ความสำเร็จ

เปิดนิยามความสำเร็จ 8 Powerful Women แห่งยุค กล้าที่จะใช้ชีวิตเพื่อเป็นแรงบันดาลใจ

ความสำเร็จ
ความสำเร็จ

เจาะลึกตัวตนและแนวคิดสู่ความสำเร็จของ 8 Working Women ผู้หญิงเก่งแห่งยุค กับหลากหลายประสบการณ์ล้ำค่าที่นำไปสู่ความสุข ความภาคภูมิใจ รวมถึงถูกส่งต่อเพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้หญิงทุกคน

หากคุณคือผู้หญิงที่มีคำว่า ‘ความสำเร็จ’ อยู่ใน Bucket List ที่อยากทำให้ได้ในชีวิตนี้ แพรวดอทคอม และ Tory Burch ขอแนะนำให้รู้จักกับเหล่าผู้หญิงเก่งทั้ง 8 คนนี้ ซึ่งมาจากหลากหลายวงการ หลากหลายสาขาอาชีพ แต่มีเป้าหมายเดียวกัน คือมุ่งสู่ความสำเร็จในแบบฉบับของตัวเอง เพื่อสานต่อแคมเปญ #EmbraceAmbition โดยเชื่อว่าประสบการณ์ล้ำค่าเหล่านี้ของพวกเธอ จะช่วยจุดประกายไฟแห่งความฝัน และสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้หญิงทุกคนกล้าที่จะเก่ง และก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นใจ เพื่อผลักดันตัวเองให้ไปถึง ‘ความสำเร็จ’ ได้ในเร็ววัน

ก้อย – รัชวิน วงศ์วิริยะ
นักแสดง

ความสำเร็จ

ประสบการณ์การวิ่งครั้งแรก

ถ้าพูดถึงการวิ่งครั้งแรกก็ต้องย้อนกลับไปนานมาก สนามแรกคือสมัย ป.3 ที่โรงเรียนมีแข่งวิ่งเปรี้ยว ซึ่งก้อยเป็นเด็กชอบทำกิจกรรมอยู่แล้ว ส่วนที่เริ่มวิ่งแบบจริงจังคือประมาณ 7 ปีที่แล้ว สสส. จัดงานวิ่งที่มีคอนเซ็ปต์ว่าวิ่งเปลี่ยนชีวิต ตอนนั้นก้อยไม่ได้ชอบวิ่งมาก่อน พี่ตูนเองก็เหมือนกัน งานนั้นเป็นครั้งแรกที่เราไปลงสนามวิ่งด้วยกัน คนที่มาชวนคือ ป๋าเต็ด ซึ่งก็ถือเป็นงานวิ่งที่เปลี่ยนชีวิตเราทั้งคู่ไปตลอดจริงๆ  

จำได้ว่าเช้าวันนั้น ประมาณตีห้า คนเยอะพอสมควร ตอนแรกก้อยเข้าใจว่า การที่แฟนชวนไปวิ่งคือวิ่งไปด้วยกัน 2 คน แบบชมนกชมไม้ไปเรื่อยๆ แต่ในความเป็นจริงคือพี่ตูนวิ่งนำไปเลย ด้วยความที่เขาเป็นนักกีฬาอยู่แล้ว เลยวิ่งเร็วกว่าเรา ซึ่งก้อยก็บอกเขาว่าไปเลย ไม่เป็นไร ไม่ต้องรอ แต่ความรู้สึกจริงๆ คือ ฉันมาทำอะไรอยู่ตรงนี้ ตอน 7 โมงเช้า บนสะพานพระราม 8 แดดร้อนมาก ใจจริงคืออยากกลับตัวตลอดเวลา รู้สึกไม่อยากวิ่งแล้ว แต่ด้วยความที่เป็นคนที่เริ่มทำอะไรแล้ว จะไม่หยุดกลางคัน คือไม่ยอมแพ้กับอะไรง่ายๆ ก้อยก็เลยฮึบขึ้นมา พยายามวิ่งจนจบ 10 กิโล ใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมง ซึ่งนานมาก พอเข้าเส้นชัยได้ ความรู้สึกเหมือนได้เอาชนะใจตัวเองสำเร็จ เพราะเราต่อสู้กับตัวเองอยู่ข้างในตลอด พอทำได้ก็เลยเกิดความภูมิใจเล็กๆ ว่าฉันวิ่ง 10 กิโลได้นะ ฉันสามารถเอาชนะมารร้ายในใจตัวเองได้ 

สำหรับพี่ตูน การวิ่งครั้งนั้นทำให้เขาลุกขึ้นมาวิ่งอย่างจริงจัง ไปมาราธอน ไปไตรกีฬา ส่วนเราก็ไปเหมือนกัน แต่ไปรอที่เส้นชัย (หัวเราะ) เพราะเรารู้ตัวว่าไม่สามารถวิ่งได้ขนาดนั้น สิ่งที่ทำได้ก็คือไปรอเขาที่เส้นชัย เวลาที่ได้เห็นคนรักเข้าเส้นชัย ก็เหมือนเราได้รับชัยชนะนั้นไปด้วย ก้อยมีความสุขกับสิ่งที่ได้ทำในตอนนั้น แต่ก็ไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งเราจะได้ไปวิ่งอยู่กับเขาในสนาม

