รักแม่สุดหัวใจ เปิดอกคุยแบบลูกผู้ชาย ‘นาย-ณภัทร เสียงสมบุญ’

ย้อนกลับไปเมื่อสิบกว่าปีก่อน เชื่อว่าหลายคนคงยังจำภาพของหนุ่มน้อยผมหยิก หุ่นจ้ำม่ำ ซึ่งเป็นลูกชายคนเดียวของนักแสดงหญิง หมู-พิมผกา เสียงสมบุญกันได้ จากเด็กน้อยเมื่อวันวาน ในวันนี้เขาโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องความคิด ซึ่งต้องบอกเลยว่า ถ้าได้อ่าน Exclusive Talk จนจบ คุณอาจจะได้ข้อคิดดีๆ เกี่ยวกับการเลี้ยงลูกให้เป็นคนเก่ง และมองโลกในแง่ดีแบบนี้ได้มากทีเดียว

 

nai-7

เห็นว่าช่วงนี้เรียนหนักมาก และซ้อมกีฬาด้วย

นาย : ใช่ครับ ตอนนี้เรียนออกแบบนิเทศศิลป์อยู่ปี 3 ที่มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา ภาคอินเตอร์ครับ ผมอยู่หอวันจันทร์-วันศุกร์ วันเสาร์-วันอาทิตย์ถึงได้กลับบ้าน

เลือกเรียนคณะนี้แสดงว่าเป็นคนชอบเรียนด้านศิลปะหรือเปล่า

นาย : ตอนแรกไม่ได้จะเรียนด้านนี้เลย แต่ตอนเด็กๆ คุณแม่ซื้อของเล่นให้ผมเป็นชิ้นเดียวที่มีก็คือเลโก้ ผมจำได้ว่าก็นั่งต่อไปเรื่อยๆ คนเดียวที่บ้าน พอโตมาไปเรียนไฮสคูลมีวิชาดีไซน์เทคโนโลยีต่อวงจรไฟฟ้า ตอนนั้นเลยคิดว่าอยากเรียนสถาปัตยกรรม แต่พอไปดูหลายๆ มหาวิทยาลัย แล้วได้มาเจอที่นี่เลยชอบมาก เลยตั้งใจว่าจะเข้าที่นี่ให้ได้ ก็หาข้อมูลเยอะครับว่าเราจะเรียนคณะไหนดีที่ใกล้เคียงกับสถาปัตย์ เลยมาเป็นคณะนี้ ถือว่าตัดสินใจถูกมากครับ ถ้าเรียนสถาปัตย์งานคงเยอะกว่านี้อีก (หัวเราะ) และผมว่าผมเรียนแล้วรู้สึกรัก และสนุกไปกับมันมาก เลยไม่คิดว่ามันหนักอะไรครับ

nai-1

รู้มาว่าเป็นเด็กกิจกรรมด้วย ทำอะไรบ้างเวลาอยู่ที่มหาวิทยาลัย

นาย : เคยเป็นเดือนคณะตอนอยู่ปีหนึ่งครับ แต่ตอนนี้เป็นปู่ทวดคณะแล้ว (หัวเราะ) อีกกิจกรรมที่ทำก็คือเป็นคฑากรของมหาวิทยาลัย ตอนแรกผมก็จะปฏิเสธไป เพราะแนวนี้ไม่ได้อยู่ในหัวผมเลย แต่คิดไปมาก็รู้สึกว่าเขาให้โอกาสเราแล้ว ทำไมเราไม่เอาวะ…คิดๆดู มันก็คงเหมือนไม้กอล์ฟมั้ง เพราะผมก็เคยควงไม้กอล์ฟเล่นเหมือนกัน (หัวเราะ) เลยเปลี่ยนใจตกลงว่าจะเป็น จำได้ว่าฝึกหนักมาก แขนเขียวเลย แต่ก็ตั้งใจอยากให้มันออกมาดี ผมก็รู้สึกภูมิใจมากเหมือนกัน ที่ได้เป็นมหิดลคฑากรรุ่นแรกด้วย

