หากพูดถึง เนื้องอกในมดลูก ของผู้หญิงในปัจจุบัน ถือเป็นอาการที่พบได้เยอะในผู้หญิงตั้งแต่อายุ 20 ปีขึ้นไป และแนวทางในการรักษา ก็คงหนีไม่พ้นการผ่าตัดที่นิยมรักษากันอย่างแพร่หลาย
“ศาสตราจารย์นายแพทย์แจ็ค ดอนเนส์” (Prof Jacques Donnez) นักวิจัยชาวเบลเยี่ยม ได้คิดค้นตัวยาใหม่ขึ้นมา โดยใช้ระยะเวลากว่า 10 ปี เพื่อรักษาเนื้องอกในมดลูกของสตรี โดยวิธีการกิน ที่สามารถรักษาเนื้องอกในมดลูกให้ฝ่อ หรือตัดอายุขัยของเนื้องอกได้ ซึ่ง”ศาสตราจารย์นายแพทย์แจ็ค ดอนเนส์” บินตรงมาบรรยายและให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับนวัตกรรมตัวใหม่นี้ ณ โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท โดยมี “นายแพทย์บุญแสง วุฒิพันธุ์” สูตินรีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธ์ ร่วมให้ข้อมูล
“นายแพทย์บุญแสง วุฒิพันธุ์” สูตินรีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธ์
“นายแพทย์บุญแสง วุฒิพันธุ์” กล่าวว่า “ณ ตอนนี้ทางโรงพยาบาลสมิติเวช เริ่มเปิดใช้รักษาคนไข้เป็นเวลากว่า 3 เดือนแล้ว หลังจากยาได้รับการอนุมัติจาก องค์การอาหารและยาในเมืองไทย ซึ่ง ณ ตอนนี้ในเมืองไทยเริ่มมีการเปิดใช้รักษาคนไข้ตามโรงพยาบาลต่างๆ แล้วเช่นกัน โดยยาตัวนี้ได้รับอนุมัติใน 2 ข้อบ่งใช้หลักคือ ใช้รักษาโรคเนื้องอกมดลูกก่อนการผ่าตัด และใช้รักษาแบบเป็นคอร์สๆ สำหรับเนื้องอกมดลูกในคนไข้ที่ไม่สามารถผ่าตัดได้ โดยยาสามารถหยุดเลือดประจำเดือนที่ออกมากได้ภายในสัปดาห์แรกของการรักษา และสามารถควบคุมการไหลของเลือดที่ผิดปกติได้มากกว่า 90 % นอกจากนี้ยังสามารถลดขนาดก้อนเนื้องอกมดลูกและคงขนาดก้อนเนื้องอกที่ลดลงหลังจบการรักษา รวมถึงลดอาการปวดและอาการแสดงต่างๆ ได้อีกด้วย ทั้งยังพบผลข้างเคียงน้อยมาก โดยอาการที่มักพบคือ อาการปวดหัวและร้อนวูบวาบ แต่ไม่พบอาการข้างเคียงที่เป็นเหมือนภาวะวัยหมดประจำเดือนจากการขาดฮอร์โมนเอสโตรเจน ซึ่งเป็นผลข้างเคียงหลักของยากลุ่มอื่น เช่น GnRH agonist”
การรักษาโรคเนื้องอกมดลูก
“นายแพทย์บุญแสง วุฒิพันธุ์” เผยว่า “ส่วนการรักษาเป็นแบบคอร์สนั้น โดยแต่ละคอร์สมีระยะเวลา 12 สัปดาห์ การรับประทานยาก็จะเริ่มรับประทานภายในสัปดาห์แรกของการมีประจำเดือน จากนั้นเว้นระยะพักคอร์สเป็นระยะเวลา 2 รอบประจำเดือน และเริ่มรับประทานยาในคอร์สที่สองของการมีรอบเดือนครั้งที่สองหลังจากจบคอร์สการรักษาก่อนหน้านี้
ข้อควรระวัง
สูตินรีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธ์ เสริมอีกว่า “ข้อควรที่สำคัญสำหรับผู้ป่วยที่ใช้ยาชนิดนี้ ต้องดูว่าเป็นผู้ที่แพ้ตัวยาสำคัญหรือตัวยาไม่สำคัญอื่น ๆ หรือไม่ที่ใช้เป็นส่วนประกอบในยา รวมไปถึงสตรีระหว่างตั้งครรภ์และให้นมบุตร หรือแม้กระทั่งผู้ที่มีเลือดออกทางอวัยวะเพศที่ไม่ทราบสาเหตุหรือสาเหตุอื่นนอกเหนือจากเนื้องอกมดลูก และสำคัญที่สุดก็ตรงที่ห้ามใช้ในรายที่เป็นมะเร็งมดลูก มะเร็งปากมดลูก มะเร็งรังไข่ และมะเร็งเต้านม และห้ามใช้ในผู้ป่วยที่เป็นโรคตับปกติ ดังนั้นหากตรวจพบเนื้องอกมดลูก ยังไม่ควรวิตกกังวลจนเกินไปเพราะเนื้องอกมดลูกเป็นโรคที่ไม่อันตรายถึงชีวิต สามารถเฝ้าระวังการเจริญเติบโตของโรครวมถึงไม่จำเป็นต้องผ่าตัดทุกรายและที่สำคัญคือปัจจุบันมียาที่สามารถรักษาให้หายได้ โดยควรเข้ารับการรักษาโดยแพทย์ผู้ชำนาญเฉพาะทางเท่านั้น”
ข้อมูลจาก : นายแพทย์บุญแสง วุฒิพันธุ์