ก้าวแห่งแรงบันดาลใจ

มาถึงตอนนี้ก้อยก็มีมิชชั่นเดียวกับพี่ตูนแล้ว ซึ่งเริ่มมาจากโครงการก้าว ทีแรกแค่รู้สึกว่าอยากจะไปวิ่งข้างๆ คนที่เรารักให้ได้ โดยที่ไม่เป็นภาระให้เขา อยากคอยช่วยซัพพอร์ต คอยให้กำลังใจ ก้อยจึงคิดได้ว่าก่อนจะไปดูแลคนอื่นได้ เราก็ต้องดูแลตัวเองก่อน จึงเป็นจุดที่ทำให้ก้อยคิดว่า ฉันต้องแข็งแรง ซึ่งจากคนที่ไม่วิ่งมาก่อน พลังตรงนั้นทำให้เราอยากจะเป็น ก้อยรัชวิน ในเวอร์ชั่นที่ดีขึ้น เรียกว่ามาจากความรักล้วนๆ เลยแหละ 

พอก้อยได้ไปวิ่งข้างพี่ตูนจริงๆ กลายเป็นว่าจากจุดเริ่มต้นเล็กๆ นั้น สามารถส่งพลังไปให้คนอื่นได้ด้วย เหมือนเราช่วยจุดประกายไฟให้ผู้หญิงหรือเด็กน้อยที่ไม่เคยวิ่งมาก่อน ลุกขึ้นมาวิ่งได้ ช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้คนที่คิดว่าการวิ่งมันยากเปลี่ยนใจได้ เพราะถ้าก้อยทำได้ เขาก็ทำได้ ก้อยจึงรู้ว่าความสุขจากการวิ่ง ไม่ใช่แค่เพื่อตัวเอง แต่เพื่อคนอื่นๆ ด้วย ซึ่งมันสามารถส่งต่อไปได้ไกลเกินกว่าที่คิดเอาไว้มากๆ

ความสมบูรณ์แบบในมุมมองของ ก้อย – รัชวิน วงศ์วิริยะ

ก้อยมักคิดเสมอว่าตัวเองยังห่างไกลจากคำว่าสมบูรณ์แบบ เรายังมีข้อเสีย เรายังต้องพัฒนาตัวเอง ซึ่งก้อยเชื่อว่าทุกคนก็รู้จุดบกพร่องของตัวเอง และพยายามแก้ไขอยู่เช่นกัน โดยก้อยจะมีแฮชแท็กหนึ่งที่ใช้ประจำคือ #ก้อยไม่เก่งแต่ก้อยไม่หยุด คำนี้สะท้อนความเป็นตัวก้อยเลยว่า เราไม่ได้เก่ง เราไม่ได้เพอร์เฟ็กต์ เพราะถ้าเราคิดว่าตัวเองเก่ง เราก็จะไม่พัฒนาตัวเอง และจะไม่เกิดก้าวต่อไป

คำว่า กล้า’  น่าจะเป็นคำที่อธิบายตัวก้อยได้ดีที่สุด เพราะก้อยเป็นคนที่เวลาเจออุปสรรคอะไร ก็จะกล้าเผชิญกับมัน และพยายามมองหาข้อดีจากอุปสรรคที่เจอ เพื่อเปลี่ยนเรื่องร้ายๆ ให้กลายเป็นมุมมองที่ดี โดยคิดว่าปัญหาที่เจอเป็นครู เป็นบทเรียนที่สอนเรา ช่วยพัฒนาเราให้ดีขึ้น โตขึ้น ดังนั้นความกล้าจึงเป็นจุดสำคัญที่ทำให้ก้อยตัดสินใจทำสิ่งต่างๆ กล้าวางเป้าหมาย และกล้าลงมือทำให้สำเร็จ

ไบรท์ – พิชญทัฬห์ จันทร์พุ
ผู้ประกาศข่าว

ความสำเร็จ

จุดเริ่มต้นของการเป็นผู้ประกาศข่าว

เริ่มจากตอนเรียนหนังสือที่เป็นพิธีกรของโรงเรียน ตอนเรียนมหาวิทยาลัยก็ได้รับหน้าที่นี้อีก เพราะทุกคนอาจจะเห็นว่าทำได้ก็เลยให้ทำ จากนั้นก็ได้เข้ามาทำงานเป็นผู้ประกาศข่าว ซึ่งจริงๆ แล้วก็ไม่ใช่อาชีพในฝันซะทีเดียว ไบรท์เคยอยากเป็นหมอ อาจารย์ และอาชีพอื่นๆ จนกระทั่งวันหนึ่งตอนนั่งกินข้าวดูทีวีอยู่ ก็เจอโครงการของไอทีวีที่เขาให้นักศึกษาได้เข้าไปอ่านข่าวในช่วงสั้นๆ คุณแม่เลยชวนให้ลองไปสมัคร ซึ่งเราก็คิดว่าตัวเองทำได้ แล้วปรากฏว่าก็ได้ไปทำ นั่นจึงกลายเป็นจุดเริ่มต้น 