ได้ยินพูดเรื่องกอล์ฟ แสดงว่าเป็นกีฬาโปรดหรือเปล่า

นาย : จริงๆ ผมเล่นทุกอย่างมาตั้งแต่เด็กเลยเพราะผมอ้วนมาก แม่เลยบอกให้ผมออกไปเล่นนอกบ้านบ้าง ผมก็ไปเล่นฟุตซอลกับพวกพี่ๆ แถวบ้าน จนหัวเข่าแตกเลยครับ แถมหัวหยิกตัวดำเมี่ยมเลย (หัวเราะ) ต่อมาก็มีไปเล่นเทนนิสกับแม่ และก็มาฟุตบอลที่เล่นให้ทีมโรงเรียน ส่วนกอล์ฟเรื่องของเรื่องเกิดจากตอนย้ายมาอยู่ไฮสคูล เพราะมันเป็นวิชาบังคับ และตอนนั้นไปเรียนที่นี่แรกๆ โดนเพื่อนล้อ เพราะผมตีไม่เป็น ฝรั่งเขาก็จะล้อหนักมาก เพราะเขามองว่ากีฬานี้เป็นกีฬาธรรมดา ผมก็แค้นสิ… ทีนี้เลยฝึกซ้อมมาที่สนามกอล์ฟจริงจังเลย พอฝึกจนคิดว่าตัวเองน่าจะโอเคขึ้นในระดับนึงแล้ว เลยไปท้าแข่งกับเพื่อนก็ชนะครับ เลยติดใจตั้งแต่นั้นมา และเล่นมาเรื่อยๆ จนทุกวันนี้กอล์ฟเป็นกีฬาที่ผมรักไปแล้ว ส่วนเรื่องฝีมือตอนนี้ก็ (ทำหน้าคิด) อืม… ไม่อยากเรียกว่าเก่ง เอาเป็นว่าโอเคในระดับนึงดีกว่า (หัวเราะ)

เคยไปแข่งได้แชมป์บ้างหรือยัง

นาย : ตอนเด็กๆ ครับที่เคยได้แชมป์ เแต่พอเข้ามหาวิทยาลัยไม่มีเวลาเลย มีแต่ซ้อมออกรอบกับที่คณะเท่านั้นเอง เป็นทัวร์นาเม้นท์ของคณะ เคยทั้งได้แชมป์ และก็เคยแพ้ด้วย

nai-6

กีฬากอล์ฟสอนอะไรเราบ้าง

นาย : มีอยู่เหตุการณ์นึง คือก่อนหน้านี้ผมแข่งชนะมาตลอด และมั่นใจในตัวเองมาก เพราะทุ่มเทซ้อมหนักมาก คิดว่ายังไงต้องชนะ แต่เหมือนเราหวังสูงเกินไปไม่เผื่อใจว่าจะแพ้ พอไปแข่งเข้าจริงแพ้ (หัวเราะ) ผมเสียใจมาก เพราะช่วงนั้นแม่มีปัญหาเรื่องการเงิน และกอล์ฟค่าใช้จ่ายมันสูงมาก ผมเรียนนานาชาติอีก (เป่าปากเลยทีเดียว) ผมเลยสงสารแม่ เพราะเราออกค่าใช้จ่ายเอง

แข่งแต่ละครั้งใช้เงินเยอะมากครับ ค่าสมัคร ค่ากิน ค่าโรงแรม รวมแล้วเป็นหมื่น ผมเข้าไปห้องน้ำก็โทรหาแม่ร้องไห้ แม่ก็บอกว่า เออไม่เป็นไร จำเอาไว้ว่ารสชาติมันเป็นไง ถ้าเราไม่เคยแพ้มาก่อน ก็ไม่มีทางรู้เลยว่าชนะมันเป็นยังไง

ทุกวันนี้ที่ฝึกซ้อมกอล์ฟตลอด เพราะเราอยากจะไปถึงทีมชาติหรือเปล่า

นาย : เมื่อก่อนมีฝันเหมือนกันว่าอยากจะติดทีมชาตินะครับ แต่ตอนนี้พอเข้ามหาลัยก็ได้ลองทำอย่างอื่น ก็รู้สึกชอบเหมือนกัน แต่ยังไงกอล์ฟผมก็ไม่ทิ้งแน่นอนครับ เพราะรักมันไปแล้ว อาจจะเป็นอีกอาชีพที่ผมสามารถทำได้ในอนาคต

