อายุเลข 4 แล้วไง! “วุธ-แมน-เอิร์ธ” จากเวที “หนุ่มแพรว” สู่เส้นทางชีวิตที่รุ่งโรจน์!

ศุภกิจ ตังทัตสวัสดิ์ (แมน)

รองหนุ่มแพรวปี 1992

ปีที่แมน – ศุภกิจ เข้าประกวดหนุ่มสาวแพรว เขายังอยู่ในวัยทีน แต่สามารถพิชิตใจกรรมการจนผ่านเข้ารอบมาได้

“ผมเข้าประกวดหนุ่มสาวแพรวตอนอยู่มัธยมปลายที่โรงเรียนเซนต์คาเบรียล เพราะเพื่อนสาวคนสนิทเขาเป็นแฟนหนังสือแพรวกับสุดสัปดาห์ เขาเชียร์ให้ผมส่งรูปมาสมัคร ตอนแรกผมก็ไม่สนใจหรอกครับ แต่เพื่อนๆ ที่โรงเรียนก็เชียร์ด้วย บอกว่าถ้าผมสมัครมีสิทธิ์เข้ารอบแน่ จึงตัดสินใจว่าลองดู โดยเพื่อนสาวเป็นคนเขียนใบสมัครและส่งรูปมา

“ผมรู้ข่าวว่าผ่านการคัดเลือกเพราะพี่ทีมงานแพรวโทรศัพท์มาที่บ้าน บอกให้ไปสัมภาษณ์ ตอนนั้นยังไม่มีมือถือ แม่ผมเป็นคนรับสาย วันที่ไปสัมภาษณ์ พ่อแม่และน้องไปเชียร์กันหมดบ้าน และเขาประกาศผลในเย็นวันนั้นเลย ผมรู้สึกเหมือนไปฟังผลสอบเลย ตอนที่เขาเอาใบประกาศชื่อมาติด แล้วเราไล่ชื่อเจอว่าติดเข้ารอบก็ดีใจกันทุกคนครับ

“หลังจากนั้นพี่ๆ ทีมงานก็พาไปโปรโมตตามสื่อต่างๆ ว่าจะมีการประกวด ซึ่งผมไม่ได้บอกเพื่อนๆ ที่โรงเรียน ตั้งใจว่าจะให้พวกเขาเซอร์ไพร้ส์ตอนที่เห็นผมบนปกหนังสือ แต่ปิดไม่สำเร็จครับ เพราะเพื่อนคนหนึ่งเขานอนดึกแล้วฟังรายการวิทยุที่ผมไปคุยในรายการ พอเช้ามาโรงเรียนเขาก็ถามและประกาศ เพื่อนๆ เลยรู้กันหมด

“วันประกวดก็สนุกดีครับ ทุกคนสนุกกัน ผลการตัดสิน วุธเขาได้ตำแหน่ง ส่วนผมได้รองหนุ่มแพรว ได้ยินว่าเพราะเขาดูเป็นผู้ใหญ่กว่า ทั้งที่เขาอายุมากกว่าผมแค่ปีเดียว” (หัวเราะ)

ภาพ : @mantangman

นายแบบขายดี ขึ้นปกยกแผง

ภาพของความเป็นหนุ่มหน้าใสวัยมัน ทำให้แมนได้รับการตอบรับจากวงการแฟชั่นอย่างมากมาย “หลังประกวดเสร็จผมก็มีงานเข้ามาตลอด ได้ถ่ายแบบลงหนังสือเกือบทุกเล่มในสมัยนั้น ถ่ายโฆษณา และมีคนมาติดต่อให้เล่นละครเรื่องอรุณสวัสดิ์ ช่อง 7 ดังมาก จึงเริ่มเฟดจากนายแบบมาเป็นนักแสดง แล้วยังได้ร้องเพลงออกอัลบั้มด้วย อายุผมตอนนั้นก็ไล่ๆ กับศรราม, มอส, เต๋า, สายฟ้า, แอน ทองประสม, นัท มีเรีย ก็ถือว่าเป็นรุ่นเดียวกัน ซึ่งพวกเขามาจากหนังสือวัยรุ่น แต่ผมมาจากแพรว ก็ทำงานในวงการบันเทิงไปด้วย เรียนที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพไปด้วยจนจบ ก็เหนื่อยครับ แต่สนุกดี แต่มีอยู่ช่วงหนึ่งคุณปู่อยากให้ผมหยุดทำงานในวงการบันเทิง เพราะทุกคนในครอบครัวผมอยู่แต่ในสายหมอ เภสัชกร นักธุรกิจ และนักวิชาการกันหมด ท่านก็เป็นห่วงว่าอาชีพในวงการนี้จะไม่ยั่งยืน ผมก็บอกท่านว่า ผมทำงานนี้ด้วยความสุจริต และยุคสมัยก็เปลี่ยนไปแล้ว พี่ๆ หลายคนในวงการต่างยึดเป็นอาชีพเลี้ยงตัวได้ และผมก็พิสูจน์ให้ท่านเห็น ท่านก็ไม่ว่าอะไร ซึ่งผมก็ทำต่อมาจนถึงทุกวันนี้ แต่ผันตัวเองออกมาทำงานเบื้องหลังมากขึ้น เปิดบริษัทโปรดักชั่น ออร์แกไนซ์ รับทำโฆษณา เอ็มวี กำกับหนัง ละคร ฯลฯ ส่วนงานละครยังรับเล่นอยู่ เล่นได้ทุกช่อง”