จากนั้นก็ต่อยอดไปเป็นพิธีกรรายการทีวี ได้อ่านข่าวกีฬา ข่าวทั่วไป และได้อ่านข่าวหลายช่อง ระหว่างนั้นก็มีโทรศัพท์มาจากทีมงานของรายการเรื่องเล่าเช้านี้ ถามว่าเราสนใจร่วมงานกันไหม ตอนนั้นกำลังหอบของเข้าออฟฟิศ พอได้ยินว่าเป็นรายการเรื่องเล่าเช้านี้เท่านั้นแหละ ก็รีบวางของเลย แล้วตอบเขาไปว่าสนใจ ยินดีมากค่ะ จากนั้นเขาก็นัดให้ไปพบกับพี่ยุทธ (สรยุทธ สุทัศนะจินดา) และทีมงาน พอเทสต์ผ่านก็เลยได้เป็นผู้ประกาศข่าวในรายการเรื่องเล่าเช้านี้ ยังจำได้แม่นเลย วันที่ 3 มกราคม 2554  เป็นวันแรกของไบรท์กับการทำงานที่นี่ 

ความสุขในแบบฉบับของ ไบรท์ – พิชญทัฬห์ จันทร์พุ

การใช้ชีวิตให้มีความสุข ไบรท์คิดว่าควรเริ่มจากตัวเอง เพราะความสุขควรเกิดขึ้นจากใจเราก่อน เราต้องเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเราจะเพิกเฉยกับปัญหาสังคมที่เกิดขึ้น หรือเราจะไม่มีส่วนร่วมกับสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคมเลย แต่เราต้องตั้งก่อนว่าความสุขเกิดขึ้นจากตัวเรา อย่าเอาความสุขของตัวเองไปยึดกับคนอื่นหรือสิ่งอื่น เพราะมีอยู่ 2 อย่าง ที่ทำให้เกิดความทุกข์ได้ นั่นคือยึดและอยาก พอเราอยากนู่นอยากนี่ก็เอาตัวเองไปยึดกับคนอื่น ไบรท์เชื่อว่าตนเป็นที่พึ่งแห่งตนดีที่สุด

ไอเดียในการสร้างพลังบวก

ไบรท์จะพยายามคิดหรือทำอะไรที่เป็นบวกอยู่เสมอ เพราะความบวกจะถูกดึงเข้าหากันเอง ถ้าเราคิดลบ สิ่งลบๆ ก็จะกลับมาหาเรา หรือหากเรากำลังเจอเรื่องลบๆ ก็ต้องพยายามตัดมันออกไป โดยไบรท์จะใช้สตินำทาง เพื่อสร้างพลังที่แข็งแกร่งให้กับตัวเอง ซึ่งจากนั้นเราก็จะสามารถส่งต่อพลังบวกของเราไปยังคนรอบข้างได้อีกด้วย

แนวคิดสู่ความสำเร็จ

สำหรับไบรท์ ความสำเร็จมีหลายแง่มุม ทั้งความสำเร็จในอาชีพ ความสำเร็จในชีวิตส่วนตัว หรือความสำเร็จในมุมของครอบครัว ซึ่งการจะประสบความสำเร็จได้นั้น ก็มีอยู่ไม่กี่อย่างที่ประกอบกัน อันดับแรกก็ต้องถามตัวเองก่อนว่าชอบสิ่งนั้นไหม ถ้าชอบก็ลุยเลย เพราะถ้าเราทำอะไรด้วยความชอบแล้วล่ะก็ ต่อให้เจออุปสรรค ต่อให้ท้อแท้ เราก็จะพยายามไปต่อจนได้ ซึ่งความตั้งใจ ความมุ่งมั่น และความทุ่มเท จะทำให้ผลลัพธ์ที่ออกมาทำให้เรารู้สึกภูมิใจในตัวเอง และในวันหนึ่งที่ได้มองย้อนกลับไป ก็จะรู้สึกว่าคุ้มมากที่ได้ทำ 

จ๋า – ยศสินี ณ นคร
ผู้จัดละคร

ความสำเร็จ

ความสำเร็จในานะผู้จัดละคร

จ๋าเป็นผู้จัดละครมา 15 ปีแล้ว ละครแต่ละเรื่องของจ๋าตอบโจทย์ความสำเร็จต่างกัน อย่างเรื่องที่กระแสดี เรตติ้งสูง คนพูดถึงเยอะ คือจำเลยรัก ซึ่งเป็นละครเรื่องที่ 4 คือถ้าพูดถึงจำเลยรัก ทุกคนก็จะรู้จัก และจ๋ามองว่าการที่ละครไทยจะสามารถขึ้นไปแตะเพดานเรตติ้ง 21 นั้นยากมาก แต่สำหรับละครบางเรื่องที่กระแสและเรตติ้งไม่ได้สูงเหมือนจำเลยรัก จ๋าก็มองว่าเป็นความสำเร็จอีกมุมหนึ่งของเราเหมือนกัน เพราะ ณ วันนี้ที่ยังไม่สำเร็จเท่าไหร่ มันอาจจะพาเราไปถึงความสำเร็จในรูปแบบอื่นก็ได้ 

