เปิดใจคู่ 'นาตาลี-ฟลุค' ไม่ง่ายกว่าจะมีวันนี้ พิสูจน์รัก 10 ปี ลบคำว่าคาสโนวาเกลี้ยง

เปิดใจคู่ ‘นาตาลี-ฟลุค’ ไม่ง่ายกว่าจะมีวันนี้ พิสูจน์รัก 10 ปี ลบคำว่าคาสโนวาเกลี้ยง

Alternative Textaccount_circle
เปิดใจคู่ 'นาตาลี-ฟลุค' ไม่ง่ายกว่าจะมีวันนี้ พิสูจน์รัก 10 ปี ลบคำว่าคาสโนวาเกลี้ยง
เปิดใจคู่ 'นาตาลี-ฟลุค' ไม่ง่ายกว่าจะมีวันนี้ พิสูจน์รัก 10 ปี ลบคำว่าคาสโนวาเกลี้ยง

เปิดใจคู่กันแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ‘นาตาลี-ฟลุค’ ย้อนเส้นทางรักตั้งแต่วันแรก ไม่ง่ายกว่าจะมีวันนี้ ใช้เวลาพิสูจน์ใจนานกว่า 10 ปี ลบคำว่าคาสโนวาจนเกลี้ยง

อีกหนึ่งคู่รักมาราธอนที่ถูกจับจ้องตั้งแต่เริ่มคบกันว่า ความรักของสาวสวยสุดเพอร์เฟ็กต์อย่าง “นาตาลี-ณัฏฐินี เจียรวนนท์” กับคาสโนวาฆ่าไม่ตาย “ฟลุค-เกริกพล มัสยวาณิช” จะไปได้ไกลแค่ไหน

ถึงวันนี้ผ่านมากว่า 10 ปี ทั้งคู่พิสูจน์ให้เห็นว่า บางครั้งเรื่องบางเรื่องก็มีจังหวะและเวลาของมันเอง โดยเฉพาะความรัก แพรว ได้พูดคุยกับ ‘นาตาลี-ฟลุค’ ในวันที่ทั้งคู่ผ่านพิธีแต่งงานแบบไทย และปัจจุบันกำลังมีลูกสาวมาเป็นโซ่ทองคล้องใจ เรียกว่าความโรแมนติกจากงานแห่งความรักยังคงอบอวลอยู่

เปิดใจคู่ 'นาตาลี-ฟลุค' ไม่ง่ายกว่าจะมีวันนี้ พิสูจน์รัก 10 ปี ลบคำว่าคาสโนวาเกลี้ยง

จำครั้งแรกที่เจอกันได้ไหมคะ

ฟลุคตอบก่อน “ความจริงเรารู้จักกันมานานแล้ว อย่างผมก็รู้อยู่แล้วว่าคนนี้คือนาตาลี แต่ไม่เคยทำความรู้จักกันจริงๆ จำได้ว่าสมัยผมหย่าใหม่ๆ พั้นช์ (ชนมาศ มัสยวาณิช) น้องสาวผม ซึ่งเป็นเพื่อนกับลี จะชอบมาขายตลอดว่าเพื่อนคนนี้เหมาะกับผมมาก แต่เหมาะอย่างไรไม่รู้ เพราะไม่เคยเจอกัน

“กระทั่งวันหนึ่งบังเอิญได้ไปกินข้าวด้วยกันเป็นกลุ่ม ถือเป็นครั้งแรกที่ได้รู้จักและคุยกันจริงๆ แต่ตอนนั้นทั้งผมทั้งลีต่างก็มีแฟน จึงไม่ได้สานสัมพันธ์ต่อ แต่ถ้าถามว่าเจอกันครั้งแรกรู้สึกยังไง เขาก็สวยน่ะ ตาโต ยิ้มหวาน ซึ่งเป็นแบบที่ผมชอบอยู่แล้ว (ยิ้ม) หลังจากนั้นผ่านไปเป็นปีได้มั้ง เราโสดทั้งคู่ แล้วมีการนัดแก๊งคนโสดกินข้าวกันหลายๆ คน ตอนนั้นผมแค่เหงา อยากเจอเพื่อนๆ ก็ทำให้ได้เจอเขาอีก ซึ่งช่วงแรกก็ยังไม่คิดจะจีบ ก็เจอกันแบบนั้นอยู่หลายครั้ง ยิ่งเจอก็ยิ่งรู้สึกว่าคนนี้คุยรู้เรื่อง รู้ตัวอีกทีก็ถามตัวเองว่าคุยรู้เรื่องก็จีบดิ ไม่จีบเหรอ” (หัวเราะ)

อะไรที่ทำให้นาตาลีตัดสินใจคุย ทั้งๆ ที่ชื่อเสียงของเกริกพลตอนนั้นก็ไม่ธรรมดา

นาตาลียิ้มหวานก่อนตอบ “ต้องบอกว่าลีระวังตัวมาตั้งแต่ตอนเป็นเพื่อนกันแล้วค่ะ เพราะชื่อเสียงเขาก็อย่างที่เห็นกันตามสื่อ ไปทำอะไรกับใครก็เป็นข่าวตลอด แม้ตอนแรกลีจะไม่ได้คิดอะไรกับเขาและมีเพื่อนไปด้วยหลายคน ก็ต้องระวังตัวไว้ก่อน เรียกว่าเราสร้างกำแพงไว้พอสมควร อย่างถ้าเขาชวนแล้วไม่มีเพื่อนคนไหนว่างไปด้วย ลีก็ไม่ไปนะ แต่พอเจอกันบ่อยเข้าก็รู้สึกว่าเขาไม่ได้เป็นเหมือนในข่าว เราคุยกันรู้เรื่องแบบคอเดียวกัน ความชอบก็คล้ายกันด้วยซ้ำ ทำให้การเจอเขาเป็นเรื่องสนุก เหมือนว่าเขาค่อยๆ ซึมลึกเข้ามาในชีวิต จากที่เคยมีกำแพงจึงลองเปิดโอกาสให้ตัวเองคุยกับเขามากขึ้น แม้จะรู้ว่าเขาไม่ได้มาแบบเพื่อนแล้วก็ตาม”

