ดราม่ามาดาม…เรื่องเศร้าที่ไม่เคยออกสื่อ เปิดเบื้องหลังชีวิตเหมือนฝันของไฮโซชื่อดัง

สาวๆ ปฏิเสธไหมละว่า การได้แต่งงานกับผู้ชายหล่อ รวย ดี มีชาติตระกูล คือความปรารถนาสูงสุด แต่อย่าลืมว่า บนเส้นทางที่โรยด้วยกลีบกุหลาบนั้นอาจซ่อนหนามแหลมคมไว้ ไม่เว้นแม้แต่แวดวงไฮโซก็มุมดราม่าไม่แพ้กัน

 

อนิตา จันทรัศมี เลอเฟบวร์

หลังจากมาดามตุ๊ดตู่ม่ายลูกสองของแวดวงเจ็ทเซ็ท ยอมตัดใจจากงานการเงิน และผองเพื่อนเซเล็บเมืองไทย บินไปเป็นศรีภรรยาของคุณมิเชล เลอเฟบวร์ ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทปูนซีเมนต์ฝรั่งเศสที่ใหญ่ติดอันดับ 1 ใน 5 ของโลก เปิดฉากชีวิตมาดามปารีเซียงกับลูกชายหญิงในบ้านบนทำเลดีที่สุดใจกลางกรุงปารีส ส่วนเสาร์อาทิตย์ก็ไปอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่คฤหาสน์ตากอากาศขนาด 200 ไร่ในชนบทละแวกแคว้นบอร์โดวซ์ แต่ท่ามกลางความใหญ่โตโก้หรูนั้น สาวเจ็ทเซ็ทบ้าพลังต้องเปลี่ยนสถานภาพมาเป็นแม่บ้านเลี้ยงลูก ขณะที่สามีซึ่งมีอดีตว่ากว่าจะร่ำรวยอย่างวันนี้ต้องผ่านความยากลำบากในยุคหลังสงครามโลกมาอย่างโชกโชน จึงเข้มงวดกับการใช้ชีวิตและรู้คุณค่ากับสิ่งของมาก ขณะที่มาดามตุ๊ดตู่มาจากเมืองไทยอุดมด้วยข้าวปลาอาหาร และไม่เคยเป็นเมืองขึ้นใคร จึงไม่เข้าใจว่า ทำไมแค่ทิ้งขนมปังหมดอายุ สามีจึงโมโหบ้านแทบแตก เช่นเดียวกับลูกทั้ง 2 คนที่ถูกเลี้ยงมาแบบคุณหนู มีพี่เลี้ยงประกบมาแต่เกิด พอถูกฝึกให้ทำงาน ทำไม่ได้ก็ถุกดุเสียงดัง จนปุณณ์ ลูกชายทนไม่ไหว ถามคุณแม่ว่า ทำไมกลับมาเมืองไทยอยู่กัน 3 คนแม่ลูกไม่ได้ ทำเอามาดามตุ๊ดตู่ถึงกับน้ำตารินด้วยความสงสารลูก

สามปีแรกเธอเกือบขอหย่าซะหลายหน และไม่กล้าขายบ้านในเมืองไทย เพราะไม่แน่ใจว่าอาจต้องกลับมาวันไหนก็ไม่รู้ เธอพยายามปรับตัว จนวันนี้แม้สถานการณ์จะดีขึ้น แต่คำว่าครอบครัวเปลี่ยนไปแล้วเพราะต่างคนต่างไปกันคนละทิศละทาง ลูกทั้งสองพอจบไฮสคูลก็แยกย้ายไปเรียนต่อนิวยอร์ก กับอังกฤษ สามีหลังเกษียณชอบถ่ายภาพมาก จึงออกเดินทางถ่ายรูปไปทั่ว ส่วนเธอหันมาทำธุรกิจรังนกพรีมาเนสต์ที่เมืองไทยเต็มตัว

ขนาดลูกชายยังบอกเลยว่า ‘พวกเราไม่เคยมีรูปครอบครัวกันเลยครับ’