ความจริงแล้วการทำละครก็วัดความสำเร็จได้ค่อนข้างยาก เพราะเป็นการทำงานที่ต้องเริ่มต้นใหม่ทุกครั้ง อย่างถ้าเรื่องนี้จบไปแล้วเรตติ้งดี ก็ไม่สามารถถ่ายโอนเรตติ้งจากเรื่องนี้ไปให้กับเรื่องอื่นได้ ยิ่งหากเราทำเรื่องนี้ไว้เรตติ้งสูงเท่าไหร่ เรื่องต่อไปก็จะเหนื่อยกว่าเดิม เพราะคนดูก็จะยิ่งคาดหวังสูงขึ้น อย่างตอนจำเลยรักจบ จ๋ารู้เลยว่าเรื่องต่อไปต้องเหนื่อยแน่นอน ซึ่งสิ่งนี้ช่วยสอนให้จ๋ารู้ว่าการเป็นผู้จัดละครไม่สามารถยึดติดกับความสำเร็จอะไรได้เลย คือถ้าเรื่องไหนจบแล้วดี ก็จงอิ่มเอมกับความสำเร็จนั้นให้เต็มที่ จากนั้นก็ต้องทลายมันออกไป แล้วเริ่มกันใหม่ตั้งแต่ต้น 

สไตล์การทำงานของผู้จัดละครไฟแรง

ทำงานกับจ๋าต้องอดทน และต้องรู้หน้าที่ของตัวเอง อย่างบางคนจะมีปัญหาที่ว่า ลูกน้องโพสต์สเตตัสหยาบคาย สำหรับจ๋าไม่ได้สนใจปัญหาแบบนี้เลย กลับชอบด้วยซ้ำ (หัวเราะ) เพราะจ๋ามองว่าคุณสามารถเป็นตัวของตัวเองได้เลย แต่จงรู้หน้าที่เมื่อถึงเวลาทำงาน 

คนที่จะทำงานกับจ๋าได้อีกอย่างคือโลกคุณต้องกว้าง เพราะงานนี้เป็นการเล่าเรื่องต่างๆ ในมุมมองของเราให้คนดู เพราะฉะนั้นถ้าลูกน้องของจ๋าคนไหนจะลาไปเที่ยวเมืองนอก จ๋าให้ตังค์เลย เพราะจ๋ารู้สึกว่าการที่เขาเก็บเงินไปเที่ยวได้คือดีนะ ซึ่งสิ่งที่เขาจะได้กลับมาก็เป็นประโยชน์ทั้งกับตัวเขาเอง และกับงานด้วย จ๋าชอบคนที่ไม่หยุดอยู่กับที่ แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องทำงานให้ดี ทำในสิ่งที่ควรจะทำ รู้จังหวะ มีมารยาท ซึ่งจ๋ามองว่าส่วนนี้สำคัญมาก อย่างเรื่องความรู้หรือความชำนาญ จ๋าว่าสอนกันได้

ความสมบูรณ์แบบในมุมมองของ จ๋า – ยศสินี ณ นคร

จ๋ามองว่าตัวเองไม่ได้เพอร์เฟ็กต์เลยแม้แต่นิดเดียว ยังห่างไกลจากคำนั้นมาก แต่จ๋ามีความสุขมากกว่า ซึ่งก็โอเคกับตัวเองมากนะ เพราะจุดด้อยทำให้จ๋าเป็นตัวเองจริงๆ ลองคิดดูว่าถ้าทุกคนเพอร์เฟ็กต์เหมือนกันหมดร้อยเปอร์เซ็นต์ ก็จะไม่มีใครโดดเด่น แต่จ๋าเลือกที่จะมีจุดด้อยเพื่อเป็นตัวของตัวเอง ในขณะเดียวกันจ๋าก็จะรู้ตัวเองเสมอว่ากำลังทำอะไรอยู่ และรู้ว่าเรามีศักยภาพแค่ไหน 

ถ้าให้เลือกจากคำว่า สวย เก่ง กล้า มั่นใจ จ๋าขอเลือกคำว่า กล้า เพราะจ๋ามองว่าเราต้องกล้าที่จะลดตัวเองลงมาบ้าง ต้องกล้าที่จะไม่สวย ต้องกล้าที่จะลดทอนความมั่นใจ และกล้าที่จะไม่เก่งบ้าง เพื่อยอมรับโจทย์หรือลองสิ่งใหม่ๆ

จูน – สาวิตรี โรจนพฤกษ์
พิธีกร

ความสำเร็จ

เส้นทางสายพิธีกร

เส้นทางการเป็นพิธีกรของจูนเริ่มแบบเด็กสยาม คือไปเดินสยามแล้วมีแมวมองมาชวนเข้าโมเดลลิ่ง ซึ่งจริงๆ แล้วจูนมีโมเดลลิ่งติดต่อมาตั้งแต่ช่วงเรียนมัธยม แต่ที่บ้านไม่อยากให้ทำ เพราะเขารู้สึกว่าเราไม่ใช่คนเรียนเก่ง ถ้าไปทำอย่างอื่นเดี๋ยวจะเอ็นทรานซ์ไม่ติด จนกระทั่งเข้าเรียนมหาวิทยาลัยที่จุฬาฯ ช่วงปี 2 ปี 3 ด้วยความที่อยากทำ ก็เลยแอบแม่ไปแคสติ้งงานโฆษณา พอถ่ายโฆษณาอยู่ 2-3 เดือน ก็ไปประกวดหนุ่มสาวแพรว ซึ่งตกรอบค่ะ ได้แค่ 10 คนสุดท้าย ยังไม่ทันได้พูดสัมภาษณ์อะไรเลย แต่บังเอิญว่ามีรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยไปดู พอเขาเห็นว่าเราเป็นรุ่นน้อง ก็เลยเรียกไปทำพิธีกรรายการหนึ่งชื่อว่า IZENE ทั้งๆ ที่เขายังไม่รู้เลยว่าเราพูดจาเป็นยังไง ก็ถือว่าเป็นรายการแรกในชีวิตเลย ซึ่งจูนประทับใจกับการทำงานพิธีกรครั้งแรกมากๆ

