รักเธอประเทศไทย

“ถึงวันนี้ก็ไม่เคยเสียใจที่ออกมาแสดงจุดยืน แน่นอนว่า เรายังต้องดูแลอาชีพ ถึงเวลาไปทำงาน พอว่างก็ไปชุมนุม เพื่อให้ทุกคนรู้ว่า เราพร้อมอยู่เคียงข้างประชาชนที่มีความคิดเห็นเหมือนกัน แรกๆ น้องกัน (สิทธิโชค) เป็นห่วงมาก พูดตลอดว่า อย่าไปเลย กลับบ้านหรือยัง แต่หลังๆ เขาถามว่า วันนี้ไปหรือเปล่า ขอไปด้วยนะ ลูกๆ คนอื่นก็เป็นเหมือนกัน ต้องบอกว่า พ่อแม่ไม่เคยใส่ความคิดนี้ลงหัวลูก แต่เป็นความรู้สึกร่วมกันจริงๆ”

“คู่รักในวงการบันเทิงที่รักประเทศเต็มหัวใจ” ข้างต้นคือ “โจทย์” ที่กองบรรณาธิการแพรวคิดถึงคอลัมน์สัมภาษณ์ประจำปักษ์ “รักประเทศไทย” แน่นอนว่า มีรายชื่อนับไม่ถ้วนที่ผุดขึ้นมาในห้องประชุม แต่คู่สามีภรรยาที่ทุกคนคิดตรงกันแบบไม่มีข้อโต้แย้งคือ “สินจัย – ฉัตรชัย เปล่งพานิช”

เราไม่ได้เพียงพูดถึงเหตุการณ์ล่าสุดที่สองนกออกมาแสดงความคิดเห็นทางการเมือง เพราะระยะเวลาที่ผ่านมา “งานละคร” ที่ทั้งคู่ทำ ยังแฝงแง่คิดของปัญหาต่างๆ ของสังคมไทย ที่สามารถแก้ไขได้ ถ้าทุกคนมีความรักอย่างจริงใจให้กับบ้านเกิดหลังใหญ่ของพวกเรา

อาชีพนักแสดงมักถูกมองว่า เสี่ยงต่อการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง ทำไมสินจัยกับฉัตรชัยจึงกล้าแสดงจุดยืนครับ
นกหญิงตอบก่อน “ถามว่ามีผลต่อเรื่องงานไหม ก็คงมี ซึ่งทำให้เราต้องคิดอย่างรอบคอบ แต่สาเหตุที่กล้าแสดงจุดยืน เพราะนี่คือเรื่องของประเทศชาติ และเราคือประชาชน นกไม่ได้คิดเรื่องเป็นนักแสดง จะโดนคนดูต่อว่า หรือเรตติ้งจะตก ไม่คิดถึงเลยด้วยซ้ำ เรารู้สึกแค่ว่า เมื่อนักการเมืองทำไม่ถูกต้อง เรามีสิทธิแสดงความคิดเห็นไม่ใช่หรือ เราปล่อยให้เรื่องไม่ดีเกิดขึ้นนานพอแล้ว รู้สึกว่า อยู่เฉยๆ ไม่ได้ เช่นเดียวกับความรู้สึกของใครหลายคน แต่รัฐบาลมักพูดเสมอว่า มาจากการเลือกตั้ง เราจึงปล่อยให้บริหารบ้านเมืองต่อไป ทั้งที่เห็นมาตลอดว่า สิ่งที่เขาทำอยู่ไม่ถูกไม่ควร นานวันเข้า คงมีคนรู้สึกแบบเดียวกันมากขึ้นเรื่อยๆ จนเกิดการรวมตัวกัน เราสองคนตั้งใจไปกันตั้งแต่เวทีอยู่ที่สามเสน แต่วันที่จะออกจากบ้าน ปรากฏว่าแกนนำพามวลชนย้ายไปอยู่ที่ราชดำเนินพอดี