แต่เชื่อว่าระหว่างทางต้องมีผู้หวังดีคอยเตือน

นาตาลีตอบเสียงสูง “โอ๊ย มีคนเตือนตลอดตั้งแต่เห็นเราไปทานข้าวแล้ว ขนาดบอกว่าเป็นเพื่อนกันและไปกันหลายคน ทุกคนก็ยังเตือน ยิ่งช่วงแรกที่คบกัน คำเตือนมาหนักมาก ที่บ้านก็เป็นห่วง คุณพ่อเองไม่พูดกับลีตรงๆ แต่คอยถามผ่านพี่สาวตลอด ส่วนพี่สาวเองตอนแรกก็ตั้งกำแพงสูงมาก แต่นิสัยลีค่อนข้างดื้อมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ความที่ครอบครัวโดยเฉพาะคุณพ่อเลี้ยงมาด้วยเหตุผล ท่านไม่เคยห้ามลีทำอะไร หรือเวลาลีขออะไร ท่านก็ไม่เคยบอกว่าไม่ แต่จะถามว่าเหตุผลคืออะไร ลีก็เลยชอบประมวลเหตุผลและตัดสินใจเรื่องต่างๆ ด้วยตัวเอง

“ดังนั้นเรื่องที่ทุกคนเตือน ลีรับฟังทั้งหมดและขอบคุณมาก รู้ว่าเขาเตือนเพราะเป็นห่วง แต่หลังจากมาประมวลคิดดูแล้ว ก็รู้สึกว่าส่วนใหญ่คนที่เตือน ก็ฟังเรื่องพี่ฟลุคผ่านข่าว แต่คนที่รู้จักพี่ฟลุคดีที่สุดก็คือเราเอง จึงขอค่อยๆ ดูเอง ที่สำคัญลีคิดว่าที่ทุกคนเป็นห่วงเพราะกลัวเราจะทุกข์ แต่ตอนนั้นเราไม่ได้ทุกข์ใจอะไรเลย คิดว่าถ้าคบเขาแล้วมีความสุขก็จะทำ จึงอยากให้โอกาสพี่ฟลุคและตัวเองด้วย ไม่อยากนำข่าวต่างๆ มาตัดสินตัวเขา ส่วนเรื่องที่คนเตือน ลีก็ไม่ละเลย แค่คิดว่าเรื่องแบบนี้ต้องดูกันไปยาวๆ ซึ่งที่ผ่านมาคบกับเขาเราก็มีความสุขดี คนรอบตัวเรารวมถึงครอบครัวจึงค่อยๆ คลายกังวลไป”

เปิดใจคู่ 'นาตาลี-ฟลุค' ไม่ง่ายกว่าจะมีวันนี้ พิสูจน์รัก 10 ปี ลบคำว่าคาสโนวาเกลี้ยง

ฟลุคล่ะคะ กังวลไหมที่รู้ว่าคนรอบข้างนาตาลีไม่สนับสนุน โดยเฉพาะที่บ้าน

ฟลุคตอบทันที “ไม่นะ ผมเจอมาจนชิน ต้องมีอยู่แล้วที่จะเข้ามาบอกลีว่าอย่าคบเลย ฟลุคเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ถือเป็นเรื่องปกติที่ผมเจอมาตลอด ไม่ตื่นเต้น ไม่น้อยใจ เพราะเราโดนเซตภาพแบบนี้มาตั้งแต่เข้าวงการแล้ว ที่ผ่านมาเวลามีข่าวผมก็เลือกที่จะไม่ตอบ ไม่เถียง ไม่เป็นไร เราเสียมาทั้งชีวิตแล้ว เจ้าชู้ก็เจ้าชู้ ไหนๆ ก็กลายเป็น Trademark (เครื่องหมายการค้า) ของเราไปแล้ว ไม่ต้องรักษาภาพให้เป็นคนดีก็ได้ ตัวจริงเราจะเป็นอย่างไรก็ให้คนที่คบกันรู้ก็พอ ส่วนกับที่บ้านลีก็แค่ต้องใช้เวลาพิสูจน์ ซึ่งกว่าผมจะได้เจอคุณพ่อของลี ก็เป็นปีอยู่นะ พอได้เจอจริงๆ ท่านเป็นผู้ใหญ่ที่น่ารักและใจดีมากเลย”

นาตาลีช่วยเสริม “ลีเชื่อว่าท่านคอยดูเราอยู่ตลอดค่ะ แต่พอวันเวลาผ่านไปนานเข้า พี่ฟลุคพิสูจน์ตัวเองว่าไม่มีอะไรเสียหาย และพอคุณพ่อได้เจอพี่ฟลุคบ่อยๆ กำแพงทั้งหลายก็ค่อยๆ ลดลง ลีว่าไม่ว่าจะเป็นคุณพ่อคุณแม่หรือพี่ พอเห็นว่าเรามีความสุข ก็พลอยมีความสุขไปด้วย”