ต้องขอเล่าให้ฟังด้วยว่า จูนเป็นคนที่เชื่อเรื่องความประทับใจแรกในการทำงาน อย่างตอนที่ถ่ายโฆษณาชิ้นแรกในชีวิต ก็ประทับใจในการทำงานของทีมงาน แต่พอไปทำงานชิ้นอื่นๆ ก็เจอที่ไม่โอเคอยู่บ้าง จูนเลยรู้สึกว่าถ้าเราเจออะไรที่ไม่ดีตั้งแต่ครั้งแรก เราคงไม่ประทับใจ และไม่อยากทำมันต่อ แต่จูนโชคดีที่การทำงานครั้งแรกออกมาดีเสมอ

ตัวตนของ จูน – สาวิตรี โรจนพฤกษ์

จูนคิดว่าเราควรเป็นตัวเองในเวอร์ชั่นที่ดีที่สุด ดีทั้งในแง่ของจิตใจ และในแง่ที่ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน คืออะไรที่เราทำตามใจ ถ้ามันกระทบคนอื่นก็อย่าทำ เพราะสุดท้ายแล้วผลลัพธ์จะย้อนกลับมาหาเราอยู่ดี ขณะเดียวกันถ้าเราทำตามใจคนอื่นเสมอ โดยไม่ดูใจตัวเอง เราก็คงไม่โอเคเหมือนกัน เพราะฉะนั้นยึดหลักทางสายกลางคือดีที่สุด 

จูนมักถูกถามถึงข้อดีของตัวเองมาตลอดตั้งแต่เริ่มทำงาน อึกอักมาก ไม่รู้จะตอบว่าอะไรดี บางคนก็บอกว่าก็ตอบไปสิ เป็นคนร่าเริง พูดเก่ง อะไรทำนองนี้ แต่จูนรู้สึกว่าเราไม่สามารถตอบแบบนี้ได้ เพราะจูนเชื่อว่าคนเรามีความโน้มเอียงที่จะมองตัวเองในแง่ดีเสมอ ดังนั้นจูนจึงไม่สามารถบอกได้ว่าตัวเองเป็นคนยังไง ต้องให้คนรอบข้างบอก ทุกครั้งจูนเลยจะตอบว่า จูนตอบไม่ได้ บอกได้แค่ลักษณะภายนอกที่เห็นกัน เช่น  เป็นคนพูดเยอะ เป็นคนอารมณ์ร้อน 

พลังบวกในการทำงาน

ความชอบและความสุขเท่านั้นเลย เพราะถ้าเราทำอะไรที่ชอบและมีความสุข ก็จะไม่ต้องพยายามจนกลายเป็นความฝืนใจ และเราก็จะไม่มีความรู้สึกว่าวันรุ่งขึ้นไม่อยากไปทำงาน อย่างจูนทุกๆ เช้าที่ตื่นขึ้นมา ก็จะคิดเสมอว่าเราจะได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เพราะถ้าจูนไม่ได้ทำงานพิธีกร ก็คงไม่มีความรู้ในเรื่องต่างๆ เยอะขนาดนี้ โดยเฉพาะเรื่องที่ไกลตัวเรามากๆ จูนรู้สึกว่าตัวเองเป็นเหมือนฟันเฟืองสุดท้าย ซึ่งทำหน้าที่ถ่ายทอดความรู้ต่างๆ ออกไป จูนก็เลยมีความสุขกับการทำงาน

นิยามความสำเร็จ

  ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่นถ้าถามว่าจูนมีมุมมองยังไงเกี่ยวกับคำพูดนี้บ้าง จูนคิดว่าแต่ละคนเติบโตมาด้วยบริบทที่แตกต่างกัน ทั้งนิสัยและพื้นฐานชีวิต เด็กทุกคนไม่ใช่ผ้าขาว เราเกิดมาพร้อมกับลักษณะนิสัยบางอย่างที่เป็นตัวเราอยู่แล้ว พ่อแม่ การศึกษาก็อาจจะมีส่วนสำคัญ แต่เราก็มีนิสัยเฉพาะของตัวเอง ดังนั้นคำพูดนี้อาจจะเหมาะสำหรับบางคน แต่ไม่เหมาะกับจูน เพราะจูนเป็นคนที่ไม่ชอบความรู้สึกล้มเหลว ถ้าจูนทำอะไรแล้วไม่ได้ดีก็จะเสียใจ พอเสียใจก็จะไม่สามารถควบคุมความรู้สึกตัวเองได้ แล้วก็จะทำสิ่งนั้นได้ไม่ดี ไม่มีความสุขในการทำ เหมือนจูนรู้ตัวว่าสิ่งนี้ไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองทำได้ และก็จะไม่ทำ จูนเชื่อในสิ่งที่เราสามารถทำได้ดี โดยที่ไม่ต้องพยายามจนเหนื่อยเกินไป แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะต้องละทิ้งความพยายามทั้งหมด ความพยายามเป็นสิ่งที่ดีและควรมี แต่ก็ต้องเลือกใช้อย่างเหมาะสม 