นกชายเล่าบ้าง “เรื่องออกไปชุมนุม ผมกับนกหญิงแทบไม่ได้คุยกันว่า เธอต้องไปนะ เป็นความรู้สึกที่ตรงกันมากกว่า ต่างคนเป็นไปในรูปแบบนี้ และเป็นกันทั้งบ้านอย่างที่นกหญิงบอกจริงๆ คนแรกที่ออกไปคือ ‘น้องดอม’ (พีรดนย์) ลูกชายคนเล็ก ไปตั้งแต่ชุมนุมที่สวนลุมพินี ก่อนหน้าจะมีเวทีสามเสนอีก แล้วไปโดยไม่บอกพ่อแม่ด้วย ผมมารู้ตอนมีข่าวในอินเตอร์เน็ตว่า ลูกชายของฉัตรชัยกับสินจัยออกไปชุมนุม เราก็ตกใจว่า เฮ้ย! ไปตั้งแต่ตอนไหน”

นกหญิงแสดงความคิดเห็นต่อ “ที่ดอมไปก่อนอาจเพราะเขาเรียนที่โรงเรียนจิตรลดาตั้งแต่เด็ก จากนั้นย้ายไปเรียนที่วชิราวุธฯ ซึ่งเป็นโรงเรียนของพระเจ้าอยู่หัวทั้ง 2 แห่ง พอมีเหตุเกี่ยวข้องกับสถาบันหรือประเทศ เขาจึงรู้สึกว่า อยู่เฉยไม่ได้”

บรรยากาศในพื้นที่ชุมนุมเป็นอย่างไรบ้างครับ
นกหญิงยิ้มแล้วตอบคำถาม “คึกคักมาก เราสองคนถูกขอถ่ายรูปตลอดทาง จนช่วงหลังต้องบอกว่า ขอเดินไปด้วยถ่ายรูปไปด้วย เพราะถ้าหยุดเดินเมื่อไร จะติดอยู่ตรงนั้นพักใหญ่ นกไม่ได้หงุดหงิดนะ เพียงแต่เราไม่ได้อยากมาเพื่อเป็นจุดเด่น อยากมาฟังปราศรัยบนเวที และนั่งอยู่กับผู้ชุมนุมมากกว่า แต่ไม่ได้รู้สึกอารมณ์เสีย ดีใจด้วยซ้ำที่ได้มาให้กำลังใจกันและกัน

“ส่วนใหญ่เราจะยืนรอบๆ เวทีราชดำเนิน จนวันปีใหม่ที่ผ่านมานกชวนพี่นกชายไปด้านหลังเวที เพราะอยากให้กำลังใจทุกคนที่เสียสละอยู่ตรงนี้ได้ 2 เดือนแล้ว ทั้งที่วันปีใหม่คงอยากพัก อยากกลับบ้าน แต่มีคนจำนวนมากที่นอนค้างอยู่ที่ราชดำเนิน เหมือนทุกคนเลือกที่จะมาอยู่เป็นเพื่อนกัน นกจึงชวนพี่นกชายว่า ไปหลังเวทีเถอะ”

นกชายพูดต่อ “ส่วนใหญ่เราไปเวทีชุมนุมวันที่ว่างจากงาน หรือวันสำคัญที่ทุกคนต้องออกไปรวมตัวกัน เช่น 9 ธันวาคม และอีกหลายวันของปีที่แล้ว หรือวันที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2557 ที่กลุ่ม กปปส. ประกาศ Shut Down กรุงเทพฯ (แพรวคุยกับสองนกก่อนวันดังกล่าว) ที่บริษัทมีงาน แต่พอเสร็จแล้วตั้งใจยกขบวนไปกันหมด ไม่ได้เป็นคำสั่งนะครับ แต่ทุกคนพร้อมใจกันออกไปทำเพื่อประเทศชาติ บ้านที่เราเกิดและเติบโต ถ้าไม่รักแผ่นดินนี้ ก็ไม่รู้จะรักแผ่นดินไหน เราซึมซับรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตจนถึงปัจจุบัน ประวัติศาสตร์บอกเราว่า ใครที่ดูแลเราและทำให้เรามีความสุข สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ ที่เราต้องทำคือ ดูแลและตอบแทนบุญคุณประเทศชาติ”

เรื่อง ปารัณ เจียมจิตต์ตรง ภาพ : กฤตธี ผ่องเสรี
ติดตามเรื่องแง่คิดในการทำงานของทั้งสองต่อได้ที่นิตยสารแพรวฉบับ 827 วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2557 คอลัมน์สัมภาษณ์

Praew Recommend

keyboard_arrow_up