nai-3

ที่บอกว่าสงสารแม่วันที่เราแข่งแพ้ …ทำไมถึงคิดแบบนั้น

นาย : ผมรู้สึกตั้งแต่เด็กแล้วครับ ตอนนั้นเรียนนานาชาติอยู่เกรด8 เริ่มรู้แล้วว่าแม่ไม่มีตังค์ แถมผมเล่นกอล์ฟด้วย ก็รู้สึกว่าอยู่เฉยไม่ได้ละ ต้องหาทางเซฟเงินให้แม่ด้วย ผมเลยเอาเงินที่ได้มาเขียนแพลนเรื่องการเล่นกอล์ฟว่าผมจะทำอะไรบ้าง ถ้าผมแข่งจะได้เงินเท่าไหร่ และเทิร์นโปรต้องมีค่าครูเท่าไหร่ ใช้เงินอีกเท่าไหร่ แม่เห็นเขาก็ร้องไห้ (ยิ้ม)

ผมรู้มาตลอดว่าแม่เหนื่อยยังไง เขาหาเงินทุกทางจริงๆ ตั้งแต่ไปเรียนทำซาลาเปา จนมาเจอธุรกิจครีมบำรุงผิว พอมีธุรกิจแม่ก็ทำทุกอย่างเลย ตอนนี้มีอะไรก็ปรึกษากันตลอดครับ เพราะคุณแม่ทำคนเดียว ส่วนเรื่องเรียนของผม อะไรที่ผมทำได้ก็จะทำก็พยายามเซฟทุกอย่างให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ อย่างการสอบเทียบวุฒิ ก็เป็นอีกความตั้งใจที่อยากให้จบเร็วขึ้นสองปี เพราะเรียนนานาชาติยิ่งโตก็ยิ่งแพง ตอนนั้นผมจะไปลาออกจากโรงเรียนเหมือนกัน แต่ทางโรงเรียนเขาก็ช่วยไว้ เพราะผมเป็นนักกีฬาของโรงเรียนหลายอย่าง ทั้งว่ายน้ำ ตีกอล์ฟ เขาเลยให้ทุนผมด้วย ซึ่งตรงนี้ก็ช่วยแม่ได้เยอะเหมือนกัน เลยประหยัดค่าเทอมได้อีกสองปี

nai-5

แม่เราเก่งไหม

นาย : โห..เก่งสิครับ (หัวเราะ) หลายคนเล่าเรื่องของแม่ให้ผมฟัง ในใจผมก็คิดนะว่าแม่เราขนาดนี้เลยหรอ ก็เลยไปถามเขา ซึ่งก็เป็นเรื่องจริง คือเขาไม่เหมือนผู้หญิงเท่าไหร่ เลี้ยงผมคนเดียวได้ขนาดนี้ ไม่รู้ว่าผมจะทำได้เท่าเขาหรือเปล่า

ตอนเด็กๆ แม่ปลูกฝังเรื่องอะไรบ้างที่จำจนวันนี้

นาย : ผมกับแม่ชอบไปไหนด้วยกันตลอด เวลาไปเจออะไรที่เราทำ คุณแม่จะสอนทันทีว่าอะไรทำได้ไม่ได้ คือพอเห็นสถานการณ์จริงเขาจะพูดเลยครับ ตั้งแต่เด็กคุณแม่จะสอนให้ท่องศีล5 กับไตรลักษณ์เป็นแผนที่ของชีวิต “อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา” ถ้าเราปฏิบัติได้ มันก็จะทำให้ชีวิตเรามีความสุขขึ้นเยอะ ชีวิตเปลี่ยนเลย เพราะเราต้องยอมรับทุกอย่างที่มันจะเกิดขึ้นและเปลี่ยนแปลงไปตลอด วันนี้เรารวย พรุ่งนี้เราอาจจะจนก็ได้ มีคนเกลียดก็ต้องมีคนรัก คือเป็นเรื่องธรรมดามากครับ เรื่องพวกนี้ที่โรงเรียนนานาชาติไม่ได้สอน คุณแม่เลยสอนผมตั้งแต่เด็ก เห็นแม่สวดมนต์นั่งสมาธิจนชิน มันเลยค่อยๆ ซึมซับเข้าไป