ตาม – ชุดารี เทพาคำ
Top Chef Thailand Season 1

ความสำเร็จ

จุดเริ่มต้นการทำอาหาร 

ตามรู้สึกว่าตัวเองโตมากับอาหาร เพราะครอบครัวของตามถือเป็นครอบครัวที่ช่างกิน แต่ช่างกินมากกว่าช่างทำนะคะ คือชอบออกไปหาอะไรอร่อยๆ กินกันนอกบ้าน และชอบคอมเม้นต์รสชาติกัน ดังนั้นตอนแรกตามก็ไม่ได้รักการทำอาหารหรอก รักการกินมากกว่า แต่ที่บ้านจะมีคุณยายที่ทำอาหาร ซึ่งเวลาที่ตามได้ไปกินข้าวที่บ้านคุณยาย ก็จะแฮ็ปปี้มาก เพราะอร่อยมาก

ตามเริ่มทำอาหารตอนอายุประมาณ 14-15 ปี เป็นความบังเอิญค่ะ เพราะช่วงนั้นอินกับเรื่องสุขภาพ ชอบอ่านหนังสือเกี่ยวกับโภชนาการ การกีฬา ว่าต้องกินอะไรถึงจะดีต่อสุขภาพ ก็เลยเริ่มซื้อของมาทำอาหารเอง เพราะอยากทานอาหารเพื่อสุขภาพ 

จากนั้นตามไปเรียนด้านโภชนาการที่อังกฤษ พอเรียนจริงจัง จึงเริ่มคิดว่าเราต้องทำอาหารมากขึ้น และอยากไปฝึกงานในครัว พอเรียนจบก็เลยกลับมาเมืองไทย เพื่อฝึกงานในครัว พอได้เข้าครัวเท่านั้นแหละ ก็รู้เลยว่านี่คือสิ่งที่ชอบ สิ่งที่อยากทำ แล้วจึงไปเรียนคอร์สทำอาหารแบบสั้นๆ ที่นิวยอร์ก 

เส้นทางสู่ Top Chef Thailand Season 1

ตามตัดสินใจเข้าแข่งขันในรายการ Top Chef Thailand เพราะมีรุ่นพี่คนหนึ่งมาชวน ซึ่งสมัยเรียนตามก็ชอบดูรายการนี้ของอเมริกาอยู่แล้ว บวกกับพอดีว่าช่วงนั้นรู้สึกเคว้งๆ เพราะทำอาหารมาสักพักหนึ่งแล้ว อยากลองประสบการณ์ใหม่ๆ บ้าง ก็เลยลองสมัครไป ซึ่งตอนนั้นตามไม่ได้คาดหวังอะไรเลย แค่อยากได้ประสบการณ์ชีวิต แอบคิดว่าขออย่าตกรอบแรกก็พอ ดังนั้นพอชนะก็เลยช็อคค่ะ (หัวเราะ) เพราะไม่ได้คาดหวังเลยจริงๆ 

Powerful Women ในแบบฉบับของ ตาม – ชุดารี เทพาคำ   

ตามคิดว่าต้องเป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่ง มีเป้าหมาย และมีจุดยืนของตัวเอง ซึ่งก็เหมือนกับคอนเซ็ปต์ในชีวิตของตาม เพราะตามเป็นคนที่หัวแข็งอยู่นิดหนึ่ง ตามมีทัศนคติของตัวเองที่จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาหรือประสบการณ์ต่างๆ แต่ตามจะรู้เสมอว่าตัวเองยืนอยู่จุดไหน และตามไม่เคยกลัวที่จะแสดงออกหรือแสดงความคิดเห็นในแบบของตัวเอง 

แจมมี่ – ปรัตถจริยา ชลายนเดชะ
กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจ.วอลเตอร์ ธอมสัน ประเทศไทย

ความสำเร็จ

หญิงแกร่งแห่งวงการโฆษณา

แจมมี่ทำงานในวงการโฆษณามา 25 ปีแล้ว กำลังเข้าสู่ปีที่ 26 โดยทำงานสายนี้มาตั้งแต่แรกโดยที่ไม่ได้เปลี่ยนเลย อีกทั้งยังอยู่ในองค์กรเดียวมาตลอดด้วย หลายคนสงสัยว่าการเป็นผู้หญิงส่งผลต่อการทำงานด้านนี้ไหม สำหรับแจมมี่และองค์กรนี้ การเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายไม่ได้มีผลในแง่ของความยาก หรือหากผู้หญิงได้ขึ้นไปในตำแหน่งที่สูงกว่าแล้วจะไม่ได้รับการยอมรับ สำหรับองค์กรนี้ไม่มีเลย แต่การเป็นผู้หญิงกลับดีตรงที่เราจะมีวิธีการคิดที่ละเอียดอ่อนกว่า มีวิธีไปถึงเป้าหมายในแบบของผู้หญิง ซึ่งช่วยให้การทำงานในวงการนี้ราบรื่นขึ้น  