ตัวจริงของฟลุคเป็นอย่างไรคะ มุมไหนของเขาที่ทำให้ประทับใจ

นาตาลีตอบได้ทันที “พี่ฟลุคฉลาด จิตใจดี ไม่คิดร้ายกับใคร คิดอย่างไรก็พูดอย่างนั้น ตรงไปตรงมากับความรู้สึกมาก เหมือนกับหนังสือที่อ่านแล้วเข้าใจเลยโดยไม่ต้องวิเคราะห์ ถ้ารู้จักแล้วจะรู้หมดว่าเขาชอบหรือไม่ชอบอะไร อันนี้เอา อันนี้ไม่เอา แต่ถ้าใครที่ไม่ชินจะคิดว่าเขาเยอะ หรือทำไมพูดแรง ความจริงคือหลายคนอาจจะคิด แต่ไม่พูด ส่วนพี่ฟลุคพูดทุกอย่างที่คิด ซึ่งลีชอบ เพราะ ไม่ต้องคอยเดาใจว่าเขาจะโอเคไหม ชอบหรือเปล่า เราทำอะไรผิดไปไหม

“แต่การที่เขาเปิดหมด ก็ต้องยอมรับว่าเขาขี้บ่น (หัวเราะ) บ่นในที่นี้คือพูดเยอะในสิ่งที่เขาคิด อย่างเรื่องขวดน้ำ เวลาไปเมืองนอกเราจะดื่มน้ำจากขวด ซึ่งบางทีเราเปิดแล้วก็ลืม วางทิ้งไว้แล้วไปหยิบขวดใหม่มาเปิดอีก พี่ฟลุคเห็นก็จะบ่นว่าเปลืองทรัพยากร เพราะเขารักษ์โลก ทั้งลีและอชิจะโดนบ่นประจำ โดนทีไรก็จะหันมามองหน้ากันแล้วหัวเราะทุกที คือเข้าใจนะ ก็ระวังแหละ แต่บางทีก็ลืมไง ซึ่งเวลาเจอโมเมนต์นั้นก็แค่ทำหูทวนลมไป ปล่อยให้เขาพูดให้จบ แล้วเขาจะจบจริงๆ คือเขาไม่เก็บอะไรไว้ในใจหรือคิดร้ายกับใคร ขนาดบางครั้งมีข่าวหรือมีคนรู้จักนำเรื่องเขาไปพูดให้เสียหาย ลึกๆ เขาก็เสียใจและไม่สบายใจนะ แต่ก็ไม่โกรธหรือเคียดแค้นใคร อย่างมากก็บ่น แล้วบอกว่าช่างเถอะ ไอรู้ว่าตัวเองเป็นยังไงก็พอแล้ว ซึ่งหลายครั้งลีรู้สึกว่าเขาทนได้ยังไง ถึงได้บอกว่าเขาจิตใจดี เราคบแล้วรู้สึกปลอดภัย เพราะรู้ว่าเขาจะไม่ทำร้ายเราหรือทำร้ายใครเลย อยู่ด้วยแล้วสบายใจ”

แล้วในแง่ชื่อเสียงความเป็นคาสโนวาล่ะคะ ต้องพิสูจน์กันนานไหม

เรื่องนี้ฟลุคขอยกให้นาตาลีตอบเอง “ก็ดูนานนะคะ แม้จะคบกันแล้ว ลีไม่ได้ถึงกับเพ่งเล็ง แต่เป็นสิ่งที่เราต้องคอยดูว่าเขาจะเป็นอย่างไร เราคบด้วยใจก็จริง แต่มาพร้อมสติด้วย ตราบใดที่แฮ็ปปี้ลีก็จะคบ ไม่ได้หมายถึงถ้ามีเรื่อง ลำบากแล้วจะไม่สู้ แต่หมายถึงถ้าการกระทำของเขาไม่ทำร้ายเรา หรือไม่ได้ทำให้เราทุกข์ก็โอเค

“มีครั้งเดียวที่ลียกให้เป็นรอบตัดเชือก คือตอนที่มีข่าวไลน์หลุดออกมา จริงๆ ก็นานแล้วนะ เขาเลยไม่ค่อยอยากพูดถึงเท่าไร ลีตอบเองละกัน ตอนนั้นยอมรับว่า หนึ่ง โมโหมาก สอง อายว่านี่คืออะไร เราไม่โอเคเลยกับการกระทำของเขา คิดว่าจะเลิกเลยแหละ แต่พอตั้งสติได้และเขามาง้อ เราก็ขอไลน์เขามาดู แล้วพบว่าความจริงไม่ได้รุนแรงอย่างที่เป็นข่าว เขายังไม่เคยเจอกันเลย คือที่จริงรับไม่ได้หรอกนะ แต่พยายามเข้าใจและให้อภัย ขอให้เป็นบทเรียนของเขาว่าอย่าทำอีก คือเขารู้ดีว่าลีอาจจะดูอ่อนก็จริง แต่ถ้าเวลาตัดแล้วลีจะตัดเลย เหตุการณ์ครั้งนั้นจึงเหมือนการเรียกสติให้เขาทำตัวดีขึ้น ซึ่งหลังจากนั้นมาเขาก็ไม่เคยทำอะไรให้ลีคลางแคลงใจอีกเลย เวลาสิบปีที่ผ่านมาก็พิสูจน์แล้วว่าเขาไม่ได้เป็นอย่างนั้น ไม่ได้บอกว่าพี่ฟลุคเรียบร้อยเป็นผ้าพับไว้ แต่ก็ไม่ได้เป็นขนาดในข่าว ลีรู้สึกว่าสุดท้ายแล้ว แม้เราจะมีเรื่องเถียงกันบ้าง แต่ในภาพรวมแล้วเรามีความสุขนำเสมอ”

เปิดใจคู่ 'นาตาลี-ฟลุค' ไม่ง่ายกว่าจะมีวันนี้ พิสูจน์รัก 10 ปี ลบคำว่าคาสโนวาเกลี้ยง

