ผิวขาว

ผิวสีไหนก็แซ่บได้ไม่ต่างกัน..แต่ถ้าอยาก ผิวขาว แบบปลอดภัยมี 4 เรื่องที่ควรรู้!

Alternative Textaccount_circle
ผิวขาว
ผิวขาว

ทำไมใครๆ ก็อยาก ผิวขาว !! ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ก็พยายามบิลด์ว่าต้องโอโม่ ต้องโกลว์ ต้องขาว วิ้งออร่าเด้ง วันนี้ แพรวดอทคอม มีโอกาสจับเข่าเม้าท์กับกูรูในมุมมองของ แพทย์หญิงศศิวรินทร์ เชิญรุ่งโรจน์ แพทย์ผิวหนังและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้าน Anti-Aging

ทำไมถึงเกิดค่านิยมคนคลั่งขาว
“เดี๋ยวนี้เราเสพซีรี่ส์เกาหลีกันเยอะ ธรรมชาติสีผิวบ้านเขาออกขาว พอทำศัลยกรรมก็ยิ่งน่ารัก เราเลยอินอยากเป็นแบบนั้น ทั้งๆ ที่ธรรมชาติคนไทยสีผิวออกเหลือง บางคนก็มีเชื้อสายจีนเลยมีผิวขาว เน็ตไอดอล ดารา นางแบบ และพริตตี้บางคนที่ขาวอยู่แล้ว หรือบางคนก็ไม่ได้ขาวมาก แต่เวลาไปออกงานชอบทาหน้าและทาตัวเพื่อให้ดูขาว ก็เลยยิ่งเป็นกระแสไปกันใหญ่

ผิวสีไหนก็แซ่บได้ไม่ต่างกัน..แต่ถ้าอยาก ผิวขาว แบบปลอดภัยมี 4 เรื่องที่ควรรู้!

สารพัดวิธีอยาก “ขาว” แต่ควรอ่านให้ละเอียด

1. เลเซอร์ ควรอยู่ในความควบคุมของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและใช้เครื่องที่ได้มาตรฐาน อาทิ มาตรฐานตามองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐฯ เลเซอร์มีหลายกลุ่ม ทั้งแบบหน้าลอกและหน้าไม่ลอก ชนิดหน้าไม่ลอกยิงเลเซอร์ไป 10 ปีก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าเป็นชนิดหน้าลอกต้องดูว่ากลุ่มไหน แต่ยังไงก็ไม่ควรทำบ่อย

2. กลูตาไทโอน ที่ใช้ในปัจจุบันมีทั้งจากจีนและอเมริกา จึงต้องเลือกคลินิกที่เชื่อถือได้ หากราคาถูกมากๆ ให้ฉุกคิดก่อนว่าไม่บริสุทธิ์ น่าจะมีการปะปนของสารอื่นๆ ฉีดเข้าไปอาจเกิดอันตรายได้ในระยะยาว เพราะจริงๆ กลูตาไทโอนเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ
ที่มีอยู่ในร่างกายอยู่แล้ว แต่อาจมีปริมาณน้อย แล้วเผอิญมีการนำไปรักษาผู้ป่วยที่ต้องใช้เคมีบำบัด จึงมีการนำไปศึกษาทางทฤษฎีและพบว่าช่วยให้ขาวขึ้นด้วย ทำให้เริ่มมีการนำกลูตาไทโอนมาฉีดเข้าเส้นเลือดกัน แต่อย่าลืมว่าอะไรที่เรารับมากเกินไป สะสมเรื่อยๆ มักจะไม่ดีต่อร่างกาย มีผลต่อตับและไตอยู่แล้ว ลองคิดดูว่า ถ้าฉีดต่อเนื่องเป็นสิบปี เส้นเลือดต้องโดนแทงกี่ครั้ง เส้นเลือดอาจเป็นพังผืดได้ด้วย แล้วถามว่าสีผิวจะเปลี่ยนจากเหลืองเป็นขาวโอโม่เลยไหม ตอบเลยว่าไม่แน่นอน เพราะมันมีเฉดที่มาจาก
ยีนต้นกำเนิดอยู่แล้ว

