คุยกับหนุ่มวัยใส ขวัญใจแม่ยก “ชิม่อน-วชิรวิชญ์” ฉายแววอนาคตไกล ความตั้งใจเกินร้อย

หนุ่มน้อย แต่ไม่น้อยความสามารถ “ชิม่อน-วชิรวิชญ์ เรืองวิวรรธน์” ด้วยวัยเพียง 19 ปี แต่พกพาความแซ่บและความเก่งมาแบบล้นๆ ทำให้วันนี้เขาชนะใจบรรดาแฟนคลับ จนกลายเป็นหนุ่มสุดฮ็อตไปแล้ว

ทราบว่าชิม่อนเข้าวงการบันเทิงมาตั้งแต่ 3 ขวบ

ครับ เป็นตัวประกอบในโฆษณาเล็กๆ แต่จากนั้นผมก็เข้าโมเดลลิ่ง จึงได้ผ่านงานมาบ้าง อย่างมิวสิควิดีโอเพลง รักเธอคนเดียว ของพี่ณัฐ-ศักดาทร กระทั่งอายุ 14-15 ปี ทีมงานซีรี่ส์ รุ่นพี่ Secret Love ซีซั่น 2 เห็นรูปผมจากอินสตาแกรม จึงได้เข้ามาแคสติ้งและเล่นซีรี่ส์เรื่องแรก ตอนเด็กๆ ผมไม่ชอบการแสดงเลยนะ รู้สึกเหมือนถูกบังคับให้ยิ้ม ร้องไห้ หัวเราะ แต่พอโตขึ้น ได้มีโอกาสเล่นละครอีกครั้ง ผมชอบมากๆ รู้สึกสนุกมากครับ จึงเรียนคณะดิจิทัลมีเดียและศิลปะภาพยนตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ตอนนี้อยู่ปี 1 ครับ

ตอนเห็นผลงานตัวเองครั้งแรกเป็นอย่างไร

(หัวเราะ) ที่จริงผมแทบไม่กล้าดูเลยนะ เพราะผมรู้ข้อบกพร่องตัวเองตั้งแต่ตอนแสดงแล้วว่าแต่ละซีนเป็นอย่างไร ซีนนี้พูดไม่ชัด ซีนนั้นยังเล่นไม่ดี ทำให้ไม่กล้าดูตัวเอง มันเขินแบบบอกไม่ถูกครับ

ผมเน้นฟังคอมเมนต์จากผู้กำกับ อ่านจากในทวิตเตอร์บ้าง เพื่อดูว่าฟีดแบ็กของเราเป็นอย่างไร ซึ่งหลักๆ คือเรื่องการพูดครับ เพราะส่วนตัวผมพูดไม่เก่ง พูดเร็ว จึงต้องพยายามพูดให้ช้าและชัดขึ้น ส่วนเรื่องการแสดงก็พอไหวครับ แต่หนักสุดของผมคือฉากร้องไห้ คือในซีนอารมณ์ผมเล่นได้นะครับ แต่ถ้าต้องร้องไห้เลยนี่ยาก เพราะปกติเวลาเป็นอะไร เจ็บ เสียใจ ผมไม่ค่อยร้องไห้เลย พอต้องบังคับตัวเองให้ร้อง จึงไม่รู้ว่าต้องบิลด์ความรู้สึกอย่างไร เทคนิคของผมตอนนี้คือพยายามคิดว่าถ้าวันต่อไปไม่มีข้าวกินแล้วจะทำอย่างไร (หัวเราะ) เพราะการกินคือความสุขของผม ถ้าไม่กินคงไม่มีความสุข พยายามคิดอย่างนี้ แต่ก็ไม่ถึงขนาดน้ำตาไหลพรากเลยนะ แค่คลอๆ เบ้าครับ (หัวเราะ) ยังต้องฝึกต่อไป

