เปิดอาณาจักร

เปิดอาณาจักรโอเรียนทัลสไตล์ ศศิวิมล – ดร.กุลเดช สินธวณรงค์ กับพรมเปอร์เซีย มูลค่ากว่า 10 ล้าน!

เปิดอาณาจักร
เปิดอาณาจักร

ดร.กุลเดช สินธวณรงค์

ส่วนฟังก์ชันการใช้งานบนชั้นสองมีห้องนั่งเล่นและห้องทำงาน ตกแต่งสไตล์คอมเทมโพรารีลักชัวรี่ เพื่อให้สมาชิกในบ้านได้พักผ่อน นั่งเล่น นอนเล่น เอกเขนกดูทีวี อ่านหนังสือ มีมินิบาร์เล็กๆ พร้อมด้วยโซนเก็บของสะสมและแก็ดเจ็ตของคุณโป้ หรือถ้าต้องการทำงานเป็นส่วนตัว สามารถปิดบานเฟี้ยมกระจกเงาลอนแก้วได้

เปิดอาณาจักร

เราเดินผ่านทางเดินอีกด้านของตึก เป็นห้องนอนของคุณแจนและคุณโป้ พร้อมด้วยโซนแต่งตัว มีทางเดินเชื่อมออกสู่ระเบียงชั้นสองด้านนอก ตกแต่งด้วยไม้ระแนงและต้นไม้ ดอกไม้ ซึ่งเธอเรียกว่าเป็น SECRET GARDEN สำหรับสมาชิกในบ้านได้นั่งชมพระอาทิตย์ตกชิลๆ โรแมนติกไปอีกแบบ ส่วนชั้นสามเป็นห้องนอนและห้องทำการบ้านของลูกๆ

เปิดอาณาจักร

เปิดอาณาจักร

“ที่แยกห้องนอนลูกอยู่ชั้นสามเพื่อบ้านจะได้ไม่รกมาก การตกแต่งห้องนอนลูกแต่ละคนมาจากการฟังว่าเขาอยากได้อะไร แบบไหน วอลล์เปเปอร์แต่ละห้องจึงไม่เหมือนกัน เราให้เขาเลือกเอง อย่าง ‘น้องยูจิ’ ลูกชายคนโต อายุ 10 ขวบ ชอบวาดรูป ทำโมเดล ห้องเขาจึงรกที่สุด มีความเป็นศิลปินสูง สุขุม ขรึม เรียบร้อยที่สุด แต่ก็มีความทะเล้นตามวัยของเขา ลูกชายคนกลางชื่อ ‘น้องมารุ’ อายุ 7 ขวบครึ่ง เฮี้ยวสุด แต่ก็เรียนเก่งสุด มีความเป็นผู้นำ ชอบแสดงออก ส่วนคนเล็กชื่อ ‘น้องโมริ’ อายุ 5 ขวบ เรียนอนุบาล 1 ยังเป็นเบบี๋ สดใส ร่าเริง ขี้อ้อนตามประสาลูกคนเล็ก”

แม่ก็คือแม่

ครอบครัวนี้แบ่งบทบาทการดูแลลูกชัดเจน คุณแม่ใกล้ชิดลูก ไปส่งที่โรงเรียน คุยกับลูก คอยดูแลอาหารการกิน เรื่องเจ็บไข้ได้ป่วย และกิจกรรมทุกอย่างที่โรงเรียน ส่วนคุณพ่อคอยดูแลห่างๆ อย่างเรื่องผลการเรียน แต่คุณแม่พูดดุ 10 ครั้งไม่มีใครฟัง พอคุณพ่อดุคำเดียว ลูกๆ หยุดฟังกันหมด

“เขาอยากสอนลูกให้มีระเบียบวินัย อดทน ลุย สู้ เขาจึงเป็นนักวางแผนประจำบ้าน โดยจัดแฟมิลี่ทริปเดินทางไปต่างประเทศรวม 3 เจเนอเรชั่น ตั้งแต่คุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยาย พ่อ แม่ ลูก หรือถ้าเป็นช่วงปิดเทอมสั้นๆ เขาจะวางแผนให้ลูกทำกิจกรรมนอกบ้านร่วมกัน เสาร์ – อาทิตย์เรียนดำน้ำ หรือไม่ก็ตีเทนนิส ปีนเขา ล่องเรือ ซึ่งบอกตามตรงว่าถ้าให้แจนทำกิจกรรมเหล่านี้เอง แจนไม่ทำหรอก (หัวเราะ) แต่พอมีลูกผู้ชาย 3 คน เราต้องปรับตัว จากที่ชอบแต่งตัว รักสวยรักงาม หรืออยากอยู่บ้านนอนพักผ่อน ต้องเปลี่ยนมาทำกิจกรรมร่วมกับครอบครัว เพื่อฝึกให้ลูกรู้จักอดทนและเห็นโลกกว้าง