เอาเป็นว่านาตาลีสามารถปราบคาสโนวาได้

นาตาลีนิ่งคิดก่อนตอบว่า “ลีเชื่อว่าถ้าคนเราคิดเองไม่ได้ เราปราบเขาไม่ได้หรอกค่ะ อยู่ที่ตัวเขาเองมากกว่า ฉะนั้นลีไม่เคยคิดว่าตัวเองปราบคาสโนวาได้ ถ้าเขาจะหยุด เขาคงหยุดเอง ลีว่าสิ่งสำคัญในการใช้ชีวิตคือเราต้องรู้คุณค่าตัวเอง ถ้าเราทำได้ เขาก็น่าจะเห็นค่าของเราเหมือนกัน ลีจึงไม่เคยสร้างกฎเกณฑ์อะไรเลยในการคบกับพี่ฟลุค แต่ลีชัดเจนกับตัวเอง ชัดเจนกับเขา เราคบกันแบบให้เกียรติ รู้คุณค่าของกันและกัน คนเราควรจะรู้ว่าอะไรควรทำหรือไม่ควรทำด้วยตัวเอง ไม่ใช่ต้องมาคอยบอก อย่างตอนที่มีเรื่อง ลีบอกเขาว่านี่คือสิ่งที่ลีรับไม่ได้ ถ้าเกิดเรื่องแบบนี้ ลีจะเลิก เมื่อเราชัดเจน เขาก็รู้ว่าลีเอาจริง”

ขอถามฟลุคบ้าง มารู้ตัวตอนไหนว่าคนนี้แหละใช่

ฟลุคตอบตรงๆ ว่า “ก็ใช่มาตั้งแต่ปีแรกๆ แล้วนะ เพราะคนนี้เราคบแล้วสบายใจที่สุด ทะเลาะกันน้อยมาก เราเถียงกันเยอะก็จริง แต่เป็นเหมือนลับสมองกันมากกว่า ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ไม่มีเรื่องให้อึดอัดใจ ที่สำคัญคือเขาไม่เคยมีปัญหาเรื่องไปมีคนอื่นเลย คบกันมาสิบปี เราทะเลาะกันน้อยมาก แล้วเราสองคนก็ชอบอะไรคล้ายกัน อย่างเวลาไปสั่งอาหาร เปิดเมนูมาจะมี Appetizer ให้เลือก 6 อย่าง ก็จะมี 2-3 อย่างที่เราสั่งมาเหมือนกัน พอถึงเมนคอร์ส มีให้เลือก 20 เมนู ก็ต้องมีสัก 2 อย่างที่ผมกับเขาสั่งเหมือนกัน (ถึงตรงนี้นาตาลีก็เสริมว่า ‘ใช่ๆ สั่งอาหารทีไรจะออกมาเหมือนกัน 90 เปอร์เซ็นต์ แล้วเราก็จะหันมาหัวเราะกันทุกที’) วันไหนไปร้านสเต๊กเฮ้าส์แต่กลัวอ้วน ก็สามารถสั่งจานเดียวมาแบ่งกันกินได้ เพราะชอบเมนูเดียวกัน ทำให้การเจอกันมันง่าย

“ส่วนการใช้ชีวิตนี่อยู่ที่เลือกและตกลงกัน อย่างเวลาไปเที่ยวต่างจังหวัดหรือต่างประเทศ เขาจะตามผมมากกว่า โดยผมจะทำหน้าที่เลือกโรงแรม สายการบิน หรือสถานที่ต่างๆ แล้วผมก็แค่ยอมให้เขาไปกินร้านมิชลินหรูๆ สักมื้อสองมื้อตามแต่เขาจะเลือก เพราะรู้ว่าเขาชอบเสพบรรยากาศ ส่วนผมเป็นประเภทเน้นของอร่อย ไม่ต้องหรูก็ได้ หรือวันพิเศษอย่างวาเลนไทน์แล้ว เขาอยากไปร้านหรูสักมื้อ ผมก็จะยอมไปกับเขา”

แล้วมาคิดเรื่องแต่งงานจริงจังตอนไหนคะ

ฟลุคอธิบายยาว “อย่างที่บอกว่าผมรักเขาและมั่นใจว่าเขาใช่มานานแล้ว แต่ด้วยความที่เราเคยแต่งงานมีลูกมา เรารู้ว่าการจะสร้างครอบครัวนั้นจะต้องเจอกับอะไรบ้าง ซึ่งทุกอย่างล้วนแล้วแต่มีค่าใช้จ่าย อย่างเรื่องบ้าน เรารู้ว่าบ้านที่เขาอยู่ได้ต้องเป็นแบบไหน ไหนจะเรื่องเขาอยากมีลูกอีก พอจะมีลูกทั้งที เราก็อยากเลี้ยงให้มีคุณภาพ คือเลี้ยงให้ดีที่สุดเท่าที่เราจะไหว ซึ่งแน่นอนว่าแพง จึงต้องใช้เวลาในการสะสมเงินซื้อบ้าน และเตรียมความพร้อม มันต้องลงทุน ทั้งเวลา เงินทอง และความรัก ในหัวผมจึงมีแต่เรื่องของการวางแผนว่าต้องทำอะไรบ้าง จะลงทุนยังไงให้ได้เท่าไร ไม่อย่างนั้นก็จะดูแลครอบครัวไม่ได้ คือเงินน่ะมี แต่ถ้ามีลูกแล้วเลี้ยงได้ไม่มีคุณภาพจะมีทำไม หรืองานแต่งงานแบบที่เขาอยากได้ เราก็อยากจะให้ในสิ่งที่เขาฝัน แต่ยังไม่พร้อมไง ก็เลยทำให้กลายเป็น 10 ปี เพราะผมรู้ว่ายังไม่สามารถให้ทุกอย่างได้

