11. 4 ปีหลังจากเปิดบริษัทเล็กๆ ของเขาเอง ไม่นาน หลุยส์ วิตตอง ก็นำเสนอหีบเดินทางแบบใหม่! ออกสู่ตลาด ด้วยการเปลี่ยนทรงหีบให้เป็น ‘ทรงเหลี่ยม’ ซึ่งแต่เดิมนั้นนิยมใช้กันแต่แบบทรงโดม ซึ่งไม่สะดวกในการขนย้าย
12. วิตตองนำเสนอจากวัสดุหนัง เป็นแคนวาส! ที่ให้ผลลัพท์เหนือกว่า ทั้งเบากว่า และทนน้ำทนฝนอีกด้วย เขาถูกขนานนามจากกลุ่มลูกค้าเก๋ๆ ยุคนั้นว่า ‘เป็นช่างทำหีบที่โมเดิร์นที่สุดแห่งยุค’
13. ซึ่งหีบเดินทางแคนวาสรุ่นแรกของวิตตองนี้ มาบนสีเทา ที่เรียกว่า ‘Trianon Gray
14. แต่เรื่องมันไม่ง่ายขนาดนั้น โรงงานของหลุยส์เสียหายและถูกทำลายไปกับภัยสงคราม Franco-Prussian War (1870-71)
15. ต้องร้องเพลง ‘หนักกว่านี้ ฉันก็ไหว’ ขอคุณแม่ติ๊นาเข้าช่วย ความไม่ยอมแพ้ของหลุยส์วิตตอง ทำให้เขาเปิด โรงงานใหม่ที่ใจกลางปารีสได้สำเร็จในเวลาไม่นาน
16. Louis Vuitton กลับมาเป็นผู้นำและผู้เชี่ยวชาญด้านหีบเดินทาง เขาส่งหีบแบบที่ 2 ออกมาในปี 1872 ในลายทางของ แดง-และเบจ ซึ่งถูกก๊อปปี้เร็วมาก!!!!!
17. ไม่ช้า LV ก็เปลี่ยนใหม่เป็นลายทางสี เบจ-นำ้ตาล ซึ่งกลายเป็นสีประจำแบรนด์มานับจากนั้น
18. หีบรุ่นที่ 3 ของวิตตอง มาบนลายหมากรุกสีน้ำตาลช๊อกโกแลตและเบจ ที่เรารู้จักกันชื่อของ Damier ซึ่งถูกออกแบบโดย Georgos Vutton ลูกชายวัย 31 ปีของป๋าหลุยส์เขาละ
19. และในช่วงนั้นเอง ชื่อของ Louis Vuitton ก็ก้าวขึ้นมาสู่ฐานะ luxury แบรนด์ ที่เป็นที่ต้องการของคนทั่วโลกไม่ใช่เพียงยุโรปเท่านั้น
20. ปรบมือรัวๆ ให้กับ Georges Vuitton คนนี้อีกครั้ง เพราะด้วยทักษะทางการตลาดอันล้ำเลิศ บวกกับจิตนาการณ์บรรเจิด LOUIS VUITTON MONOGRAM จึงเกิดขึ้นมาให้เราใช้ชิคๆ ในปี 1896