เปิดอาณาจักร

เปิดอาณาจักร

“ข้อดีของการมีลูกชาย 3 คนวัยใกล้กันคือ เขาโตมาด้วยกัน เราสามารถใช้เวลาร่วมกับเขาได้ครบ 3 คน บางครั้งเขาไม่อยากให้เราอยู่ด้วยตลอดเวลา แต่เขาอยากใช้เวลาอยู่ด้วยกันเอง จึงเป็นข้อดีของเราสองคน เวลาไปทำงานต่างประเทศไม่ต้องห่วงลูกมาก เพราะเขาสามารถดูแลกันเองได้ หรือบางครั้งอาจมีคุณปู่คุณย่ามาอยู่เป็นเพื่อนบ้าง”

กฎของบ้านคือ ไม่คุยเรื่องงาน (ที่บ้าน)

“กฎของบ้านเราคือ ไม่คุยเรื่องงานที่บ้าน เพราะทำงานมาทั้งวันแล้ว อยู่บ้านก็อยากคุยกันเรื่องสารทุกข์สุกดิบหรือเรื่องในครอบครัวบ้าง แต่บางครั้งแจนอดไม่ได้ เพราะงานของเราเป็นงานครีเอทีฟ บางทีปิ๊งขึ้นมาแล้วต้องจดและลงมือทำเลย จึงโดนเขาดุตลอดว่า เราคุยกันแล้วไม่ใข่เหรอ” เธอเล่าปนเสียงหัวเราะ พร้อมกับฉีกยิ้ม

“การเป็นสามีภรรยาซึ่งทำงานร่วมกัน บางครั้งอาจคิดเห็นไม่ตรงกันบ้าง แต่ก็เป็นเหมือนการช่วยเติมเต็มซึ่งกันและกันมากกว่า เพราะเราสองคนรับผิดชอบงานคนละด้าน คุณโป้อายุมากกว่าแจน 8 ปี จบวิศวกรรมโยธา มีประสบการณ์ทำงานเป็นที่ปรึกษาโครงการก่อสร้างต่างๆ ส่วนแจนจบสถาปัตย์ ทำงานดีไซเนอร์ จึงเหมือนคนหนึ่งรู้เรื่องก่อสร้าง อีกคนหนึ่งถนัดออกแบบ พอแต่งงานกันแล้วจึงเปิดบริษัทร่วมกัน โดยคุณโป้เป็นซีอีโอ ดูแลทิศทางและการบริหารงาน การจัดการ และการเงิน ส่วนแจนเป็นผู้อำนวยการด้านการออกแบบ

ศศิวิมล สินธวณรงค์

เปิดอาณาจักร

“ถ้าถามว่าใครยอมใคร เขาโตกว่าเรา เราก็ต้องฟังเขาสิคะ (ยิ้ม) แต่บางครั้งเขาก็ฟังเราเหมือนกัน โดยเฉพาะส่วนของงานดีไซน์ เขาให้เราทำไปเลย อย่างการออกแบบบ้านหลังนี้ เขาไม่แตะเลย แค่เขาดูแลจัดการเรื่องการเงิน การบริหารจัดการในบ้าน ปลูกต้นไม้ เลี้ยงสัตว์ และขนกระเป๋าเข้ามาอยู่เลย อย่างตอนนี้บริษัทเตรียมวางแผนเข้าตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งถ้าแจนทำบริษัทนี้คนเดียวคงไม่มีวันนี้ เพราะเราสองคนต่างมีจุดแข็งที่เสริมซึ่งกันและกัน”

“ชีวิต” “งาน” “การท่องเที่ยว” คือสิ่งเดียวกัน

ด้วยวิถีการทำงานของทั้งคู่ ทำให้ทั้งคุณแจนและคุณโป้ต้องเดินทางไปทำงานที่ต่างประเทศร่วมกัน เรียกว่าปีหนึ่งเดินทางด้วยกันมากกว่า 10 ทริป ทั้งคู่จึงรวมการทำงานและการท่องเที่ยวไว้ในทริปเดียวกัน ประมาณว่าทำงานเสร็จ เที่ยวต่อเลย