โตเป็นหนุ่มแล้วตอนนี้มีเรื่องขัดใจกับคุณแม่บ้างไหม

นาย : เอาจริงๆ ก็มีเหมือนกันครับ ผมดื้อนะไม่ได้เชื่อเขาตลอด อย่างเรื่องการแต่งตัวนี่ผมดูแลตัวเองครับ ไม่ยอม (หัวเราะ) คือบางครั้งผมก็ชอบสบายๆ เสื้อเชิ้ต ยีนส์ บูตเครื่องหนัง อะไรแบบนี้ คือผมไม่ชอบอะไรเยอะๆ ด้วย แต่บางอย่างที่เชื่อเพราะรู้ว่าแม่หวังดีกับเรา ถ้าเราไม่ชอบ เถียงก็มีเหมือนกันครับ แต่ทุกอย่างก็คือทำเพื่อเราทั้งนั้นผมก็ทราบ ส่วนปัญหาของวัยรุ่นอย่างเรื่องทะเลาะกันอะไรกัน ไม่มีเลยครับ ผมเกิดมาผมไม่เคยต่อยกับใครเลย

แม่จะบอกเสมอว่าอาวุธที่ร้ายแรงที่สุดของมนุษย์มันจะไม่ใช่การต่อสู้ สิ่งที่ดีที่สุดคือจะทำอะไรให้พกสองสิ่งนี้ไว้เสมอคือรอยยิ้ม และคำขอโทษ ไม่มีวันมีเรื่องกับใครถ้าเรายิ้มให้กับคนอื่นและผมเองก็รู้จักที่จะขอโทษเป็น มันไม่ใช่เรื่องที่ทำให้เสียศักดิ์ศรีอะไรเลย

 

nai-2

แม่เคยบอกหรือคาดหวังอะไรกับตัวเราไหม

นาย : แม่คงไม่ได้คาดหวังอะไรกับผมมากหรอกครับ เอาง่ายๆ ผมว่าไม่ทำอะไรให้แม่เสียใจ เป็นคนดีของแม่ ของสังคม ผมว่าแม่ก็พอใจแล้ว บวกกับผมทำในสิ่งที่รัก เขารู้ว่าผมจะเป็นอะไรวางแผนชีวิตแบบไหน อีกหน่อยถ้าแม่ไม่อยู่แล้ว เขาก็คงไม่ต้องเป็นห่วงมาก เพราะเข้าสังคมก็ได้ เขาเคยห่วงว่าถ้าแม่ไม่อยู่แล้วน้องนายจะอยู่ได้ไหม

นอกจากเป็นลูกที่ดีของแม่แล้ว ตอนนี้ยังเป็นขวัญใจของสาวๆ ด้วย

นาย : ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันนะ (หัวเราะ) มีคนจำผมได้เยอะมากกว่าครับ เพราะผมทำกิจกรรมหลายอย่าง เลยมีมาขอถ่ายรูปบ้าง ผมเองก็มีเพื่อนต่างคณะเยอะด้วย ก็เลยรู้จักคนเยอะ ไม่ได้ฮอตอะไรหรอก

มีงานในวงการบันเทิงติดต่อมาเยอะไหมช่วงนี้

นาย : จำได้ว่าตอนเด็กๆ ผมก็เข้าไปวิ่งเล่นตามกองถ่ายละครที่แม่เล่น ก็รู้ว่าอาชีพนี้สนุกดีนะ อีกอย่างผมโตมาได้ก็เพราะแม่ทำงานด้วยอาชีพนี้ ซึ่งพอได้ไปลองทำจริงๆ มันก็ดีครับ ได้ประสบการณ์หลายอย่าง ตอนนี้ก็มีเซ็นสัญญากับทางช่องสามไปด้วย แต่ยังไงตอนนี้ผมก็ขอโฟกัสเรื่องเรียนเป็นอันดับแรกก่อนเลย ผมตั้งใจมากและมันเป็นสิ่งที่ผมรักมากเหมือนกัน

ท่าทางเป็นคนจริงจังกับการเรียนมาก

นาย : ผมรู้สึกว่าผมไม่ได้ไปเรียนเลย เหมือนทุกอย่างมันคือการเข้าไปหาประสบการณ์มากกว่า ที่ผมทำทุกอย่างในวันนี้เพราะผมรักมันจริงๆ ไม่งั้นก็ไม่ทำและทุ่มเทขนาดนี้ ตอนนี้เลยขอมุ่งไปที่เรื่องเรียนอีกปีครึ่ง พยายามเก็บตัวที่ยาก อ่านหนังสือให้หมด จะได้มีเวลาไปทำอย่างอื่นต่อด้วย