“ที่สุดมาขอเขาเมื่อปีก่อน เพราะค่อนข้างพร้อมแล้ว คือที่จริงเล็งมาพักใหญ่แล้วแหละว่าต้องเป็นช่วงนี้ แต่ยังหาจังหวะไม่ได้ สุดท้ายก็เพราะเพื่อนทุกคนดันขอแต่งงานกันเยอะมากไง กดดันกันเหลือเกิน แล้วทุกครั้งที่มีใครขอใครแต่งงานนะ ลีจะเริ่มละ อารมณ์จะมาคุแบบ…เหมือนผู้หญิงเวลามีประจำเดือนน่ะ ‘นี่เขาขอแต่งงานกัน ดูน่ารักจังเลย’ แล้วพูดย้ำซ้ำๆ ผมก็คิดละว่าต้องเป็นเพราะเรื่องนี้แน่ๆ วันไหนเห็นใครโพสต์ขอแต่งงานลงไอจี ผมจะแบบ…เอาละ ซวยแล้ววันนี้ (หัวเราะ) ครั้งสุดท้ายคือตอนพีเคขอโยเกิร์ตแต่งงานนี่แหละ มาคุหนักมาก ก็เลยตั้งใจแล้วว่ายังไงก็คงต้องขอภายในปีที่ผ่านมา”

นาตาลีหัวเราะขำตัวเอง “ความจริงก่อนหน้านี้ลีไม่ได้คาดหวังเรื่องแต่งงานเลยนะคะ คบด้วยความสบายใจเป็นหลัก แต่ก็มองอนาคตด้วยว่าพอเป็นไปได้ไหม ซึ่งก็รู้สึกว่าพอมีความเป็นไปได้ ยิ่งพอคบมานานมากขึ้นก็ยิ่งรู้สึกว่าคนนี้น่าจะใช่ แต่ไม่เคยถามเขาเลยว่าเมื่อไรจะแต่ง เพราะรู้สึกว่าทุกอย่างต้องรอจังหวะเวลาที่ใช่ เดี๋ยวถ้าพร้อมแล้วเราคงรู้เอง แต่จู่ๆ พี่ฟลุคก็เริ่มเกริ่นเรื่องแต่งงานมาตั้งแต่ 3 ปีที่ผ่านมา เหมือนเขาคิดของเขาอยู่สักพักแล้ว แต่ยังไม่พร้อมในหลายๆ เรื่อง ซึ่งลีคิดว่าไม่เป็นไร รอไปก่อน เพราะตอนนั้นลีก็อาจจะยังไม่พร้อมก็ได้ แต่เพิ่งมารู้สึกจริงๆ จังๆ เมื่อปีที่แล้ว พอเห็นใครๆ ขอแต่งงานกัน เราก็เริ่มถามตัวเองว่าอยากมีลูกหรือเปล่า อยากมี แล้วอายุก็เพิ่มขึ้นทุกวันๆ เลยเริ่มคิดว่าตายละ หรือเราต้องพร้อมเร็วๆ นี้แล้ว” (หัวเราะ)

เปิดใจคู่ 'นาตาลี-ฟลุค' ไม่ง่ายกว่าจะมีวันนี้ พิสูจน์รัก 10 ปี ลบคำว่าคาสโนวาเกลี้ยง

พอถึงวันงานแต่งงานจริงๆ เป็นอย่างไรคะ

นาตาลีร้อง “โอ้โฮ เครียดมากค่ะ เพราะมีเรื่องโควิด-19 เข้ามาพอดี พิธีเราจัดขึ้นในวันที่ 14 มีนาคม แต่สถานการณ์โควิด-19 มาหนักเอาวันที่ 13 มีนาคม แขกเริ่มส่งข้อความมาเรื่อยๆ ว่ามาไม่ได้ หายไปเป็นร้อยคนเลย ซึ่งลีเข้าใจทุกคนนะคะ ไม่โกรธใครเลย แต่ความที่เราทุ่มเทจัดงานมา 5 เดือนเต็มๆ พอถึงวันจริงแล้วมีเรื่องเหนือความคาดหมายมาแบบนี้ ลีจึงเสียใจและเครียดมาก วันที่ 13 นี่ร้องไห้ทั้งวันจนไม่ได้นอนเลย รู้สึกว่ามันเกินการควบคุมของเราไปแล้ว ทำอะไรไม่ได้เลย ทำไมต้องมาเกิดกับงานใหญ่ในชีวิตเราด้วย (เสียงเศร้า)

“พี่ฟลุคพยายามปลอบว่าไม่เป็นไรหรอก เพราะเห็นเราจ๋อยมาก เพียงแต่เขาก็ไม่อยากพูดเยอะ เพราะรู้ว่าเราเครียดพอแล้ว เขาพยายามทำตัวให้เข้มแข็ง เพื่อไม่ให้เราดิ่งลงไปมากกว่านี้ ซึ่งเช้าวันงานลีก็พยายามทำตัวให้แฮ็ปปี้นะ แต่อดกังวลไม่ได้ว่าคนที่มางานเราจะเป็นอะไรไหม ขออย่าให้มีใครเป็นอะไรเลย”

ตอนนี้ยังไม่มีกำหนดวันฉลองใหม่ว่าเป็นเมื่อไรใช่ไหมคะ

“ครับ เลื่อนไปเพื่อความปลอดภัยไว้ก่อน เพราะครอบครัวเราก็มีผู้สูงอายุเยอะเหมือนกัน รอให้สถานการณ์คลี่คลายก่อน เอาเป็นว่าเมื่อไรที่เขาบอกว่าจัดได้ก็ค่อยจัด เรารอกันมา 10 ปีแล้ว รอต่อไปอีกหน่อยคงไม่เป็นไร อย่างน้อยเราก็มีพิธีไทยแล้ว เป็นสามี-ภรรยากันแล้ว จะมีลูกตอนนี้ก็ไม่มีใครว่า แต่ลียังไม่อยากมี เพราะเขาได้ชุดแต่งงานมาแล้ว อยากใส่ก่อน” (ยิ้ม)

