ผิวคล้ำแดด

ท้าแดดอย่างสตรอง!! แค่รู้ให้ลึกเพียง 7 ข้อ ก็ไม่ต้องกลัวผิวเสียคล้ำแดด แสบไหม้อีกเลย

Alternative Textaccount_circle
ผิวคล้ำแดด
ผิวคล้ำแดด
ซัมเมอร์มาแล้ววว สาวๆ หลายคนต่างก็เริ่มวางแผนที่จะทำกิจกรรมท้าลมร้อนกันอย่างสนุกสนาน ไม่ว่าจะเป็นการไปอาบแดดด้วยบิกินี่ตัวโปรด เล่นน้ำทะเล หรือออกไปถ่ายรูปสวยๆ กับดอกไม้สีสดในช่วงนี้ หากแต่อีกมุมหนึ่งหลายๆ คนก็คงจะอดกังวลไม่ได้ที่จะต้องเผชิญหน้ากับแสงแดดอันเจิดจ้า ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความหมองคล้ำและจุดด่างดำบนใบหน้า แพรวดอทคอม จึงรวบรวมคำถามที่สาวๆ อยากรู้กันมากที่สุดเกี่ยวกับผลกระทบจากแสงแดด และการดูแลตัวเองเป็นพิเศษในช่วงซัมเมอร์นี้ เพื่อให้สาวๆ ได้ดูแลผิวกันอย่างถูกวิธี มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง
Q1: แสงแดดและรังสียูวีทำร้ายเราได้มากแค่ไหน

มีการค้นพบว่า การโดนรังสียูวีอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานจะทำร้ายผิวและนำไปสู่ 10 ปัญหาผิวที่มองเห็นได้และซ่อนตัวอยู่ ซึ่งสิ่งที่ถูกทำร้ายที่ซ่อนอยู่ในผิวนั้นจะปรากฏให้เห็นในรูปแบบของหมอกที่ปกคลุมอยู่ใต้ผิวหนัง จะบดบังออร่าและความกระจ่างใสของผิว เมฆหมอกเหล่านี้สามารถปรากฏในรูปแบบของจุดด่างดำ ความหมองคล้ำ และปัญหาซ่อนเร้นที่ยังไม่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่าอีกด้วย นับว่าอันตรายมาก หากสาวๆ ออกไปสัมผัสกับแสงแดดตรงๆ โดยที่ไม่ได้ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหรือทาครีมกันแดดที่ดีไว้ก่อน

Q2: เพราะเหตุนี้เราจึงต้องหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับแสงแดดในทุกกรณีใช่หรือไม่

ก็ไม่ใช่ซะทีเดียวนะคะ เพราะถึงแม้แสงแดดจะทำร้ายผิวของเราที่ไม่ได้รับการบำรุงอยู่เรื่อยๆ แต่แสงแดดก็มีข้อดีอยู่เหมือนกัน เช่น เป็นแหล่งของวิตามินดี ซึ่งช่วยป้องกันไม่ให้เป็นโรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคเกี่ยวกับระบบการเผาผลาญของร่างกาย และยังกระตุ้นให้ระบบไหลเวียนโลหิตทำงานดียิ่งขึ้น และอีกมากมาย ดังนั้นเราจึงควรออกไปเจอแสงแดดบ้าง แต่ก็ต้องไม่ลืมที่จะทาครีมกันแดดด้วย

Q3: รังสียูวีที่ทุกคนชอบพูดถึงกัน แท้จริงแล้วมันคืออะไร และมันทำร้ายเราอย่างไรบ้าง

รังสียูวีหรือรังสีอัลตราไวโอเลตคือรังสีที่แผ่ออกมาจากแสงอาทิตย์ ซึ่งสามารถแบ่งรังสียูวีออกเป็น 3 ชนิด คือ

– รังสียูวีเอ (UVA) หากสัมผัสกับรังสีนี้ อาการที่เกิดขึ้นกับผิวหนังอาจจะเห็นได้ไม่ชัดเจนนัก แต่ถ้าได้รับรังสียูวีเอมากๆ เข้า ก็จะทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่น เกิดริ้วรอยก่อนวัย สีผิวคล้ำเข้ม ขาดความสดใส และหากได้รับรังสียูวีเอนานๆ ก็อาจเป็นสาเหตุของมะเร็งผิวหนังได้
– รังสียูวีบี (UVB) ทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้น เกิดอาการแสบร้อน แดง และไหม้เกรียมคล้ำแดดได้ ซึ่งนำไปสู่การเกิดฝ้า กระ ความแห้งกร้านของผิว และหากได้รับรังสีนี้เป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้เหมือนกับรังสียูวีเอเช่นกัน
– รังสียูวีซี (UVC) สามารถทำให้เกิดผื่นแดง และทำให้สีผิวเปลี่ยนเป็นสีแทนได้

Q4: แค่ใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงๆ ก็เพียงพอที่จะไปเผชิญหน้ากับแสงแดดแล้วใช่หรือไม่