วิธีการเรียนของนายเป็นแบบไหน

นาย : ผมจะแบ่งเวลาวิชาที่อ่านหนังสือ ต่อเทอมจะมีสองตัว เพราะส่วนใหญ่เป็นงานดีไซน์ ทำเสร็จไปนำเสนอหน้าชั้น เพื่อฟังคำวิจารณ์ของอาจารย์และเพื่อน ซึ่งตรงนี้จะทยอยทำให้เสร็จ ส่วนการอ่านหนังสือ ต้องบอกก่อนว่าผมไม่ได้เรียนเก่งนะ เพราะตอนไฮสคูลนี่ไม่เอาเรื่องอ่านหนังสือเลย แต่พอเข้ามหาวิทยาลัยไม่มีใครมาเตือนเหมือนครูแล้ว ตกคือตก เลยตั้งใจฟังในห้อง ไม่เล่นโทรศัพท์หรือคุยเลย พอมาอ่านทบทวนทีนี้มันก็เข้าหัว คืนละชั่วโมง – 2 ชั่วโมง บางทีก็ 5 ชั่วโมงรวด ชีวิตมันเลยเป็นระบบ แม่สอนเสมอว่าเวลาสำคัญมาก คือถ้าเราจัดสรรดีๆ เราก็จะมีโอกาสได้ทำอะไรอีกเยอะแยะ

nai8

คิดทุกอย่างเป็นระบบแบบนี้ แสดงว่ามีแพลนอนาคตให้กับชีวิตตัวเองแล้ว

นาย : ความจริงผมคิดไว้หลายอย่าง แต่สิ่งที่ผมไม่ทิ้งแน่นอนคือธุรกิจที่แม่สร้างมา ก็คือครีมบอร์นทูบี สกินแคร์ แต่เรื่องเรียน ผมมองว่ายุคนี้แพคเกจจิ้งเป็นสิ่งที่สำคัญมาก อย่างญี่ปุ่นโปรดักส์สวยมาก เห็นบางทียังไม่รู้เลยว่าคืออะไร และผมเรียนด้านนี้ตั้งแต่ เว็บดีไซน์ แพคเกจจิ้ง โลโก้ โบชัวร์ ออกแบบฟ้อนท์ ทำแมกกาซีน ซึ่งก็คิดว่าทำได้โอเคอยู่ คือยังไงผมว่าเรื่องนี้มันสำคัญมาก ที่จะมาต่อยอดธุรกิจของแม่ที่ผมจะทำต่อในอนาคต กะว่าจะออกแบบทุกอย่างเองแน่นอนครับ ผมว่ามันไปได้ไกลอีกเยอะ
มาที่เรื่องหัวใจบ้าง หล่อขนาดนี้เคยถูกสาวหักอกหรือเปล่า

นาย : เคยมีแฟนแต่ไม่ได้อกหัก เหมือนpuppy love มากกว่าครับ

แล้วผู้หญิงแบบไหนที่รู้สึกว่าใช่ ต้องเก่งแบบคุณแม่ไหม

นาย : ผมไม่ค่อยมีสเป็คนะ ขอให้เขาเป็นคนดี พูดเพราะ คุยรู้เรื่อง แต่ผมชอบผู้หญิงที่อายุมากกว่านะ กี่ปีก็ได้ (หัวเราะ) ถ้าให้นึกถึงตอนนี้ผมว่าผู้หญิงแบบพี่โอปอล์ น่ารักดีนะครับ คือผมชอบคนมีคาแร็กเตอร์ ดูมีเสน่ห์ดี รู้สึกว่าอยู่ด้วยแล้วไม่น่าเบื่อ อีกคนก็พี่ซูซี่ (สุษิรา แน่นหนา)น่ารักมาก พี่เขาดูขี้เล่น แต่ก็จริงจังกับงานและเป็นผู้หญิงเก่งด้วย

สนิทกับคุณแม่มาก แล้วเรื่องสาวๆ มีปรึกษาไหม

นาย : ก็คุยครับ แต่ไม่ทุกเรื่อง (หัวเราะ) แต่ผมไม่ค่อยอะไรหรอก เวลาไม่มีเลย ติดเพื่อนด้วย คุยกับแม่เรื่องทั่วไปมากกว่า