ความหินของเส้นทางสายโฆษณา

ความยากของการทำงานในวงการนี้ คงต้องยกให้กับการพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ เพื่อพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงต่างๆ เพราะปัจจุบันโลกเปลี่ยนไปเยอะมาก อย่างการเข้ามาของดิจิตอลเมื่อหลายปีที่แล้ว มันไม่ใช่แค่การเข้ามา แต่มันทำให้พฤติกรรมของคนเปลี่ยน โลกเปลี่ยน จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะมั่นใจในประสบการณ์ที่ยาวนานของตัวเอง แจมมี่คิดเสมอว่าเราจำเป็นต้องพร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา ต้องทำตัวเหมือนน้ำไม่เต็มแก้ว โดยด้านหนึ่งเราสามารถมั่นใจในความแข็งแรงด้วยประสบการณ์ของตัวเองได้ แต่อีกด้านหนึ่งเราก็ต้องทำตัวให้เหมือนเด็ก ป.1 ที่เพิ่งเริ่มเข้าเรียน เพื่อพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงและสิ่งใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นตลอดในวงการนี้

Powerful Women ในแบบฉบับของ แจมมี่ – ปรัตถจริยา ชลายนเดชะ

Powerful Women สำหรับแจมมี่ หมายถึงคนที่ทำสิ่งดีๆ โดยไม่จำเป็นต้องคำนึงว่าเป็นเพศไหน หมายถึงคนที่เชื่อมั่นในตัวเอง แล้วทำตามความเชื่อมั่นนั้นอย่างดีที่สุด และขณะเดียวกันก็ช่วยเหลือสังคมด้วย แจมมี่รู้สึกชื่นชมคนแบบนี้นะ รู้สึกว่าเขาสู้มาก เพราะเขาสามารถทำเพื่อตัวเองสำเร็จด้วย และสามารถคืนสิ่งดีๆ สู่สังคมได้ด้วย   

ใบเตย – ภัทราภา พันาภรณ์
ที่ปรึกษากฎหมาย บริษัท วีระวงค์, ชินวัน์ และพาร์ทเนอร์ส จำกัด

ความสำเร็จ

ผู้หญิงบนเส้นทางนักฎหมาย

ด้วยความที่ถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็ก เพราะคุณพ่อเป็นนักกฎหมาย ส่วนพี่ชายก็เป็นผู้พิพากษา เตยจึงสนใจด้านนี้เป็นพิเศษ เพราะรู้สึกว่าน่าสนุกและท้าทาย จำได้ว่าตอน ป.1 ก็เริ่มเขียนใส่กระดาษแล้วว่าอยากเป็นผู้พิพากษา ทั้งที่ยังไม่รู้หรอกว่าคืออะไร แต่คุณพ่อก็จะคอยอธิบายให้เราเข้าใจว่าผู้พิพากษาคือใคร ทำหน้าที่อะไร พอเข้าเรียนมหาวิทยาลัยจึงตั้งใจจริงจัง เลือกเรียนด้านกฎหมาย ถึงตอนนี้ก็ทำงานด้านกฎหมายได้ 6 ปีแล้ว

คนส่วนใหญ่มักคิดว่า งานด้านกฎหมายเป็นงานที่ท้าทาย ต้องมีความแข็งแกร่ง จึงเข้าใจกันว่าผู้ชายจะทำได้ดีกว่า แต่จริงๆ แล้วผู้หญิงก็ทำได้ดีเช่นกัน เตยคิดว่าขึ้นอยู่กับความตั้งใจมากกว่า ถ้าเรามุ่งมั่นตั้งใจ ไม่ว่าจะทำอะไรก็แล้วแต่ ก็จะสามารถทำออกมาได้ดีมากแน่นอน ซึ่งปัจจุบันผู้หญิงหันมาสนใจงานด้านนี้กันเยอะขึ้น และสามารถทำได้ดีทีเดียว

แนวคิดสู่ความสำเร็จ

สำหรับเตย การจะเป็นนักกฎหมายที่ประสบความสำเร็จได้ ต้องมีหลายๆ อย่างประกอบกัน ไม่ว่าจะเป็น ความมุ่งมั่นตั้งใจ ความรับผิดชอบ ความตรงต่อเวลา ซึ่งทั้งหมดนี้จำเป็นต้องมีตั้งแต่ตอนเรียนแล้ว เพราะต้องอ่านหนังสือเยอะมาก พอทำงาน สิ่งที่สำคัญอีกอย่างคือไหวพริบ เราต้องสามารถประยุกต์ใช้กฎหมายกับชีวิตประจำวันได้ เพราะจริงๆ แล้วกฎหมายเปลี่ยนแปลงอยู่ทุกวัน ดังนั้นเราจึงต้องตามให้ทัน และปรับใช้ให้เป็น เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อตัวเอง และสามารถช่วยเหลือผู้อื่นได้ต่อไป