“เราสองคนทำงานหนักมาตลอด โดยเฉพาะตัวแจนเองเรียนจบปริญญาตรีแล้วทำงานเลย จนถึงเดี๋ยวนี้ยังไม่เคยหยุดคิดเลย ตอนนี้แจนดูแลทุกบริษัท ซึ่งต้องถือว่าประสบความสำเร็จค่อนข้างเร็วกว่าเพื่อนวัยเดียวกัน เวลาพาลูกไปส่งโรงเรียนมักเจอพ่อแม่ที่เป็นผู้ใหญ่กว่าเราทั้งนั้น แต่สิ่งสำคัญคือ แจนมองว่าเราต้องบาลานซ์ชีวิตให้ได้ อย่างชีวิตประจำวันของเราส่วนใหญ่ยุ่งเรื่องงานและลูก เวลาไปทำงานต่างประเทศก็จะรู้กันว่าทำงานเสร็จแล้วเที่ยวต่อ เราชอบเที่ยวเมืองเล็กๆ ที่มีวัฒนธรรม มีตรอกซอกซอยให้เดินเล่น หรือไม่ก็ล่องเรือไปที่ที่ไม่ค่อยมีคนไป เลือกทำกิจกรรมที่ไม่ซ้ำกัน ก่อนปิดท้ายทริปด้วยการช็อปปิ้ง (หัวเราะ)

ภาพวาดจากเมืองฟลอเรนซ์ แก้วมูราโน่จากเวนิส รูปปั้นม้าทองเหลือง

“ทริปที่ประทับใจที่สุดคือ ได้เดินดูสถาปัตยกรรม มิวเซียม ที่เมืองบาร์เซโลนา ประเทศสเปน อาหารอร่อย ช็อปปิ้งก็ดีมาก ทั้งที่ตอนแรกเกือบไม่ได้เที่ยวเมืองนี้แล้ว เพราะคุณโป้เคยมีประสบการณ์ไม่ดีที่เมืองนี้ เคยแบ็กแพ็คไปกับเพื่อนสองคนแล้วถูกตีศีรษะจนสลบ ถูกโจรขโมยเป้ไปทั้งคู่ ทำให้ต้องนอนอยู่สถานทูต 2 อาทิตย์ เพราะไม่มีเงินเหลือติดตัวสักบาท ไม่ได้เห็นประเทศสเปนเลยสักนิดก็ต้องกลับเมืองไทย พอแจนชวนเขาไปสเปนอีกรอบ เขายังรู้สึกว่าเป็นฝันร้าย จนเมื่อ 3 ปีที่แล้วถึงยอมมาทริปนี้ ที่ทำให้เขาบอกเราว่าสเปนเปลี่ยนโลกความคิดของเขาจากอดีตไปเลย เพราะเขาเองก็ประทับใจสเปนมากเช่นกัน”

ทุกครั้งของการเดินทางของทั้งคู่จึงมักมีของที่ระลึกจากการเดินทางติดมือกลับบ้านทุกครั้ง ซึ่งถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นมีเงินนับสิบล้านบาท บางคนคงซื้อนาฬิกา เครื่องเสียง รถยนต์ หรือแก็ดเจ็ตเก๋ๆ แต่คุณโป้กลับใช้เงินจำนวนนี้เลือกซื้อพรมเปอร์เซียกว่า 10 ผืนมาเก็บรักษาในฐานะของสะสมและเป็นงานศิลปะตกแต่งบ้าน แต่ละผืนล้วนมีประวัติน่าสนใจที่มิอาจประเมินค่าได้ ยิ่งเก่ายิ่งราคาสูง ขายได้กำไรทุกผืน เพราะเป็นงานที่ประเมินค่าไม่ได้ ซึ่งถ้ารวมมูลค่าพรมทุกผืนที่มีในบ้านนี้ก็ประมาณ 10,000,000 บาทขึ้นไป นอกจากนี้ตามมุมต่างๆ ในบ้านยังมีของตกแต่งชิ้นอื่นที่ล้วนบรรจุเรื่องราว วันเวลาร่วมกันของเขาและเธอ

เห็นทีไรก็ทำให้หวนนึกถึงความรัก ความทรงจำ และความสุขที่ “เขา” และ “เธอ” มีร่วมกัน


เรื่อง : ๙ ลมหายใจ

ภาพ : อิทธิศักดิ์, กฤตธี

สไตลิสต์ : RHOY

แต่งหน้า : นรายุทธ ศรีมงคล

ทำผม : ภัทรา เลขวิศิษฎ์

Praew Recommend

keyboard_arrow_up