ง่ายๆ ชัดเจน รู้เรื่อง! กันต์ กันตถาวร ไม่ต้องพูดเยอะ เพราะนาทีนี้ไม่มีใครฮ็อตเกินแล้ว

เลยเป็นเหตุผลให้หันมาทำพิธีกรใช่ไหมคะ

ผมใฝ่ฝันถึงการเป็นพิธีกรมาตลอด เพราะเป็นสิ่งที่อยากทำตั้งแต่แรกอยู่แล้ว คิดว่าสุดท้ายเราจะจบอยู่ที่การเป็นพิธีกร ณ ช่วงที่มีปัญหากับตัวเองก็เริ่มตกผลึกว่าจริงๆ แล้วต้องเลือกหรือเปล่า ไม่อย่างนั้นชีวิตพัง แล้วกำลังหมดสัญญากับโพลีพลัสพอดี เลยคุยกับผู้ใหญ่ว่าเราอยากทำพิธีกรแล้ว จนได้มีโอกาสมาคุยกับผู้ใหญ่ที่เวิร์คพอยท์ ซึ่งหลายๆ คนก็ไม่เห็นด้วย เพราะทุกคนจะพูดเหมือนกันหมดว่าคนที่เป็นพระเอกไม่ได้เป็นกันง่ายๆ แล้วผมเป็นพระเอกอยู่แล้ว จะลี้หนีไปไหน ทำไมไม่เล่นไปก่อนอีกสัก 4 – 5 ปี หรืออีก 10 ปีแล้วค่อยมาเป็นพิธีกรก็ไม่สายหรอก ซึ่งผมเข้าใจนะ มันไม่สาย แต่มันไม่เร็วไง (หัวเราะ)

ณ ตอนนั้นวงการบันเทิงไทยก็จะถูกกำหนดมาว่าพอวันที่คุณเริ่มตกเป็นตัวสอง เริ่มเป็นเพื่อนของเพื่อนพระเอก จนจบที่เป็นพ่อพระเอก ณ จุดนั้นแหละที่จะต้องผันตัวเองไปทำเบื้องหลังหรือไปทำพิธีกร แต่ผมไม่อยากอยู่ในจุดที่ถูกตัดสินหรือต้องเลือก วันนี้ผมเลือกได้ ผมจะเลือก ก็เหมือนให้เลือกกินกะเพราเนื้อธรรมดากับเนื้อจากออสเตรเลีย ถ้าเลือกได้ คุณจะเลือกกินอะไร คนเราย่อมต้องเลือกสิ่งที่ดีกว่าเสมอ ต่อให้ถูกหรือผิดผมไม่รู้เหมือนกัน แต่ ณ ตอนนั้นผมแค่รู้สึกว่าต้องเลือก แล้วต้องพิสูจน์ว่าทำได้หรือไม่ได้

พอมารับบทบาทพิธีกร เหมือนเริ่มนับศูนย์ใหม่ ต้องปรับจูนอะไรบ้างคะ

จริงๆ ผมพอมีทักษะการเป็นดีเจมาแล้ว บวกกับมีอาจารย์หลายๆ ท่านคอยสอน แค่เราต้องมาปรับใหม่ในเรื่องของวิธีการทำงาน ผมก็เป็น Beginner เราไม่ใช่ Expert อีกต่อไป เลยต้องค่อยๆ ศึกษา ทำโน่นทำนี่ไปเรื่อยๆ ถามทีมงานว่ามีอะไรต้องปรับอีกไหม บอกข้อเสียมาได้เลย ไม่ต้องเกรงใจ เพราะถ้าไม่บอก ผมก็จะไม่เก่ง ก็ปรับกันมาเรื่อยๆ จนเป็นวันนี้ครับ

แล้วคุณปัญญา นิรันดร์กุล ได้บอกหรือให้คำปรึกษาอะไรกันต์บ้างไหมคะ

แกบอกว่าดีแล้ว ให้ฟังเยอะๆ สุดท้ายจริงๆ มันก็เป็นสิ่งที่เรารู้อยู่แล้ว เพียงแต่ว่าจะต้องพัฒนาไปเรื่อยๆ พี่ตายังเรียนรู้เพิ่มเติมอยู่เรื่อยๆ เลย ผมว่าการเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุดหรอก เพียงแต่ว่าเราต้องทำให้มากกว่านี้ เอาคำแนะนำของอาจารย์หลายท่านมาผสมกลมกลืนแล้วปั่นรวมกัน

ภาพ : @kankantathavorn

หลายคนบอกว่าตอนนี้กันต์เป็นลูกรักของเวิร์คพอยท์ไปแล้ว

จะมองอย่างนั้นก็ใช่ เพราะเห็นผลงานออกมาเยอะ แล้วบังเอิญว่า 4 รายการนี้เป็นรายการที่โดนพอดี ทั้งในเรื่องของกระแสการตอบรับ เรตติ้งคนดู กลายเป็นว่า เฮ้ย! รายการนี้ดังก็กันต์เหรอ รายการนี้ก็กันต์อีก อันนี้ก็กันต์อีก มันโดนในจังหวะและเวลาที่ใช่มากกว่า การวางรูปแบบของพิธีกรในแต่ละรายการก็แตกต่างกัน ผมต้องฉีกให้มันชัดเจน ไม่อย่างนั้นคนดูจะรู้สึกว่าซ้ำซาก