ระหว่างรองานฉลอง ชีวิตหลังแต่งงานของคู่ข้าวใหม่ปลามันเป็นอย่างไรบ้างคะ

นาตาลีหัวเราะนำมาก่อนเลย “ตอบตามตรงคือหลังแต่งงานมาก็ยังมีแต่เรื่องโควิด-19 เพราะทุกคนจะโทร.มาเช็กตลอดว่าแขกที่มางานมีใครเสี่ยงเป็นโควิด-19 ไหม ที่ผ่านมาจึงรับโทรศัพท์ทุกวัน โชคดีที่ไม่มีใครเป็นอะไร นี่เพิ่งพ้น 14 วันมาได้ไม่นาน ที่คุยกับ แพรว ได้วันนี้เพราะโล่งใจเป็นวันแรก หลังจากลุ้นมาตลอดว่าจะมีใครเป็นอะไรไหม

“เดิมหลังแต่งงานเรามีแพลนจะไปฮันนีมูนกันที่โบราโบร่า แต่พอมีโควิด-19 จึงต้องเลื่อนไปก่อน กลายเป็นเข้าสู่ช่วงต้องควอรันทีนอยู่บ้านกันสองคน ก็ยังคุยกันเลยว่าเราฮันนีมูนที่บ้านก็ได้ (ยิ้ม) นั่งดูซีรี่ส์เกาหลีสหายผู้กองกันไป ก่อน หน้านี้อะไรที่เขาฮิตกันเราไล่ดูไป อย่างวันนี้เดี๋ยวพี่ฟลุคจะทำอาหารให้กิน เมนูเด็ดของเขาคือพาสต้าโบโลเนส พาสต้าคาร์โบนารา และไก่อบราดซอสขาวกับซอสไวน์แดง ลีชอบพูดว่าเขาทำได้อร่อยที่สุดในโลก เขาก็จะยิ้ม แต่ลีพูด จริงๆ นะคะ ตั้งแต่ไปกินมาแล้วหลายประเทศ พี่ฟลุคทำได้อร่อยไม่แพ้ใครเลย อชิก็ชอบ จะไม่อร่อยได้ไง ในเมื่อเขาใช้ของดีหมดเลย เอาไวน์ที่ดื่มมาทำซอสงี้ (หัวเราะ) และตุ๋นนานเป็นชั่วโมงๆ พอดีวันนี้ลีรบเร้าว่าไหนๆ ช่วงนี้ว่าง ยูทำพาสต้าให้ไอละกัน เขาก็บอกว่าได้เลยๆ”

เปิดใจคู่ 'นาตาลี-ฟลุค' ไม่ง่ายกว่าจะมีวันนี้ พิสูจน์รัก 10 ปี ลบคำว่าคาสโนวาเกลี้ยง

สามีดูแลดีขนาดนี้ แล้วภรรยาล่ะคะ ดูแลอย่างไรบ้างคะ

นาตาลีถึงกับเสียงสูง “ดูแลยากมาก เนื่องจากว่าเขาเยอะ ฮ่าๆ แต่ข้อดีคือไม่ว่าจะเยอะแค่ไหน เขาก็ทำเองได้หมด เช่น สมมติไปร้านอาหารจีน สั่งติ่มซำมา 10 อย่าง เขาก็จะบอกคนเสิร์ฟว่าให้เอา 3 อย่างนี้มาก่อนนะ ตามด้วยอีก 3 อย่างนี้ แล้วค่อยเป็นจานนี้ๆ เพราะเขาชอบกินอาหารร้อน ถ้าเสิร์ฟพร้อมกันอาหารจะเย็นชืด ไม่อร่อย จึงต้องทยอยเสิร์ฟทีละอย่าง คือเขาถือคติว่าจ่ายเงินทั้งทีต้องกินให้อร่อย แต่ข้อดีคือเขาแมเนจของเขาเอง เราไปด้วยก็สบายดี ได้กินร้อนไปด้วย คือเป็นความเยอะที่เขาจัดการเองได้ ลีจึงหาอะไรทำให้เขาได้ยาก ส่วนใหญ่แค่ช่วยเสริมเล็กๆ น้อยๆ ช่วยเตือนเรื่องนั้นเรื่องนี้ หรือเวลาเดินทางเราก็คอยชงชา หยิบขนมหยิบน้ำให้ บางทีเขาก็รับ บางทีเขาก็บอกว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวทำเอง ดังนั้นการดูแลเขาจึงไม่ต้องดูแลเลยก็ได้ (หัวเราะสนุก) แค่อ้อนๆ อยู่เป็นเพื่อนคุยกับเขาหน่อย หยิบนั่นหยิบนี่ให้หน่อย เขาก็แฮ็ปปี้แล้ว กินอยู่ง่ายมาก ที่เหลือก็ปล่อยให้เขาเยอะไป ไม่ต้องไปทำอะไร แค่เข้าใจเขาก็พอ”

แล้วมีเรื่องไหนที่ต้องปรับตัวเข้าหากันบ้างไหมคะ

ฟลุคพูดก่อน “เป็นเรื่องในชีวิตประจำวันมากกว่า อย่างที่รู้ว่าผมชอบความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยเกินคนปกติ ส่วนลีจะอยู่ในมาตรฐานที่ค่อนข้างปกติ ประกอบกับเขามีคนคอยดูแลมาตลอด แต่ผมเป็นประเภทใครจะมาทำอะไรดีขนาดไหนก็สู้ทำเองไม่ได้ เพราะผมมั่นใจว่าผมสะอาดกว่า เลยทำเองหมด ทุกวันนี้ผมซักผ้าเอง ล้างจานเอง ไม่ต้องรอให้จานเต็มอ่าง แค่เดินผ่านแล้วเห็นมันรกๆ เกะกะผมก็เข้าไปล้างแล้ว ในขณะที่ถ้าเป็นลี เขาคงรอให้แม่บ้านล้างน่ะ” (หัวเราะ)

