THE POSSIBLE MAN ความลับที่ซ่อนอยู่ในปาฏิหาริย์ของ วิชัย ศรีวัฒนประภา

‘ปาฏิหาริย์’ อยู่ไกลจาก ‘ความจริง’ แค่ไหน คงไม่มีใครรู้คำตอบ หากไม่ได้ลงมือทำ ดังเช่นเรื่องราวของ คุณวิชัย ศรีวัฒนประภา ชายผู้เปลี่ยนคำว่า “เป็นไปไม่ได้ ให้เป็นไปได้” ตั้งแต่การวางเสาเอกของกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ในปี 2532 และใช้เวลาไม่นานในการเติบโตเป็นบริษัทระดับโลก จนถึงการสร้างปาฏิหาริย์นำสโมสร เลสเตอร์ ซิตี้ คว้าแชมป์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก รวมถึงอีกหลายโครงการที่หลายคนอาจไม่รู้ว่า คุณวิชัยได้ซ่อนความตั้งใจ “ทำเพื่อประเทศไทย” ไว้ในทุกๆ การเดินทางของชีวิต

หากใครเป็นแฟนฟุตบอลบอลจะรู้ว่า การคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะถ้าไม่ใช่ทีมชั้นนำที่อุดมด้วยนักเตะซูเปอร์สตาร์ระดับโลก แน่นอนว่า มาถึงวันนี้หลายคนคงได้รับรู้เรื่องราวที่ เลสเตอร์ ซิตี้ สโมสรฟุตบอลขนาดเล็กจากย่านอีสต์มิดแลนด์ ก้าวขึ้นมาเป็นแชมป์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกสมัยแรกของสโมสรในฤดูกาล 2015-2016 แต่อาจยังไม่รู้ว่า ก้าวแรกในทุ่งหญ้าแห่งความฝันของคุณวิชัยไม่ใช่เรื่องกำไรจากการทำธุรกิจฟุตบอล เพราะความลับที่ซ่อนอยู่ในจุดเริ่มต้นของปาฏิหาริย์คือเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่า นั่นคือความตั้งใจให้โลกได้รู้จักประเทศไทยมากขึ้น และสานฝันให้นักฟุตบอลไทยได้มาเล่นในทวีปยุโรป ดังที่คุณวิชัยให้สัมภาษณ์กับ “แพรว” เมื่อหลายปีก่อน…

“เจ้าของทีมเรดดิ้งเคยบอกผมว่า อย่ามาทำฟุตบอลเลย เมคมันนี่ยาก มีแต่เสียเงิน ผมตอบเขาไปว่า ไม่มีความตั้งใจจะทำฟุตบอลเป็นธุรกิจอยู่แล้ว แต่ทำเพราะอยากให้คนรู้จักประเทศของเรามากขึ้น คิดว่ากีฬาที่จะทำให้คนรู้จักเรามากที่สุดน่าจะเป็นฟุตบอล เพราะคนทั้งโลกชอบ และคนไทยก็ชอบ

“แต่การจะทำให้ทีมมีกำไรก็พอมีทางอยู่บ้าง นั่นคือต้องสร้างอะคาเดมีขึ้นมา จากนั้นปั้นเด็กให้เก่ง ๆ เพื่อขาย เด็ก 300 – 400 คน ถ้าปีหนึ่งขายได้ 5 – 6 คนก็คัฟเวอร์แล้ว แต่กว่าจะถึงวันนั้นคงต้องใช้เวลาเป็นสิบปี ถามว่าผมมีความตั้งใจแบบนั้นไหม ก็มีอยู่ แต่ไม่ได้กะให้เป็นรายได้ เพราะการสร้างอะคาเดมีของผมมีเป้าคือ อยากให้นักเตะเยาวชนไทยมีโอกาสมาเล่นในยุโรป ผมจะคัดเด็กไทยสัก 15 คนต่อปีส่งมาอยู่ในอะคาเดมีของเรา ปั้นทุกตำแหน่งเลย คนไหนมีความสามารถจริง เราก็จะให้เขาเล่น เพราะเราได้ศึกษาเรื่องกฎหมายทั้งหมดแล้วว่า ถ้าเขามาเป็นนักเรียนอะคาเดมีตั้งแต่เด็กและอยู่เกินสองปี เขาก็จะเหมือนมีเรซิเด้นท์วีซ่า มีโอกาสเล่นอาชีพในลีก ถึงตอนนั้นก็อยู่ที่ความสามารถของเด็กล้วน ๆ แล้ว”

นับจากวันแรกที่ความฝันของคุณวิชัยก่อร่างสร้างตัว การคว้าแชมป์สุดยิ่งใหญ่ของ เลสเตอร์ ซิตี้ ไม่เพียงเป็นการปักธงชาติไทยให้โลกได้เห็นสมความตั้งใจของคุณวิชัยเท่านั้น แต่ THE BOSS แห่งทีมจิ้งจอกสยามยังเดินหน้าโครงการ FOX HUNT มอบทุนการศึกษาและโอกาสให้นักเตะเยาวชนไทยได้ฝึกทักษะฟุตบอลที่สโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ประเทศอังกฤษ และสโมสร OH Leuven ประเทศเบลเยียม เพื่อต่อยอดความฝันของนักฟุตบอลไทยให้ขยับใกล้ความจริงมากขึ้น