เบญจมา วรวงศ์วสุ เฟลมมิ่ง

อีกหนึ่งม่ายลูกติดที่เข้าประตูวิวาห์รอบสองในวัย 42 ปี กับ ‘คุณรอรี่ เฟลมมิ่ง’ พ่อม่ายลูกติดทายาทผู้ดีเก่าอังกฤษ ความที่มีคุณสมบัติเพียบ ทั้งหล่อ รวย มีชาติตระกูล เป๊ะเว่อร์ขนาดนี้ จึงเนื้อหอมในหมู่นางแบบ จนถึงชนชั้นสูงของอังกฤษ เพราะฉะนั้นบันไดสู่การมาเป็นนายหญิงแห่งคฤหาสน์เลิศหรูอลังการบนพื้นที่เกือบ 2,000 ไร่ที่อ๊อกซ์ฟอร์ดของมาดามก้อยจึงไม่ใช่ง่ายๆ เพราะส่งกลิ่นกรุ่นมาตั้งแต่ตอนที่ทั้งคู่ปิ๊งกันที่โรงเรียนลูก ตอนนั้นเธอถูกทั้งสายตาไม่ว่าจะอังกฤษ หรือไทยรุมมองด้วยความอิจฉาร้อนรุ่ม จนตามมาด้วยอีเมล์ขู่ และจดหมายโจมตีด้วยประเด็นว่า เป็นผู้ปกครองโรงเรียนเดียวกันแล้วเป็นแฟนกัน ไม่เหมาะสม ไม่เว้นกระทั่งเพื่อนมาดามก้อยเองก็ยังแอบจับจ้องรอวันที่เธอผิดหวัง ทำเอาเธอถึงกับเสียความรู้สึกมากมาย เพราะกว่าจะเปิดใจยอมรับใครสักคนเป็นเพื่อนไม่ใช่ง่ายๆ

ทุกวันนี้เธอใช้ชีวิตโดยไม่แยแสกับเสียงนกเสียงกา ไม่ว่าจะภาษาอะไร ทำหน้าที่มาดามของหนุ่มสังคมอังกฤษอย่างดีที่สุด คิดดี ทำดี ไม่เคยให้ร้ายใคร ขณะเดียวกันก็ทำใจยอมรับว่า ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงเสมอ วันนี้ยังบอกรักกัน แต่วันหน้าหากเธอต้องกลับมาเป็นโสดอีกครั้ง

เธอก็ไม่แคร์

รัตนาวดี เหมนิธิ วินเธอร์

มาดามนักการทูตก็มีมุมดราม่าไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน ตั้งแต่วันแรกที่ยอมตัดใจทิ้งหน้าที่การงานระดับสูง และแฟนเก่าที่แคนาดาเพื่อเป็นแม่บ้านของ ‘คุณมิเคล วินเธอร์’ ซึ่งครบวาระจากประเทศไทย และต้องย้ายกลับไปประจำที่บ้านเกิดพอดี ทั้งคู่จึงจูงมือกันไปเริ่มต้นชีวิตครอบครัวกันที่โคเปนเฮเกน จากผู้หญิงเก่งที่มีหน้าที่การงานดี เลี้ยงตัวเองมาตลอด เมื่อต้องอยู่ท่ามกลางภาษา วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม สถานภาพที่ล้วนใหม่หมด ความกลัว ความรู้สึกไม่มั่นคงว่า ชีวิตจากนี้ต้องอยู่ภายใต้ร่มเงาของสามี หากเกิดอะไรขึ้นจะทำอย่างไร ทำให้เธอจมอยู่กับความคิดจนผ่านปีแรกไปแบบฝันร้าย

เธอพยายามมีลูกหวังผูกใจสามี แต่ด้วยความเครียดบวกกับมีลูกยาก แม้ให้หมอฉีดฮอร์โมนกระตุ้นไข่จนท้องเขียวช้ำ แต่ก็ไม่มี ที่สุดเธอจึงทำใจ ลุกขึ้นเปลี่ยนตัวเองด้วยการหางานทำ ตั้งแต่นั้นชีวิตแฮปปี้ แม้ต่อมาคุณมิเคล ต้องมาดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตเดนมาร์กประจำประเทศไทยและกัมพูชา และเป็นหัวหน้าคณะทูตานุทูตในประเทศไทย เธอก็ไม่นอยด์ เพราะมีงานทำ ทั้งงานของคณะภริยาทูต ควบตำแหน่งผู้อำนวยการมูลนิธิป้องกันอุบัติภัยแห่งเอเชียประจำประเทศไทย

เรียกว่าแฮ้ปปี้เพราะจัดสรรชีวิตได้ลงตัวจริงๆ

เรื่อง/ภาพ :  นิตยสารแพรว