ตรงนี้ฝ่ายภรรยายกมือขออธิบาย “เขาชอบพูดแบบนี้ เรากินเสร็จก็แค่ยกจานไปไว้ที่อ่างล้างจาน เพราะมีแม่บ้านทำให้อยู่แล้ว แต่เขาเป็นประเภทเห็นอะไรนิดหน่อยก็ทนไม่ได้ไง เป็นชายเนี้ยบ ระเบียบและสะอาดตลอดเวลา ไม่อยากบอก ไม่ว่าเวลาไปไหนเขาจะพกกระดาษทิชชูเปียกติดตัวตลอด จะกินหรือหยิบจับอะไรก็มีทิชชูเปียกเช็ดมือ ไปร้านอาหารก็ต้องมีผ้าเช็ดมือแบบเปียกวางไว้ข้างๆ ตลอดการกิน ใครไปเก็บออกไม่ได้เลยนะ เพราะเขาจะเช็ดมือตลอด รักมาก ส่วนลีมีบ้างไม่มีบ้าง เขาก็จะบ่นว่าเป็นผู้หญิงไม่พกทิชชูเปียกได้ยังไง ต้องมีนะ (ขำ) ส่วนเรื่องรก ขอแก้ต่างว่าปกติลีไม่ใช่คนรกเลย แค่ของเยอะนิดหน่อย แต่พี่ฟลุคเป็นคุณชายระเบียบ สมัยก่อนเขาก็เคยมาจัดคอนโดให้เรา ช่วยซื้อกล่องมาจัดของให้เป็นที่เป็นทาง พอต้องอยู่ด้วยกัน ลีก็ตั้งใจว่าเราจะต้องมีระเบียบมากขึ้นและหัดโละของทิ้งบ้าง คงหลุดไม่ได้แล้ว ไม่อย่างนั้นคงโดนเขาบ่นจนหูชา (หัวเราะ) ซึ่งก็ดีค่ะ เขาปรับจูนเรามาเยอะ เราจะได้เป็นคนที่จัดของได้เนี้ยบขึ้น”

ฟลุคออกความเห็น “ผมรู้ว่าเขาก็พยายามปรับแหละ แต่แค่เข้าห้องน้ำไปเนี่ยก็เห็นของวางอยู่ที่ซิงค์ล้างหน้าหลายสิบชิ้นได้ ยังไม่รวมของในตู้นะ ส่วนใหญ่เป็นของลีหมดเลย ผมต้องคอยหาเรื่องทิ้งให้ จนทุกวันนี้ผมจะมีในหัวว่าต้องเก็บของ 4-5 ชิ้นไปทิ้งทุกวัน เดินไปไหนในบ้านก็จะคอยมองหา ไม่อย่างนั้นจะรกเต็มบ้าน”

นาตาลีประท้วง “นี่ไง บ่นอีกแล้ว พี่ฟลุคเองก็มีเรื่องต้องปรับเหมือนกัน ลีไม่ได้ขออะไรเขาเลย มีแค่ช่วยบ่นน้อยๆ หน่อย นี่ขนาดเขาบอกว่าจะพยายามบ่นให้น้อยลงนะ (หัวเราะ) แต่ยังไงลีว่าเราก็อยู่กันได้ เพราะลีชิลมาก กับอย่างที่บอกว่าเราก็ชินกันและกันแล้ว”

เปิดใจคู่ 'นาตาลี-ฟลุค' ไม่ง่ายกว่าจะมีวันนี้ พิสูจน์รัก 10 ปี ลบคำว่าคาสโนวาเกลี้ยง

เคยมีโมเมนต์ที่โกรธกันจริงๆ ไหม

ทั้งคู่นึกอยู่นานก่อนที่นาตาลีจะตอบว่า “ความจริงเราแทบจะไม่ทะเลาะกันเลยนะคะ ถึงเราจะเถียงกันตลอด เพราะต่างก็ดื้อและมีความคิดของตัวเองทั้งคู่ แต่ข้อดีคือระหว่างเราไม่มีใครมีอีโก้ ถ้าพูดอะไรไปแล้วคิดว่าความเห็นอีกคนดีกว่า ก็จะมีคนที่ยอมไปเอง เราถกเพื่อสิ่งที่ดีกว่า แล้วก็แค่สลับกันยอม ถ้าโมโหจริงๆ ส่วนใหญ่เราจะเงียบ หยุดคุยแล้วเดินไปที่อื่น รอให้ความเดือดลดลงก่อน แล้วค่อยเคลียร์กันด้วยเหตุผล แต่ยังไงก็ต้องเคลียร์ ลีไม่ชอบให้มีอะไรค้างคา จะไม่มีการเดินหนีแบบทิ้งไปเลย แค่ให้อารมณ์เบาลงแล้วค่อยพูดกัน ซึ่งส่วนใหญ่เราแพ้ให้กับเหตุผล ลีรับฟังเขา ส่วนเขาก็ยอมรับฟังเหตุผลของลีเหมือนกัน เราจึงไปกันได้”

