การกลับมารอบนี้กับคอลเล็คชั่นใหม่ของซิติเซนไม่ธรรมดา เพราะนาฬิกา 4 รุ่นใหม่เกิดจากแรงบันดาลใจของคำว่า Better Starts Now ที่ตอกย้ำแนวคิด “ทุกอย่างเป็นไปได้เสมอที่จะทำให้บางสิ่งบางอย่างดีขึ้น และถึงเวลาแล้วที่จะเริ่มทำมัน” โดยจะทยอยเปิดตัวตั้งแต่กลางปีจนถึงปลายปีนี้ มาดูกันว่าหน้าตาของคอลเล็คชั่นนี้เป็นยังไง
CITIZEN Eco-Drive One ราคา 695 USD หรือประมาณ 24,047 บาท
นาฬิกาพลังงานแสงที่บางที่สุดในโลก มาพร้อมดีไซน์หรูหราคลาสสิก เรียบง่ายแบบโมโนโทน สายหนัง และวัสดุพิเศษที่ขับเน้นดีไซน์อันบางเฉียบ แต่ทนทานต่อรอยขูดขีด ขับเคลื่อนด้วยการกักเก็บพลังงานแสงได้นานเกือบ 12 เดือนนับจากการชาร์จเต็มครั้งแรก
CITIZEN ตระกูล PROMASTER ราคา 660 – 2,300 USD หรือประมาณ 22,836 – 79,580 บาท
นาฬิกาแนวสปอร์ตสำหรับนักกีฬามืออาชีพ 3 รุ่นล่าสุด ได้แก่ MARINE, LAND และ SKY ที่มาพร้อมดีไซน์สุดล้ำ มีความทนทาน ฟังก์ชันการทำงานตอบสนองผู้ที่ชื่นชอบกีฬาปีนเขา ดำน้ำ และการบินทั่วโลก ตอบรับทุกรายละเอียดเพื่อให้เหมาะกับกีฬาแต่ละประเภท
CITIZEN L ราคา 1,000 – 1,150 USD หรือประมาณ 34,600 – 39,790 บาท
นาฬิกาสุดหรู 2 รุ่น สำหรับสุภาพสตรี ได้แก่ รุ่น L AMBILUNA Limited Edition นาฬิกากำไลที่มาพร้อมความหรูหรา โดดเด่น URUSHI drop หยดคริสตัลแซปไฟร์โปร่งแสง ดุจงานศิลปะสมัยใหม่ของญี่ปุ่น และรุ่น L ล่าสุดที่มีลูกเล่นมากขึ้น แต่จะยังคงดีไซน์ที่หรูหรา พร้อมเพชรเม็ดใหญ่สะดุดตา
CITIZEN Bluetooth ราคา 695 USD หรือประมาณ 24,047 บาท
พร้อมจะวางตลาดในปีนี้แล้ว นาฬิกาที่มาพร้อมดีไซน์และนวัตกรรมการใช้งานที่แสนง่าย เพิ่มเติมความสะดวกสบายโดยการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน ผ่านแอพพลิเคชั่นทางการของซิติเซน เชื่อมต่อข้อมูลบนโทรศัพท์ของคุณเข้ากับนาฬิกา ทำให้เมื่อมีสายเรียกเข้า มีอีเมล จะมีการแจ้งเตือนด้วยเสียงหรือการสั่นได้อีกด้วย สามารถดูเวลาได้ถึง 316 เมืองทั่วโลกอีกด้วย
นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีพลังงานแสง Eco-Drive จึงไม่จำเป็นต้องใช้สายชาร์จ และเมื่อใดที่ชาร์จพลังงานเต็มที่แล้ว นาฬิกานี้จะสามารถใช้งานได้ยาวนานถึง 4 ปี (เมื่อใช้พลังงานในโหมดประหยัด)
แต่ละรุ่นคุณสมบัติกินกันไม่ลงเลยนะ ดีไซน์ก็แข่งกันโดดเด่น แล้วแบบนี้จะเลือกยังไง เหมาหมดเลยดีไหม ส่วนเรื่องราคา เราจะไม่เก็บมาคิดละกัน อิๆ