เห็นคุณแม่ดูแลตัวเองดีมากมีเลยมาถึงนายบ้างไหม

นาย : เรื่องนี้ผมโดนแม่ว่าประจำ (หัวเราะ) ผมไม่สำอางเลย เพราะเล่นกีฬากลางแจ้งเยอะ เขาก็มีเตือนเหมือนกันว่าดูแลตัวเองหน่อยนะ

nai-4

ดูเป็นคนง่ายๆ แบบนี้เคยมีหลงไปตามกระแสเหมือนวัยรุ่นทั่วไปบ้างไหม

นาย : ไม่ครับ… ผมไม่ซีเรียสกับเรื่องพวกนี้เลย ยิ่งเรื่องของแบรนด์เนม ผมว่ามันแล้วแต่ความจำเป็นที่ต้องซื้อนะ อย่างนาฬิกาเรือนแรกที่ผมใส่ไปเรียนนี่ เรือนละสองสามร้อยบาทเองนะครับ เพื่อนผมใช้กันเรือนเป็นแสน ผมก็เคยถามเพื่อนนะว่าดำน้ำได้ไหม โดนเหงื่อได้ไหม ถ้าไม่ได้ จะซื้อมาทำไม (ยิ้ม) ผมไม่ได้มองที่แบรนด์ ผมมองที่ฟังก์ชั่นมันมากกว่า หรือถ้าเราซื้อแบรนด์มาแล้วถนอมไว้อย่างเดียว ซื้อมาทำไม อย่างเสื้อผ้ามีไว้ใส่ ผมไม่ค่อยยึดติดอะไร ขอแค่ใส่แล้วดูดี แค่นั้นพอแล้ว

ตอนนี้เริ่มมีงานในวงการให้ได้ทำบ้างแล้ว จำได้ไหมว่าเงินก้อนแรกเอาไปทำอะไร

นาย : ผมให้แม่นะ ครั้งแรกที่ให้เงินแม่ จำได้ว่าเขาก็ให้พรให้ทำอะไรก็สำเร็จ ให้ผู้ใหญ่เอ็นดู คือแม่สอนผมตลอดให้อ่อนน้อมถ่อมตน เราไม่รู้ว่าใครอายุเท่าไหร่ แต่ยังไงก็ต้องไหว้ไว้ก่อนไม่เสียหาย

ทุกวันนี้มีอะไรที่ห่วงคุณแม่บ้างไหม

นาย : ตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัย กลัวเขาเหงาเพราะผมอยู่หอ กลับมาเสาร์-อาทิตย์ ผมก็ขนงานมานั่งทำที่บ้านอีก แต่ช่วงนี้ดีขึ้นเพราะเขาไปออกกำลังกาย ก็มีกิจกรรมให้เขาทำ

หวงคุณแม่ไหม ถ้าวันนึงจะมีใครเข้ามา

นาย : (ทำหน้าคิดนิดนึง) ผมก็…ก็ยอมนะ แต่ก็ต้องเป็นคนดี ไม่ได้เข้ามาหวังอย่างอื่น ก็โอเคไม่ได้ว่าอะไร เหมือนเขามีเพื่อนอีกคน จะได้ไม่เหงาด้วย

ฟังเรื่องราวของผู้ชายคนนี้แล้ว ต้องบอกเลยว่าเป็นเด็กหนุ่มอายุ 18 ที่มีความมุ่งมั่นเกินคนในวัยเดียวกันมากทีเดียว อนาคตของเขาจะเข้าสู่วงการบันเทิงเต็มตัวตามที่มีผู้ใหญ่ให้โอกาส หรือจะเป็นนักออกแบบ และโปรกอล์ฟก็ตาม คงต้องติดตามกันต่อไป แต่ก็เชื่อได้เลยว่าเด็กหนุ่มคนนี้ยังเติบโตไปได้อีกไกลในทุกเส้นทางที่เขาเลือก เพราะทุกอย่างที่เขาทำล้วนเกิดมาจากความรัก ที่สำคัญเขาทำเพื่อให้ผู้หญิงที่เขารักที่สุดในชีวิต ซึ่งก็คือแม่หมูของเขานั่นเอง

เรื่อง : SRIPLOI
ภาพ : ศิริวัฒน์ อาจโยธา และ IG @pimpaka/@snaphat
Twitter : sriploi17

บทความนี้ถือเป็นทรัพย์สินของเว็บไซต์แพรว ห้ามผู้ใดนำไปคัดลอก ดัดแปลง หรือทำซ้ำ อนุญาตให้แชร์บทความนี้ได้จากลิ้งค์นี้เท่านั้น

Praew Recommend

keyboard_arrow_up