เคยถามตัวเองไหมว่าทำไมเราถึงขาดคนนี้ไม่ได้

ฟลุคตอบจริงจัง “ผมว่าเขาเข้ามาเติมเต็มในสิ่งที่ผมขาด อย่างเรื่องมุมมองความคิดที่ละเอียดอ่อนแบบผู้หญิง ปกติผมจะใช้บรรทัดฐานและความคิดตัวเองเป็นหลักว่าถ้าผมไม่ซีเรียส คนอื่นก็คงไม่ซีเรียส ไม่เห็นเป็นไรเลย ซึ่งความจริงคือคนอื่นอาจจะคิดเยอะกว่า ลีจะคอยเตือนผมว่า ‘ทุกคน ไม่ได้คิดเหมือนยู’ เราจึงเป็นเหมือนสติในด้านที่อีกคนขาด ในขณะเดียวกันผมก็เข้าใจเขาในระดับที่ผมสามารถอ่านเขาออก คือในฐานะผู้ชายมันจะมีบางโมเมนต์ที่เราไม่เข้าใจผู้หญิง แต่ผมเชื่อว่าผมเข้าใจเขามากที่สุด อย่างถ้ามีใครพูดแบบนี้มา ผมจะรู้ว่าเขาจะตอบอย่างไร หรือถ้าผมพูดเรื่องนี้ไป ลีก็จะถามว่าพูดทำไม

“ถึงวันนี้ผมยิ่งรู้สึกว่าแค่มีผมกับเขา เราก็มีความสุขได้ รู้สึกว่านี่คือครอบครัวของเรา อยู่กับเขาแล้วสบายใจ มันครบและลงตัว ไม่ต้องการอะไรเพิ่มไปกว่านี้ นี่ไม่รวมอชินะ คนละเรื่องกัน มีอชิอยู่ด้วยต้องดีกว่าอยู่แล้ว แต่ถ้าวันหนึ่งลูกเติบโตไปมีครอบครัวของเขาเอง แล้วผมต้องอยู่กับลีสองคน เราก็อยู่ได้ เพราะเราคอมพลีตกันและกัน”

นาตาลีฟังแล้วถึงกับยิ้มแก้มปริ “โอ้โฮ น่ารักอะ ไม่คิดว่าจะพูดอะไรแบบนี้ (หัวเราะ) สำหรับลีแล้ว พี่ฟลุคเหมือนเป็นอีกครึ่งหนึ่งของเรา เขาสามารถเติมเต็มและเพิ่มในสิ่งที่เราขาด ในขณะเดียวกันก็เป็นคนที่เหมือนเรามากจนงง อย่างที่เล่าว่าสั่งอาหารทีไรก็เหมือนกันทุกที เขาเป็นคนที่เราอยู่ด้วยแล้วแฮ็ปปี้ อยากเจอเขาตลอด อยู่ด้วยแล้วมีความสุข มั่นใจว่าเราฝากชีวิตไว้กับเขาได้ อยู่ด้วยแล้วมันดีน่ะค่ะ ไม่รู้จะพูดว่ายังไง” (เขิน)

เปิดใจคู่ 'นาตาลี-ฟลุค' ไม่ง่ายกว่าจะมีวันนี้ พิสูจน์รัก 10 ปี ลบคำว่าคาสโนวาเกลี้ยง

แพลนการสร้างครอบครัวในอนาคตไว้อย่างไรคะ

ฟลุคพูดก่อน “ส่วนตัวผมไม่รีบ เพราะลูกก็มีแล้ว แต่ลีอยากได้สองคน ก็แล้วแต่เขา ผมก็มีหน้าที่แพลนหาเงินเก็บไว้ให้ลูกต่อไป ส่วนเรือนหอ ตอนนี้กำลังตกแต่งอยู่ ผมดูแลเอง น่าจะเสร็จในปีนี้แหละ”

นาตาลีปิดท้าย “ตอนแรกลีก็แพลนว่าจะมีน้องนะคะ กะว่าผู้หญิงคน ผู้ชายคน แต่ตอนนี้คงต้องขยับไปก่อน รอให้เหตุการณ์ปกติ ถ้ามีลูกช่วงนี้คงเครียดตายเลย นอยด์ยกกำลังสอง ไว้จัดงานเสร็จก่อนค่อยว่ากันอีกที แต่ก่อนเคยคุยกับอชิ เขาเคยพูดเมื่อนานมาแล้วว่าอยากมีน้อง คงอยากได้เพื่อนเล่น เพราะเป็นลูกคนเดียว แต่พอถามตอนโตว่ายังอยากมีไหม เขาบอกว่า ‘อชิเฉยๆ แล้วครับ เพราะถ้ามีตอนนี้น้องคงเล่นกับอชิไม่ได้แล้ว’ (หัวเราะ) คืออชิอายุ 17 แล้วไงคะ แต่เขาก็ไม่ค้านนะ ถามทีไรก็อมยิ้มตลอด เชื่อว่าถ้ามีน้อง เขาก็คงมาเล่นด้วย เพราะเขาใจดี เอาเป็นว่ารวมๆ แล้วปีนี้ต้องยอมรับว่าเราคงกำหนดอะไรมากไม่ได้ แต่ไม่เป็นไร อย่างไรเราก็ได้อยู่ด้วยกันทั้งชีวิต แฮ็ปปี้กันไปตลอดอยู่แล้วค่ะ”


อ่านบทสัมภาษณ์ฉบับเต็มได้ที่ นิตยสารแพรว ฉบับ 958

ภาพเพิ่มเติม : lee_natalie

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

เปิดใจเอ็กซ์คลูซีฟ! ความสุขที่แท้จริงของ ‘เจนี่’ บทบาทคุณแม่ที่เฝ้ารอมาทั้งชีวิต

สื่อจีนตั้งข้อสังเกต ซงฮเยคโย อาจจะรีเทิร์นรักเก่า ฮยอนบิน

ครอบครัวแฮ็ปปี้ สามีรักหลง 5 เรื่องจริงของ คิมฮีแอ ดราม่าควีนแห่งแดนกิมจิ

 

Praew Recommend

keyboard_arrow_up