คิดเปิดประเด็นพูดถึงน้องชาย “จริงๆ เราเพิ่งเจอ และรู้จักกันมาได้ 3 ปีเองครับ เพราะน้องอยู่ออสเตรเลียนานๆ จะกลับมาสักครั้ง จนมีครั้งหนึ่งเขามาเมืองไทยแล้วเราได้ไปทริปด้วยกัน เลยสนิทกัน”
เบ็นเสริม “ผมจะกลับมาเมืองไทยทุกเดือนธันวาคมครับ แต่ถึงจะเพิ่งเจอกัน ก็รู้สึกถึงความเป็นพี่น้องกันนะ คุยแล้วสนิทเลย เร็วมากนะ
คิดเล่าต่อ “จริงๆ เราเติบโตมาคนละที่ และคนละแบบกันเลย วิธีการเลี้ยงของคุณพ่อก็แตกต่างกันมาก อย่างของคิด คุณพ่อค่อนข้างเข้มงวดกว่า สมัยก่อนเวลาไปเที่ยวห้ามกลับดึก ให้คนขับรถไปตาม แล้วต้องมีวันกินข้าวพร้อมหน้ากันที่บ้าน ห้ามออกไปไหนเด็ดขาด แต่ของน้องชายนี่คุณพ่อปล่อยมาก
เบ็นพูดถึงคุณพ่อบ้าง “คงด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไปครับ เพราะพ่อปล่อยให้ผมไปไหนมาไหนตั้้งแต่อายุ 16 ปี ไม่มีการตามตัว แล้วคุณพ่อก็ไม่เคยบินไปหาด้วย เพราะทำงานเยอะ แต่โทรติดต่อคุยกันตลอดนะครับ
เห็นว่าในโลกโซเซียลฯ กระแสเบ็นมาแรงมาก รู้สึกอย่างไรบ้างคะ
คิดชิงตอบก่อน “ตอนนี้เขาฮอตมาก มีงานเดินแบบ ถ่ายแบบติดต่อเข้ามาเพียบ คิดว่าจะทำหน้าที่เป็นผู้จัดการส่วนตัว หักค่าตัว 10% นะ ดูท่าจะรุ่ง(หัวเราะ)”
เบ็นชี้แจง “ผมว่างานบันเทิงยังก่อนดีกว่าครับ ตั้งใจจะกลับไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยให้จบก่อน ตอนนี้ผมตั้งเป้าไว้ว่าอยากจะเรียนด้านกฎหมายธุรกิจ กำลังดูๆ อยู่ว่าจะเรียนที่ออสเตรเลีย หรืออเมริกาดี จบแล้วค่อยกลับมาเมืองไทย เพราะอยากจะมาช่วยงานคุณพ่อด้วยครับ”
ทราบมาว่าบ้านนี้ชอบศิลปะทั้งบ้าน
คิดพยักหน้ายอมรับ “ช่วงแรกๆ คุณพ่อซื้อกล้องตัวแรกให้เพราะเห็นว่าผมชอบถ่ายรูป เรียกว่าท่านซับพอร์ตทางด้านจิตใจมาก ไม่ได้บังคับว่าเราจะต้องมาสานต่อธุรกิจทางบ้าน แต่ผมก็เข้ามาช่วยบ้างนะครับ อย่างตอนนี้ท่านทำ MOCA ผมก็มีโอกาสได้เข้ามาช่วยดูงานด้านเอ็กซิบิชั่น แต่หลักๆ ก็คือเป็นช่างภาพฟรีแลนซ์ครับ”
เบ็นเล่าต่อ “ผมมีโอกาสมาเดินดูงานที่ MOCA แล้วชอบมาก เพราะผมก็ชอบวาดรูปเหมือนกัน จริงๆ ผมว่าลูกทุกคนชอบวาดรูปหมดนะ”
ตั้งแต่เบ็นกลับมาเมืองไทย ได้ไปเที่ยวที่ไหนบ้างคะ
เบ็นตอบอย่างอารมณ์ดี “ปีนี้ไปเกาะช้างกับพ่อครับ ส่วนปีที่แล้วพี่คิดพาผมไปงานเทศกาลดนตรี Wonder Fruit ที่พัทยา สนุกมาก”
คิดเสริม “เขาไม่ได้ใช้ชีวิตเติบโตที่เมืองไทย จึงไม่รู้สังคมของที่นี่ ผมเลยพาเขาไปกินข้าวแล้วก็ไปเที่ยวกลางคืน เพื่อเปิดหูเปิดตาบ้างครับ คือเบนเขาเป็นคนตลก ง่ายๆ ชิลๆ ดูแล้วเป็นเด็กว่านอนสอนง่าย แต่อาจดื้อเงียบเหมือนผมหรือเปล่าไม่รู้(หัวเราะ)”
เล่าถึงชีวิตที่โน่นให้ฟังหน่อยค่ะ เบ็นทำอะไรบ้างคะ
เบ็นรีบตอบ “อยู่ที่โน่นผมก็เล่นฟุตบอล ไปโรงเรียน ใช้ชีวิตวัยรุ่นเต็มที่เลยครับ แต่เป็นคนรักสุขภาพมาก กินอาหารคลีนพวกข้าวกล้อง อกไก่ จริงๆ เป็นคนกินยากมากครับ ไม่ชอบอาหารญี่ปุ่น ปลาดิบก็ไม่กิน กินอาหารไทยได้ แต่ต้องไม่เผ็ด”
คิดแซว “เขารักษารูปร่างมากๆ ว่างเป็นไม่ได้ ต้องซิทอัพ ห่วงซิกแพ๊คยิ่งกว่าอะไรทั้งปวง(หัวเราะ) แล้วที่บ้านจะมีทริปไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยกันทุกปี ทุกคนจะเอ็นจอยกับปลาดิบ ซูซิมาก แต่เขาไม่ชอบเลย กินได้แค่ข้าวหน้าหมูทอด กับแกงกระหรี่”
ถามถึงเรื่องหัวใจของเบ็นบ้างดีกว่า ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างคะ
เบ็นยิ้มเขิน “ตอนนี้โสดครับ”
คิดถามกลับ “แล้วไม่จีบสาวๆ ที่โรงเรียนบ้างหรือ
เบ็นส่ายหน้า “ไม่ค่อยได้จีบใคร ส่วนใหญ่จะรอไปเจอตามงานปาร์ตี้มากกว่า เพราะผมไปปาร์ตี้วันเกิดเพื่อนบ่อยมากครับ เรียกว่าเกือบทุกอาทิตย์เลย”
แล้วสเปคสาวล่ะคะ
“จริงๆ ผมชอบสาวฝรั่งมากกว่านะ ด้วยความที่ผมโตที่ออสเตรเลียก็จะเจอแต่สาวผมบลอนด์ ผิวแทน เลยจะชอบแนวนั้นมากกว่า ผมว่าของแบบนี้เปลี่ยนไปตามอายุ ไม่แน่อนาคตผมอาจมีแฟนเป็นคนไทยก็ได้
“เพราะสาวไทยก็น่ารักดีครับ” (ยิ้ม)
เรื่อง : apinya
ภาพ : โยธา