Powerful Women ในแบบฉบับของ ใบเตย – ภัทราภา พันาภรณ์

เตยคิดว่าหมายถึงผู้หญิงเก่งที่มีความฝัน และไม่หยุดฝัน เช่น คนที่อยากทำอะไรสักอย่างหนึ่งให้ประสบความสำเร็จ จึงทุ่มเทและพยายามกับมันให้ถึงที่สุด จนสามารถทำออกมาได้ดี และความสำเร็จนั้นสามารถเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้หญิงคนอื่นๆ ได้ อย่างเตยเองก็รู้สึกภูมิใจเล็กๆ ที่ความสำเร็จของเราสามารถเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับรุ่นน้องในสายงานด้านนี้ได้ 

เล็ก – กรกนก ยงสกุล
CEO บริษัท อาร์ บี แอล เทรนนิ่ง จำกัด

ความสำเร็จ

จุดเริ่มต้นของ RBL Training Academy

สำหรับบริษัท อาร์ บี แอล เทรนนิ่ง จำกัด เราทำเกี่ยวกับการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรให้กับองค์กรหรือบริษัทต่างๆ ทั่วประเทศไทย ตอนนี้เล็กสวมหมวกอยู่ 3 ใบ หนึ่งคือเป็น CEO ของบริษัท ทั้งก่อตั้งและบริหารงาน สองคือเป็นผู้ให้คำปรึกษากับผู้บริหารขององค์กรต่างๆ และสามคือเป็น Exclusive Coach ในบางหลักสูตรที่เล็กลงมือสอนเอง 

ธุรกิจนี้เกิดจากการที่เล็กเห็นว่าคนบ้านเรายังขาดศักยภาพอยู่อีกเยอะ เลยกลายเป็นเป้าหมายว่าจะทำอย่างไรให้เกิดการพัฒนา จึงเกิดเป็นแรงบันดาลใจที่อยากจะพัฒนาศักยภาพของคน อยากช่วยเพิ่มศักยภาพให้กับเขา เพื่อทำให้เกิดการพัฒนาขึ้น ซึ่งเล็กมองว่าธุรกิจนี้เป็นการช่วยเหลือสังคมด้วย เพราะเมื่อเราพัฒนาคนได้ เขาก็สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีคุณค่ามากขึ้น ก็เท่ากับช่วยยกระดับประเทศได้ด้วย   

บ่อยครั้งที่เล็กได้รับพลังแห่งความสุขและความประทับใจจากการทำงานตรงนี้ เพราะผลของสิ่งที่เราทำไปมันสะท้อนกลับมา บางคนกลับมาบอกเราว่าสิ่งที่เขาได้รับไปจากเรา เขานำกลับไปทำนะ แล้วผลลัพธ์มันดีขึ้นจริงๆ อย่างบางคนก็บอกว่าช่วยให้ยอดขายของเขาดีขึ้น หรืออย่างบางคนที่ไม่ได้มองเรื่องเงินเป็นหลัก ก็บอกว่าเขารู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่ามากขึ้น ซึ่งนั่นทำให้เขามีความสุขกับตัวเองมากขึ้นตามไปด้วย 

แนวคิดสู่ความสำเร็จ

เล็กนับถือคติของคุณพ่ออยู่เสมอ เพราะคุณพ่อเป็นนักธุรกิจมาประมาณ 30 ปีแล้ว โดยคุณพ่อจะสอนลูกๆ เสมอว่า a winner never quits, a quitter never wins ซึ่งหมายความว่า คนที่ประสบความสำเร็จ หรือคนที่เป็นผู้กำชัยชนะใดๆ ก็ตาม เขาจะไม่มีวันยอมแพ้ เพราะคนที่ยอมแพ้ง่ายๆ จะไม่มีทางทำอะไรแล้วประสบความสำเร็จ เล็กจึงถือคตินี้มาตลอด สมมติว่าครั้งนี้เรายังทำไม่ได้ แสดงว่าเรายังเก่งไม่มากพอ ความรู้เรายังไม่มากพอ เราก็ต้องหาความรู้เพิ่ม ต้องพัฒนาศักยภาพตัวเอง ในที่สุดเดี๋ยวเราก็จะทำได้ เล็กเชื่อว่าเราสามารถพัฒนาตัวเองได้อยู่เสมอ และเราสามารถออกแบบชีวิตของตัวเองได้ 

Powerful Women ในแบบฉบับของ เล็ก – กรกนก ยงสกุล

ในมุมของเล็กเชื่อว่า ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงชาติไหน มีวัฒนธรรมแบบไหน หรืออายุเท่าไหร่ ก็สามารถเป็น Powerful Women ได้ ขอเพียงแค่ต้องเป็นผู้หญิงที่รู้จักตัวเอง รู้ว่าต้องการอะไร คิดอะไร หรือทำอะไรอยู่ และสามารถวิเคราะห์ตัวเองได้ สรุปง่ายๆ ก็คือต้องเป็นผู้หญิงที่รู้ตัวเองอยู่เสมอ สามารถบริหารทักษะความฉลาดของตัวเองได้ และสามารถปรับตัวได้กับทุกสถานการณ์ รับมือกับทุกอย่างได้ ไม่ว่าจะเป็นบทบาทใดก็แล้วแต่ คุณแม่ ลูกสาว หัวหน้า ลูกน้อง เพื่อนสนิท เจ้าของธุรกิจ คือต้องเป็นคนที่ครบเครื่องรอบด้านแบบ 360 องศานั่นเอง

Praew Recommend

keyboard_arrow_up