นอกจากนี้ คุณวิชัยยังผลักดันอีกหลายโครงการที่มีเป้าหมายเดียวกัน นั่นคือการช่วยให้คนไทยมีโอกาสในชีวิตที่ดีขึ้น ผ่านโครงการ คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย ใน 4 ด้านหลัก ตั้งแต่ด้านกีฬาที่มุ่งเน้นปั้นนักกีฬาไทยสู้ลีกฟุตบอลยุโรป ด้านดนตรีเพื่อหนุนดนตรีไทยสู่โชว์ระดับนานาชาติ ด้านการศึกษาและสาธารณสุข เพื่อสร้างรากฐานให้เด็กไทยมีความรู้และสุขภาพดี และด้านชุมชนเพื่อบอกให้โลกรู้ว่า ประเทศไทยมีของดีอยู่มากมาย โดยโครงการทั้งหมดนี้ขับเคลื่อนโดย คุณอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ลูกชายคนเล็กของคุณวิชัยที่ก้าวขึ้นมาช่วยบริหารงาน และรับไม้ผลัดความฝันต่อจากคุณพ่อ

หนึ่งในโครงการที่ถือได้ว่า เป็นการอวดความสามารถของคนไทยอย่างเต็มภาคภูมิคือ โปรเจ็คท์ INDIGO (อินดิโก้) ซึ่ง คิง เพาเวอร์ ได้พัฒนาสินค้าร่วมกับชุมชนบ้านนาขาม จังหวัดสกลนคร ต้นกำเนิดสี ย้อมครามของประเทศไทย มาผลิตเป็นเสื้อผ้าและของที่ระลึกสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ โดยวางจำหน่ายที่ เดอะ ซิตี้ แฟนสโตร์ แอท คิง เพาเวอร์ สเตเดียม เมืองเลสเตอร์ ภูมิปัญญาของชุมชนบ้านนาขามที่ถูกถ่ายทอดมาจากรุ่นปู่รุ่นยาจึงได้บินข้ามฟ้ามาโชว์ตัวไกลถึงประเทศอังกฤษ

กลับมายังประเทศไทย ต้นกล้าแห่งความฝันก็กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่องผ่านโครงการ ล้านลูก ล้านพลัง สร้างฝันเด็กไทย ที่ คิง เพาเวอร์ มอบลูกฟุตบอลจำนวน 1 ล้านลูกให้กับเยาวชนไทย รวมทั้งสร้างสนามฟุตบอลหญ้าเทียมจำนวน 100 สนามทั่วประเทศภายในปี 2565

เพราะฉะนั้นหากถามว่า เราได้เรียนรู้อะไรจากชีวิตของ วิชัย ศรีวัฒนประภา เรื่องราวก็คงมากมายเกินกว่าบทความนี้จะเล่าได้หมด แต่สิ่งหนึ่งที่บอกได้ชัดเจนคือ คำถามที่เกริ่นไว้ตั้งแต่บรรทัดแรกว่า ‘ปาฏิหาริย์’ อยู่ไกลจาก ‘ความจริง’ แค่ไหน ชีวิตของคุณวิชัยได้เขียนคำตอบนั้นแล้วว่า ไม่มีปาฏิหาริย์ใดเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้ามีความตั้งใจจริง อดีตประธานผู้เป็นที่รักของ King Power และสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้ ไม่เพียงสร้างปาฏิหาริย์ให้กับชีวิตตัวเองเท่านั้น แต่ยังสร้างความภาคภูมิใจให้กับคนไทย รวมทั้งเป็นแรงบันดาลใจให้เราได้เห็นความงดงามของ “การให้” ที่ไม่มีวันจบสิ้น

ในวันนี้ แม้ว่าคนไทยและแฟนฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้ อาจไม่ได้เห็น THE BOSS โบกมือให้ทุกคนในสนาม คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม เหมือนเช่นวันวาน แต่จิตวิญญาณแห่งนักคิดและนักสู้ของเจ้านายผู้เป็นที่รักยังคงไหลเวียนอยู่ในตราสโมสรอย่างเต็มเปี่ยม รวมถึงดีเอ็นเอแห่งการให้ที่ถูกถ่ายทอดมายังคุณอัยยวัฒน์ สมาชิกในครอบครัว จนถึงคนไทยทุกคนที่ได้รับรู้เรื่องราวนี้ ความดีที่คุณวิชัยได้เริ่มต้นไว้จึงไม่จางหายไปไหน พร้อมยังได้รับการสานต่อ ดังเช่นคำขวัญประจำเมืองเลสเตอร์ที่บอกว่า

Always the Same เหมือนเดิมและไม่เปลี่ยนแปลง

เรื่อง : ปารัณ เจียมจิตต์ตรง
รูปภาพ : นิตยสารแพรว, สโมสรเลสเตอร์ ซิตี้

Praew Recommend

keyboard_arrow_up