ภาพ : @mantangman

มีวินัยทั้งกายและใจ คือเคล็ดลับของความสุข

“ตอนนี้อายุเข้าเลข 4 แล้ว ผมต้องดูแลตัวเองมากขึ้นทั้งร่างกายและจิตใจ โดยเฉพาะหน้าตา ซึ่งผมก็กินพวกอาหารเสริมและเครื่องดื่มบำรุงสุขภาพเป็นประจำอยู่แล้วด้วย เพราะยังต้องใช้หน้าตาในการทำงานถ่ายละคร เลยต้องดูแล ให้ดูเด็ก ดูดี ดูอ่อนกว่าวัยเสมอ ส่วนรูปร่างก็ต้องควบคุมการกินดื่ม แต่ยากนิดหนึ่ง เพราะภรรยาผมเป็นเชฟ ผมจึงเป็นฝ่ายชิม (หัวเราะ) จึงต้องหมั่นออกกำลังกาย เมื่อก่อนชอบเตะฟุตบอล แต่วัยนี้แล้วมันอันตราย เป็นอะไรก็หายยาก จึงเปลี่ยนมาเป็นขี่จักรยาน ว่ายน้ำ ตีกอล์ฟบ้าง กับนอนพักผ่อนให้เพียงพอ

“ในเรื่องการทำงานต้องมีวินัย ความตรงเวลา เรื่องมากให้น้อยที่สุด กับเพื่อนร่วมงานต้องปรับตัวให้เข้ากับคนอื่นให้ได้  อย่าให้เขาว่าเราได้ว่าเป็นคนมีปัญหา และกับนักแสดงด้วยกัน เราต้องมีความเป็นซีเนียริตี้ แม้จะไม่เคยร่วมงานกัน ก็ต้องเคารพความเป็นรุ่นพี่รุ่นน้อง อันนี้เป็นเรื่องสำคัญที่ผมอยากฝากไว้กับรุ่นน้องที่เพิ่งเข้ามา คุณอย่าคิดว่าคุณเป็นซูเปอร์สตาร์ที่ลอยอยู่ได้คนเดียว เพราะคุณต้องร่วมงานกับทุกคน คุณต้องช่วยเขา เขาก็ช่วยคุณ งานถึงจะสำเร็จ และต้องมีความรักในงาน ไม่ใช่เข้ามาทำไปงั้นๆ ถ้าเป็นอย่างนั้นคุณไปทำงานอย่างอื่นดีกว่า ไม่ว่าคุณเข้ามาทำในวงการนี้ในหน้าที่อะไรก็ตาม ต้องทำให้เต็มที่ เพราะเขาก็เสียเงินจ้างคุณมา ไม่ใช่ว่าคุณมาทำฟรีๆ

“ส่วนทางจิตใจ ผมเป็นคนที่พยายามมองโลกในแง่ลบให้น้อยที่สุดนะ ไม่เก็บเรื่องต่างๆ มาเป็นความเครียด ท่องเที่ยวบ้างตามฐานะการเงินของเราในช่วงนั้น

“หลักของผมคือ รู้จักพูดคำว่า ‘ขอโทษ’ เวลาที่เราทำอะไรผิด และพูด ‘ขอบคุณ’ กับทุกคนที่เขามาช่วยเราทำอะไรต่างๆ จะช่วยแก้ปัญหาต่างๆ ที่สร้างความเครียดไปได้เยอะเลยครับ”

Praew Recommend

keyboard_arrow_up