account_circleสำหรับใครหลายคนนั้น บ้านเปรียบเสมือนผลงานมาสเตอร์พีซของชีวิต ซึ่งจะคงอยู่เป็นสมบัติล้ำค่าของครอบครัว และได้รับการส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น เรียกว่าเป็น “Masterpiece for Generations” เช่นเดียวกับครอบครัวของ“คุณหญิงหนิง-หม่อมราชวงศ์ภวรี สุชีวะ” มัณฑนากรอันดับต้นๆ ของเมืองไทย และ“คุณดา-ภดารี สุชีวะ บุนนาค” ลูกสาวที่มีเป้าหมายตรงกันกับคุณแม่ผู้เป็นต้นแบบในการใช้ชีวิต รวมถึงมีมุมมองเกี่ยวกับบ้านในทิศทางเดียวกัน ซึ่งสำหรับนักอินทีเรียร์ดีไซเนอร์ที่ออกแบบตกแต่งบ้านในฝันให้คนอื่นมามากมายแล้วนั้น จะมีคอนเซ็ปต์เกี่ยวกับบ้านในอุดมคติของตัวเองเป็นอย่างไร Exclusive Talk จะพาไปฟังจากทั้งคู่กัน
ในฐานะมัณฑนากร การออกแบบตกแต่งบ้านแต่ละหลัง คุณหญิงหนิงจะมองหาหรือได้รับแรงบันดาลใจมาจากอะไรบ้าง
คุณหญิงหนิง: “ส่วนตัวเป็นคนชอบท่องเที่ยว ชอบไปดูสถานที่ที่มีประวัติศาสตร์ อย่างสถาปัตยกรรมหรือบ้านเรือนของประเทศต่างๆ เพราะเรามีอาชีพเป็นนักออกแบบตกแต่งภายใน การไปท่องเที่ยวเหมือนเป็นการเปิดสมองให้ได้ไอเดียใหม่ๆ ในการออกแบบเมื่อได้เห็นสถาปัตยกรรมมามากมาย จึงมองว่าความสวยงามของที่อยู่อาศัยถือเป็นการแสดงออกถึงรสนิยมของเจ้าของบ้าน แต่เบื้องหลังความสวยงามต่างๆ ก็ต้องเต็มไปด้วยฟังก์ชั่นส์สำหรับการใช้สอยที่เพียบพร้อมไม่แพ้กัน”
บ้านที่จะเป็นบ้านในอุดมคติของคุณดาเป็นอย่างไร
คุณดา: “ดารู้สึกว่าบ้านเป็นที่ที่บ่งบอกความเป็นตัวเอง อะไรที่บ่งบอกความเป็นตัวเราจะถูกสะท้อนออกมาในการออกแบบบ้านเช่นกัน อย่างที่คุณแม่พูดเสมอว่า ฟังก์ชั่นการใช้งานสำคัญไม่แพ้ความสวย ครอบครัวเราให้ความสำคัญกับเรื่องฟังก์ชั่นมากๆ บ้านที่เรียกว่า “Masterpiece for Generations” สำหรับดาจึงไม่จำเป็นต้องเป็นบ้านที่ใหญ่โตมีเนื้อที่เป็นไร่ๆ แต่ต้องเป็นบ้านที่ตอบโจทย์ชีวิตของเรา บันทึกทุกโมเม้นต์ให้เป็นความทรงจำที่ล้ำค่า ซึ่งไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน เมื่อเราหันกลับมามอง ความทรงจำดีๆ ของครอบครัวก็จะถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น ชีวิตของดามีไม่กี่อย่าง ดาชอบทำอาหาร ฉะนั้นห้องครัวของดา ต้องมีทั้งครัวไทยและครัวฝรั่ง เคาน์เตอร์เตรียมอาหาร โต๊ะทานข้าว และพื้นที่นั่งเล่น เชื่อมต่อถึงกันได้อย่างลงตัว”
คุณดาให้ความสำคัญกับการดีไซน์พื้นที่ส่วนใดของบ้านมากที่สุด
คุณดา: “ในมุมมองของนักอินทีเรียร์ดีไซเนอร์ เราจึงให้ความสำคัญกับการออกแบบส่วนหน้าบ้านที่ไว้ต้อนรับแขกเป็นพิเศษ รู้สึกประทับใจการออกแบบพื้นที่ส่วนต้อนรับ หรือพื้นที่ Living Room ของ The Palazzo ศรีนครินทร์มาก ที่ออกแบบให้มีเพดานสูง เมื่อเดินเข้ามาในส่วนนี้จึงรู้สึกสบายและปลอดโปร่ง ประกอบกับการดีไซน์หน้าต่างบานใหญ่โดยรอบ เปิดให้แสงธรรมชาติเข้ามา ยิ่งทำให้รู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ ที่สำคัญคลับเฮ้าส์ของที่นี่ยังมีการออกแบบพื้นที่ชั้น 2 ให้เป็นห้อง Lounge ซึ่งเราสามารถจัดปาร์ตี้ส่วนตัวได้อีกด้วย”
ร่วมสัมผัสความประทับใจเช่นเดียวกับแม่ลูกมัณฑนากรคู่นี้ได้ที่ The Palazzo ศรีนครินทร์คฤหาสน์หรูระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่จากเอพี ไทยแลนด์ ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากสถาปัตยกรรมสไตล์ American Neo Classic ที่ผสมผสานความโมเดิร์นและคลาสสิกไว้ด้วยกันอย่างลงตัว เปรียบเสมือนนิยามแห่งความสง่างามเหนือกาลเวลา เป็นมาสเตอร์พีซจากรุ่นสู่รุ่นเพียงแห่งเดียวบนถนนศรีนครินทร์ ซึ่งพร้อมจะมอบความสงบและความเป็นส่วนตัว เพื่อเอกสิทธิ์พิเศษเฉพาะ 52 ครอบครัวที่คู่ควรเท่านั้น