ค่า SPF (Sun Protection Factor) สูงๆ นั้น ไม่ได้หมายความว่าจะป้องกันแสงแดดได้ดีไปกว่าค่า SPF ที่ต่ำกว่า ซึ่ง SPF นั้นบ่งบอกถึงความสามารถในการปกป้องผิวจากการถูกเผาไหม้จากรังสียูวีบีจากแสงแดดได้นานเท่าไหร่ เช่น SPF 15 หมายถึง ป้องกันผิวจากการไหม้ได้ 15 เท่า เช่น ปกติคุณออกไปสู่แสงแดดโดยไม่ได้ทาครีมกันแดดแล้วผิวไหม้ภายใน 10 นาที ถ้าหากทาครีมกันแดด SPF 15 แล้ว จะทำให้การที่ผิวจะถูกแสงแดดทำลายผิวให้ไหม้นั้น ต้องใช้เวลาเป็น 15 เท่าของ 10 นาที หรือประมาณ 150 นาที (2 ชั่วโมงครึ่ง) ผิวถึงจะถูกไหม้จากแสงแดด ดังนั้นค่า SPF จริงๆ ไม่ได้บ่งบอกถึงประสิทธิภาพการป้องกันแสงแดด แต่คือระยะเวลาที่ครีมสามารถป้องกันคุณจากการถูกเผาไหม้ของแสงแดดได้ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วค่า SPF สูงๆ อาจจะก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนังสำหรับคนที่มีผิวแพ้ง่าย และยังมีแนวโน้มที่จะก่อให้เกิดอาการแพ้หรือผื่นขึ้นอีกด้วย

Q5: ถ้าผิวหน้าดีอยู่แล้วก็ไม่จำเป็นจะต้องใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงอะไรให้เปลืองจริงหรือไม่

ไม่จริงเลยค่ะ ถึงแม้ว่าผิวหน้าของเราจะดูดีอยู่ในตอนนี้ แต่ก็ไม่ได้เป็นการการันตีว่าผิวจะดูดีแบบนี้ไปตลอดนะคะ หากเราไม่ดูแลและปล่อยให้ผิวเป็นไปตามอายุ วันข้างหน้าผิวก็อาจจะทั้งหย่อนคล้อยและปรากฎปัญหาที่ซ่อนอยู่ได้ และเมื่อถึงวันนั้น พอเราจะมาบำรุงแก้ไขก็อาจจะมีค่าใช้จ่ายให้ต้องเปลืองมากกว่าการที่เราเริ่มดูแลตัวเองตั้งแต่เนิ่นๆ อีก ดังนั้นการป้องกันด้วยการดูแลผิวด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพเหมาะกับผิวย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่าการมาแก้ไขทีหลัง

Q6: แล้วในเมื่อภายนอกผิวของเราดูดีอยู่แล้ว เราจะรู้ได้อย่างไรว่าควรจะใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเเบบไหน

เดี๋ยวนี้แวดวงบิวตี้มีเครื่องตรวจวัดผิวอยู่หลายแบบนะคะ สามารถประเมินสภาพผิวของแต่ละคนได้ และดูว่าผิวมีปัญหาหรือแนวโน้มของปัญหาอย่างไรบ้าง เพื่อที่ทุกคนจะได้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิวและปัญหาของแต่ละคนอย่างมีประสิทธิภาพ

Q7: ควรจะดูแลให้ผิวดูผ่องใสเปล่งประกายอยู่เสมออย่างไรบ้าง

ในสภาวะตึงเครียดทั้งจากการทำงานและสภาวะกดดันจากคนรอบข้างนั้น ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้ผิวดูหมองคล้ำ ไร้ชีวิตชีวา แต่อย่าห่วงไปเลยค่ะ เพราะวันนี้เรามี 5 วิธีง่ายๆ ที่จะมาแนะนำให้สาวๆ ลองทำดู เพื่อผิวเปล่งปลั่งมีออร่า

  1. ออกกำลังกายเพื่อให้เลือดลมได้ไหลเวียน อาจจะเป็นการออกกำลังกายแบบโยคะ เพื่อปรับสมดุลของร่างกายทุกส่วนรวมถึงจิตใจอีกด้วย เพราะอารมณ์ที่มั่นคง สบายๆ จะช่วยให้ร่างกายดีขึ้นทั้งระบบ และยังเป็นวิธีง่ายๆ ที่ปลอดภัย ซึ่งช่วยให้ผิวสวย ดูมีออร่า และยังได้สุขภาพที่ดีอีกด้วย
  2. กินอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินซีและอาหารที่มีประโยชน์ ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่ไม่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เพราะปริมาณของน้ำตาล เกลือ ไขมันทรานส์ จะนำไปสู่ปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำทั้งสิ้น
  3. ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ เพราะน้ำเป็นสิ่งที่สำคัญมาก หากดื่มน้ำในปริมาณที่เพียงพอแล้ว จะช่วยให้ผิวดี สุขภาพดี และตัวเราก็ยังรู้สึกสดชื่น มีชีวิตชีวาอีกด้วย
  4. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อชาร์จพลังให้แก่ร่างกาย เมื่อร่างกายของเราได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่ ผิวก็จะดูมีสุขภาพดีขึ้น ซึ่งจะแสดงออกมาในลักษณะของผิวที่ดูมีน้ำมีนวลและเปล่งประกาย หากคุณไม่ค่อยมีเวลาได้หลับยาวๆ ในช่วงกลางคืน เรายังมีวิธีชาร์จพลังง่ายๆ ระหว่างวันมาแบ่งปันด้วย ช่วงกลางวันที่ออฟฟิศ ลองหลับตา สูดลมหายใจลึกๆ ยาวๆ สัก 5 นาที ก็สามารถช่วยให้ผ่อนคลายได้ค่ะ
  5. ลองบำรุงผิวด้วยผลิตภัณฑ์ เอสเค-ทู เจนนอปติกส์ ไวเทนนิ่ง เอสเซ้นส์เอสเซ้นส์น้ำนมเนื้อบางเบาที่ช่วยลดเลือนจุดด่างดำทั้งที่มองเห็นและมองไม่เห็น ทำให้ผิวดูมีออร่า ไร้จุดด่างดำและความหมองคล้ำใดๆ มาบดบังผิวสวย

 

ภาพ : Pexels
เรียบเรียง : PP_แพรวดอทคอม

Praew Recommend

keyboard_arrow_up