แต่ล่าสุดก็มีเสียน้ำตาเพราะเรื่องงานแล้วใช่ไหม

ถามเหมือนรู้ใจผมเลยครับ เพิ่งผ่านมาเลย ตอนถ่ายเรื่อง Our Skyy อยากเห็นท้องฟ้าเป็นอย่างวันนั้น ตอนอิน-ซัน เป็นซีนบนสะพานที่ผมต้องบอกความรู้สึกกับเพื่อน ซึ่งผมคาดหวังตัวเองไว้เยอะ ผู้กำกับก็หวังไว้ว่าซีนนี้ต้องดี เพราะเป็นจุดพีคสุดของเรื่อง ผมก็พยายามเล่นเต็มที่ แต่อุปสรรคหลายๆ อย่าง ทั้งฝนตก เรื่องเวลาที่จำกัด เพราะดึกมาก แล้วต้องถ่ายให้เสร็จ ผมก็ยิ่งกดดันตัวเองไปอีก พอถึงเวลาเข้าฉาก ผมพูดไม่ได้ตามที่คิด พูดเร็วไป พอพูดไม่ได้ แอ๊คติ้งก็รวนไปด้วย ผมขอโทษพี่ผู้กำกับที่ทำได้ไม่ดีแล้วนั่งลงร้องไห้เลย ทั้งที่ปกติไม่เคยร้อง พอฉากนั้นออนแอร์ แม้หลายคนจะบอกว่าโอเคแล้วนะ แต่ผมรู้สึกว่าตัวเองน่าจะทำได้ดีกว่านี้

พอผลงานออกอากาศก็มีแฟนๆ ติดตามมากขึ้นเรื่อยๆ นะ

ความจริงผมไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองโดดเด่นขนาดที่จะมีใครมาติดตาม ตอนนั้นผมเป็นแค่เด็กมัธยมซนๆ ธรรมดา ซึ่งตอนที่ซีรี่ส์เรื่องแรกออนแอร์ คนก็ยังงงว่าเด็กผู้ชายคนนี้คือใคร (หัวเราะ) แต่สักพักก็เริ่มมีคนรู้จักมากขึ้น มีแฟนๆ ที่รักและคอยซัพพอร์ตเราอยู่ตลอดเวลาเพิ่มขึ้น (ยิ้ม) ทำให้ผมอยากตั้งใจทำงานและพยายามปรับปรุงพัฒนาการแสดงให้ดีขึ้น

เซอร์ไพร้ส์จากแฟนคลับที่ประทับใจที่สุดคืออะไร

ล่าสุดเลยครับ เมื่อวันเกิดผม (15 มกราคม) ที่ผ่านมา ตอนแรกผมคิดไว้ว่าจะจัดงานเล็กๆ ไม่ต้องใหญ่โต แค่กินข้าวนิดหน่อย ไปวัดทำบุญ แต่พอถึงวันนั้นแฟนๆ เซอร์ไพร้ส์ผมหลายอย่างมาก ทั้งอวยพรวันเกิดบนจอแอลอีดีที่ไทม์สแควร์ นิวยอร์ก หน้าห้างสรรพสินค้ามาบุญครอง แล้วยังจดลิขสิทธิ์ชื่อดวงดาวให้ผมด้วย พอรู้เรื่องทั้งหมดผมตกใจมาก ทุกอย่างมันยิ่งใหญ่มากครับ ผมประทับใจจริงๆ ขอบคุณทุกคนที่รักผมขนาดนี้ครับ (ยิ้ม)

ชิม่อนเคยเจอกระแสดราม่าอะไรบ้าง แล้วรับมืออย่างไร

ผมมองเป็นเรื่องปกตินะ เพราะไม่มีใครที่เพอร์เฟ็กต์ ร้อยเปอร์เซ็นต์ ส่วนมากผมจะโดนว่าเรื่องพูดเร็ว แล้วก็อ้วนครับ (หัวเราะ) เมื่อก่อนผอมกว่านี้เยอะ โครงหน้าชัดมาก แต่ตอนนี้ตามใจปากไปหน่อย หน้าเริ่มกลม ก็บอกแล้วว่าความสุขของผมคือการกินนี่นา (หัวเราะ) แต่ผมไม่นอยด์นะ ผมแฮ็ปปี้กับการกิน เดี๋ยวค่อยลด เมนูโปรดของผมคือส้มตำกับอาหารญี่ปุ่นครับ (ยิ้ม)

วางเป้าหมายในอนาคตไว้อย่างไร

ทำปัจจุบันให้ดีที่สุดครับ ยังไม่อยากมองไปไกลมาก ตอนนี้ผมโฟกัสเรื่องเรียน เรื่องงาน และดูแลครอบครัวให้ดีที่สุด เพราะเมื่อก่อนผมอาจจะโดนตามใจ อยากได้อะไรได้หมด พอไม่ได้ก็โวยวาย แต่ตอนนี้เริ่มทำงานแล้ว ผมกลายเป็นเสาหลักครอบครัว จึงต้องตามใจทุกคนแทน อยากไปเที่ยวไหน อยากกินอะไรก็พาไปครับ

---

 

ติดตามบทสัมภาษณ์ฉบับเต็มได้ที่ นิตยสารแพรว ฉบับ 944