉะนั้นเรามาช่วยกันสร้างฐานะดีกว่า
คุณจันจิราเล่าต่อ “คิดเขาเสมอต้นเสมอปลายมาตลอด ทีแรกญาติพี่น้องหนูเห็นเขาแล้วไม่ชอบ พูดว่าเราเป็นอย่างนี้ใครจะมาจริงจังด้วย เขาจึงขอทํางานเก็บเงินสร้างตัวเอง ญาติพี่น้องเราจะได้ไม่คิดว่าเขามาหลอก เราถึงได้แต่งงานกันตอนอายุ 24 ปี แล้วก็ใช้ชีวิตอยู่ที่จันทบุรี

“ผมว่าเป็นเรื่องพรหมลิขิตนะ” คุณสมคิดเปรย “ทุกวันนี้มีลูกชายสองคน อายุ 7 และ 8 ขวบ จึงเป็นความผูกพันกันมากกว่า เขาเป็นคนดีด้วย ขยันทํามาหากิน ขายของเก่ง ส่วนตัวผมพูดขายของเชิญชวนให้ลูกค้าซื้อไม่เป็น เป็นหน่วยซ่อมมากกว่า ช่วยกันหาของเก่า ซื้อมาซ่อมและเอาไปขาย แม่เขาเห็นเราทําจริงจังจึงออกรถกระบะมือสองให้หนึ่งคัน แต่ตอนนั้นเศรษฐกิจแย่ถูกยึดรถ ต้องเปลี่ยนมาขี่มอเตอร์ไซค์พ่วงข้าง ซื้อเหล็กมาต่อเอง ถ้าไปขายของใกล้ๆ ก็กระเตงไปด้วยกันหมด แต่ถ้าไปขายไกลๆ ตามตลาดนัดระยอง ชลบุรี ตราด ผมไปคนเดียว เพราะต้องอาศัยค้างคืนตามปั๊มหรือไม่ก็ตามตลาด”

คุณจันจิราเผยความรู้สึกของตัวเองว่า “กว่าจะผ่านช่วงเวลาเหล่านั้นมาได้ ยากมาก เวลาไปขายของที่ตลาดแล้วมีคนมอง บางคนพูดชมเราว่าดีจัง รู้จักทํามาหากิน ช่วยซื้อของไม่ต่อราคาเลยก็มี ขณะที่บางคนถามว่าโดนอะไรมา เราก็บอกไปว่าประสบอุบัติเหตุค่ะ แต่ถ้าจะชวนคุยเรื่องนี้ ขออนุญาตคุยเรื่องอื่นดีกว่านะคะ

“ทุกวันนี้มีบางคนรู้สึกท้อเพราะป่วยเป็นมะเร็ง ผมร่วง มานั่งคุยด้วยที่ร้าน เราก็บอกเขาว่า ไม่มีผมเหมือนกัน เหลือแค่ครึ่งเดียว ใช้วิธีใส่วิกที่มีคนให้มา บางคนมาปรับทุกข์ รับไม่ได้ที่ตัวเองเป็นแบบนี้ ส่วนใหญ่จะช่วยปลอบใจมากกว่า ให้เขาเห็นว่าเราอยู่ได้ มีชีวิตที่ดีได้ เขาดีกว่าเราตั้งเยอะ อย่างดวงตาหนูมองเห็นได้ข้างเดียว แรกๆ ปวดตามาก เพราะใช้สายตาได้ข้างเดียว กว่าจะปรับให้มองได้ปกติ ไหนจะต้องทนกับแผลที่ดึงรั้งตลอดเวลา โดยเฉพาะเวลาอากาศร้อนมากๆ จะเป็นผื่นเห่อแดงคันตามตัว ผิวหนังแสบไปหมด คนอื่นอาจมีแค่ปัญหาชีวิต การเงินครอบครัว แต่ยังดีกว่าหนูที่เป็นอย่างนี้”

ส่วนเรื่องความเจ็บป่วยของตัวหนูเอง ต้องบอกว่าตั้งแต่ป่วยเข้าโรงพยาบาลมาจนถึงทุกวันนี้ หนูโชคดีที่ได้เป็นคนไข้ในสมเด็จพระบรมราชินีนาถ เวลาไปรับยาที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ส่วนเรื่องผ่าตัดทําศัลยกรรม เคยถามแฟนแล้ว เขาบอกว่าไม่เป็นไร อยู่อย่างนี้ก็ได้ หนูเลยไม่เคยทําศัลยกรรมอีกเลย “กลัวลูกจําไม่ได้” (หัวเราะ) คุณสมคิดแหย่ภรรยา ทําเอาคุณจันจิรายิ้มเขินไปเลยและว่า “บางทีมีรถซาเล้ง รถพ่วงข้าง หรือคนแก่ถูกลูกทิ้ง ตกงานถือถุงใบหนึ่ง ขี่จักรยานมาขอคัดเสื้อผ้าจากร้านเราไปขายตัวละ 5-10 บาท ขายได้เงินวันละ 200-300 บาท เขาดีใจแล้วนะ หนูให้เขามาเลือกไปเลย เพราะเป็นของที่คนบริจาคให้เรามาอยู่แล้ว เราก็แบ่งให้เขาอีกต่อหนึ่ง ในเมื่อเราได้รับการให้ เราก็ให้คนอื่นต่อไป สังคมจะได้น่าอยู่ขึ้น ใครไม่เอาเสื้อผ้าเก่าๆ บอกนะคะ ยินดีไปรับ เพื่อแบ่งปันให้คนที่ไม่มี เคยคิดเหมือนกันว่าถ้าไม่เป็นอย่างนี้ เราอาจมีสามีกินเหล้าเมายา เจ้าชู้ ทิ้งขว้างเราก็ได้ เป็นแบบนี้ก็ดีอย่าง ตรงที่เราได้ครอบครัวดี มีความสุข

“คนอื่นมีพร้อมทุกอย่าง แต่อาจไม่มีความสุขอย่างเราก็ได้”

แวะไปช่วยอุดหนุนครอบครัวนี้ได้ทุกวันศุกร์ไปขายของที่ตลาดนัดนินจา จังหวัดชลบุรีวันจันทร์ขายที่ตลาดสตาร์ จังหวัดระยอง วันอังคารขายที่ตลาดสามย่าน หรือจะแวะมาอุดหนุนที่ร้าน “ส.จิปาถะ” ก็ได้ เปิด 6.00 น.- 20.00 น.


เรื่อง/ภาพ  นิตยสารแพรว

Praew Recommend

keyboard_arrow_up