5 ผีสาวจาก อดีตชาติ ตามหลอนข้ามภพ อุทาหรณ์เตือนสติรักติดบ่วงกรรม ทำฉันใดจึงหลุดพ้น?

ผีเจ้าสีเกด จาก ‘สาปภูษา’ บทประพันธ์โดย พงศกร

ผีสาว

ผีสาวเจ้าสีเกด หญิงสาวผู้มีฝีมือดีเรื่องการทอผ้าตาดทอง ได้พบกับหม่อมทัด ขุนนางตำรวจหนุ่มจอมเจ้าชู้ซึ่งตามจีบจนเธอหลงรักและยอมมีอะไรด้วย ต่อมาเจ้าสีเกดตั้งท้อง แต่หม่อมทัดกลับบอกว่าจะต้องแต่งงานกับหม่อมฉาย ความผิดหวังทำให้เจ้าสีเกดเกิดความอาฆาตแค้นพยาบาท เธอจึงทอผ้าตาดทองพร้อมเปล่งคำสาปแช่งด้วยแรงพยาบาท “ทุกฝีเข็ม ทุกเส้นไหม ทุกลมหายใจ… ข้าขอพยาบาทจองเวรมันไปจนชั่วลูกชั่วหลาน… ขอสาปขอแช่งพวกมันไปจนชั่วนิรันดร์…”  ก่อนที่เธอจะเลือกจบชีวิตของตัวเองและลูกในท้องด้วยการผูกคอตาย กลายเป็นจุดเริ่มต้นของความอาฆาตที่ไม่เคยถูกลบเลือน แม้กาลเวลาจะข้ามภพข้ามชาติไปแล้วก็ตาม

ผีคุณประยงค์ จาก ‘ภาพอาถรรพ์’ บทประพันธ์โดย หม่อมหลวงศรีทอง ลดาวัลย์

ผีสาว

ผีสาวคุณประยงค์ ธิดาสาวของขุนนางผู้มากด้วยยศศักดิ์มีใจรักกับธำรง หนุ่มต่างจังหวัดที่มาอาศัยในบ้านเป็นการชั่วคราวเพื่อเรียนหนังสือ ด้วยฐานะที่ต่างกัน ทำให้ฝ่ายชายเลือกตัดใจกลับไปรับราชการที่ภูมิลำเนาเดิม และได้แต่งงานกับอร สาวชาวบ้าน ต่อมาธำรงก้าวหน้าในหน้าที่การงานจนได้เป็นพระยาอักษรธงรงค์ และต้องมาราชการที่กรุงเทพฯ จึงพาอรมาพักที่บ้านคุณประยงค์อีกครั้ง ทำให้ถ่านไฟเก่าคุ คุณประยงค์ยึดเจ้าคุณไว้กับตัวตลอดเวลา จนอรตั้งท้อง คุณประยงค์โกรธมาก จึงให้บ่าวที่จงรักภักดีผลักอรตกบันใดลงมาจนตาย หลังการตายของอร เจ้าคุณก็ไม่สนใจคุณประยงค์อีกเลย คุณประยงค์พยายามทุกวีถีทางเพื่อให้เจ้าคุณกลับมารักแต่ไม่สำเร็จ จึงจับเจ้าคุณขังในห้องลับจนตาย ชาติใหม่ภพใหม่ เจ้าคุณกับอรมาเกิดใหม่อีกครั้ง ขณะที่คุณประยงค์ยังคงวนเวียนอยู่ในบ้านหลังเดิม โดยสิงสถิตย์อยู่ในภาพเขียน บ่วงกรรมทำให้ทั้งหมดกลับมาพบเจอกัน และครั้งนี้พอคุณประยงค์เห็นว่ารักจะไม่สมหวังซ้ำ เธอจึงออกอาละวาด

คำถามคือ ทำฉันใดจึงจะทำให้ผีสาวเหล่านี้หลุดพ้นจากบ่วงกรรมที่พันผูกไว้ได้? หากดูกันที่ตอนจบของละคร แทบทุกเรื่องล้วนสอนให้ปล่อยวาง ละความอาฆาตพยาบาท ซึ่งหากเรารู้จัก ‘ดูละครย้อนดูตัว’ อย่างที่บอกในตอนต้น นัยยะที่บอกในละครจริงแท้แล้วก็ตรงกับสัจธรรมที่ว่า ‘ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์’ โดยเฉพาะเมื่อเป็นรักบนความมุ่งหวังอยากให้รักนั้นเป็นนิจจัง เที่ยงแท้ถาวร ทั้งที่ความจริงแล้วมนุษย์เราไม่อาจฝืนกฏความจริงที่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างในโลกล้วนเป็นอนิจจัง ไม่เที่ยงแท้แน่นอน จึงไม่ควรไปยึดติด ดังเช่นที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสไว้มาตั้งแต่พุทธกาล

“ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความทุกข์ที่เกิดขึ้นจากการพลัดพราก จากสิ่งอันเป็นที่รักที่พอใจนั้น เป็นเรื่องทรมานยิ่ง และเรื่องที่จะบังคับมิให้พลัดพรากก็เป็นสิ่งสุดวิสัย ทุกคนจะต้องพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รัก ที่พอใจ ไม่วันใดก็วันหนึ่ง”

เพียงเข้าใจธรรมข้อนี้ แล้วรักให้เป็น รักอย่างมีสติ เมื่อนั้นรักก็จะไม่ผลาญทำลายเรา

ที่มาภาพ : ละครออนไลน์, ช่อง 3, ช่อง One

Praew Recommend

keyboard_arrow_up