3. ครีมที่มีส่วนผสมของไฮโดรควิโนน สารปรอทหรือสเตียรอยด์ รวมถึงสารเร่งขาว ถ้ารับมากเกินไปแรกๆ อาจไม่มีปฏิกิริยาอะไรกับร่างกาย แต่เมื่อเวลาผ่านไป สารเร่งขาวจะทำให้หน้าดำถาวรโดยที่ไม่มีทางแก้ไขอีกเลย หรือถ้ากินสารเร่งขาวจะมีผลต่อตับและไตอีกด้วย

4. วิตามินและอาหารเสริม บางยี่ห้อก็ดีจริงๆ ขึ้นอยู่กับส่วนผสมว่าเพียงพอกับที่ร่างกายควรได้รับหรือเปล่า บางยี่ห้อใส่ส่วนผสมมาเยอะมาก แต่โดสไม่ถึงก็ไม่ช่วยอะไร

ปรับทัศนคติกันก่อน
“ถ้าอยากผิวขาวควรปรึกษาแพทย์เพื่อดูสาเหตุที่ผิวดำคล้ำว่าเกิดจากแดดหรือเป็นแบบนี้ตั้งแต่เกิด และจะแก้ไขอะไรได้บ้าง เพราะเดี๋ยวนี้คนมักชอบไปฉีดสารกันเอง ซื้อครีมคุณภาพแย่ที่มีส่วนผสมสารเร่งขาวมาทาเอง ซึ่งอันตรายมาก หมอมองว่าสีผิวเดิมของเราที่พ่อแม่ให้มาดูสุขภาพดีและทำให้เรามีออร่ามากกว่าการพยายามเปลี่ยนธรรมชาติของผิว เราจึงต้องปรับทัศนคติว่าสิ่งที่ผู้รักษาอยากได้กับสิ่งที่หมอสามารถให้ได้มีจุดร่วมตรงไหน ไม่มีทางอยู่แล้วที่ผิวดำแบบชาวแอฟริกันจะเปลี่ยนมาขาวแบบคนจีน นอกจากจะป่วยเป็นโรคอย่าง ไมเคิล แจ็คสัน ที่ป่วยเป็นโรคด่างขาว ทำให้ผิวลอกออกหมด เม็ดสีไม่ทำงาน ผิวเลยไม่มีสี เขาโดนแสงแดดไม่ได้ และเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งผิวหนัง (ที่คนเรามีสีผิวต่างๆ เพราะมีเมลานินมาปกป้องแสงแดด ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี ป้องกันไม่ให้เราเป็นมะเร็ง) อีกอย่างคือผิวเขาไม่ได้ขาวไปทั้งหมด มีพื้นที่ที่ผิวเป็นด่าง จึงต้องไปฟอกผิวแบบใช้ยากัดเม็ดสีออกให้ขาวเท่ากัน

“สุดท้ายหมอมองว่าเป็นแบบที่ตัวเองเป็นดีกว่าไม่ต้องขาวเหมือนคนอื่น มันเหมือนวิ่งไล่จับหนูแล้วหนูมันก็วิ่งหนี ความขาวมันไม่ตลอด เพราะกลูตาไทโอนเปลี่ยนเม็ดสีผิวจากสีน้ำตาลไปเป็นสีขาว แต่เป็นการหยุดการเปลี่ยนแปลงช่วงขณะหนึ่งเท่านั้น ถ้าเราหยุดใช้มันก็จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม ไม่สามารถเปลี่ยนให้ความขาวอยู่กับเราได้ตลอดไป ความขาวที่เรารักษาหรือพยายามทำให้ขาวอาจคงอยู่แค่ช่วงระยะเวลาหนึ่งเพียงเท่านั้น อีกเรื่องคือผลิตภัณฑ์ไม่ได้ถูกจริตกับทุกคน บางคนใช้แล้วเวิร์ค บางคนใช้แล้วไม่เวิร์ค ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ด้วย อย่างแบรนด์ใหญ่ก่อนจะออกผลิตภัณฑ์ต้องมีการทำวิจัยเพื่อความปลอดภัย แต่เดี๋ยวนี้มีครีมที่คนทั่วไปทำขายเองแล้ว เคลมว่าขาวภายใน 3 วัน 7 วัน ซึ่งจะเห็นในข่าวได้บ่อยว่ามีการปะปนของสารปรอท อาจจะทำให้ขาวเร็วจริง แต่อันตรายแน่นอน”


ภาพ : Pexels

Praew Recommend

keyboard_arrow_up