“ผมมีแค่สาวเดียว” คุยแมนๆแบบ ‘ป๊อก ภัสสรกรณ์ จิราธิวัฒน์’ หล่อ รวย รักจริง!

ท่าทางก็สนุกกับงานที่บางกอกโพสต์ อยู่ดีๆ ทำไมถึงออก

ป๊อก : ผมมีอีกสิ่งนึงที่ชอบ และอยู่กับมันมาตั้งแต่เด็กก็คือดนตรี และศิลปะ ตอนนั้นรู้สึกว่าไม่อยากเรียนอย่างอื่นเลยด้วยซ้ำ แต่ที่จบเศรษฐศาสตร์นี่เพื่อพ่อเลยครับ เพราะเข้าใจว่ายังไงเราต้องเอาความรู้ตรงนี้มาใช้กับการสานต่องานที่บ้าน แต่วิชารองผมก็ยังเรียนดนตรีได้ ทำเพลง แต่งเพลงโพสลงยูทูปไปด้วย จนกระทั่งไปถึงหูของพวกพี่ๆ ไทเทเนียม มันเลยเริ่มจริงจังขึ้น วันนึงเลยคิดว่าออกจากงานก่อนดีกว่า จะได้มีเวลาทำในสิ่งที่เราชอบ เพราะตอนนั้นผมก็มีแพลนที่จะทำธุรกิจของตัวเองด้วย แต่การจะออกมาทำอะไรเองก็ต้องมีเหตุผลที่ดีพอด้วย ผมเลยบอกพ่อว่าจะเรียนต่อโทเป็นข้ออ้าง เพราะตอนแรกได้ยินมาว่าเรียนที่ศศินทร์ จุฬาฯ ไม่ได้หนักมาก จะได้มีเวลาออกมาทำในสิ่งที่ชอบก่อน แต่พอเอาเข้าจริงๆ ไม่ใช่อย่างที่คิดเลยครับ (หัวเราะ) ทำงานที่บริษัทเผลอๆ ยังมีเวลามากกว่านี้อีก

ธุรกิจที่ทำเห็นว่ามีทั้งร้านเสื้อผ้า และเครื่องดื่ม

ป๊อก : ใช่ครับ ผมทำธุรกิจหลายอย่าง ทั้งเปิดร้านเสื้อผ้าที่ออกแบบเองร้านอยู่ที่สยามครับ เป็นสไตล์ที่ผมใส่ และธุรกิจน้ำดื่ม Energy Drink ผมทำกับเพื่อนที่เรียนจบมาจากบอสตันช่วงเริ่มต้นมันยากมากกก…(ทำหน้าตา จริงจัง) ผมทำกันเองหมดทุกอย่างเลยทั้งแพ็คของ ออกบูธ ไปขายในร้านท็อปส์ ขนาดอาร์ตเวิร์คก็เป็นคนช่วยทำ เพราะพนักงานมี 2 คน ที่เหลือคือเพื่อนที่เป็นหุ้นส่วนกัน (หัวเราะ) เหนื่อยมากครับ แต่ก็คุ้ม เพราะได้เรียนรู้ทุกอย่างจริงๆ ผมคิดว่านี่แหละคือสิ่งที่ทำให้ผมได้เรียนรู้เก็บประสบการณ์ คือถ้าผมโกยความรู้จากตรงนี้ได้มากที่สุด วันนึงที่ผมต้องกลับไปทำงานให้ที่บ้านจะได้มีวิชาเยอะขึ้นให้กับตัวเอง ส่วนเรื่องเรียนโทก่อนหน้านี้หนักมากเหมือนกัน ทำหลายอย่างมันเลยดูเยอะ แต่ผมสู้นะ นี่ก็เหลืออีกแค่ตัวเดียวเดือนหน้าก็จบแล้ว (ยิ้ม)


จัดสรรเวลาให้ตัวเองยังไง ทำงานเยอะขนาดนี้

ป๊อก : ผมจะเอาเรื่องเรียนเป็นหลักก่อนเพราะมันแก้อะไรไม่ได้ ต้องล็อคตารางไว้ตายตัวเลย แล้วค่อยเอางานอย่างอื่นมาเติมเต็มให้มันลงตัวที่สุด ก็เหนื่อยครับ เสาร์- อาทติย์ก็ไม่ได้พัก สมมติเรียนบ่ายโมง เลิกสี่โมงครึ่ง ผมก็เข้าออฟฟิศตัวเองต่อ แต่วันเสาร์-อาทิตย์นี่แหละ ที่ผมจะเผื่อเวลาเอาไว้ไปทานข้าวกับพ่อแม่ด้วย และผมก็ติดออกกำลังกายอีก อย่างน้อยๆ ชั่วโมง-ชั่วโมงครึ่งก็ต้องมีไปบ้าง ทำแบบนี้เป็นประจำอยู่แล้ว แต่ 2-3เดือนมานี้ไปทำงานไปเที่ยวด้วยแล้วกินเต็มที่เลย จนต้องกลับมาออกกำลังกายให้มากขึ้น เพราะตอนนี้น้ำหนักมันขึ้นมา 5 โลแล้วครับ (หัวเราะ)

ตัวป๊อกเองจริงๆ แล้วไม่มีอะไรที่ขาดเลย แบบนี้เคยมีเรื่องอะไรที่ตัวเองผิดหวังบ้างไหม

ป๊อก : ทุกอย่างมีเหมือนคนปกติครับ ไม่มีอะไรเป็นพิเศษกว่าคนอื่น ทำงานผิดก็คือผิด เหมือนทุกคนที่ทำ เราก็มีเซ็งบ้าง แต่มันก็เป็นประสบการณ์ ตั้งแต่เด็ก เวลาเจอปัญหา คุณพ่อจะบอกเสมอว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นมาเพื่อการเจอสิ่งที่ดีกว่า จะล้มเหลวเศร้าโศกแค่ไหนสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้มันจะทำให้เราแข็งแรง และเราจะได้เรียนรู้ว่าวันหน้าจะไม่ล้มตรงที่เดิมอีกแล้ว ทุกวันนี้สิ่งที่ผมทำอยู่ คุณพ่ออาจจะยังมีคำถามว่าที่ทำไปมันคุ้มไหม ผมก็อยากจะบอกเลยว่ามันคุ้มนะครับ เพราะสิ่งที่ผมได้มาทุกวันนี้คือมันไม่ใช่แค่เงินทองอะไร แต่มันคือประสบการณ์ที่ผมอยากโกยให้ได้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ ตอนนี้อายุยังไม่มากยังมีแรงทำอยู่ก็ต้องทำ จะได้ไม่มาคิดเสียดายทีหลัง สุดท้ายผลจะเป็นยังไง มีอะไรผมทำหมดครับ อย่างเรื่องการเป็นนักร้องผมก็ไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าจะเข้ามา แต่ในเมื่อมันเป็นโอกาส ผมคิดว่าจะไม่ปฏิเสธอะไรดีกว่า เพราะถ้าผมไม่ทำ ก็จะตอบตัวเองไม่ได้ว่าเรารู้สึกยังไงกับมัน

“ผมอาจจะเป็นคนที่ไม่เชื่อ หรือตัดสินอะไรง่ายๆ ดื้อเหมือนกันครับ ฟังนะ แต่ไม่เชื่อ ขอเจอด้วยตัวเองก่อน”


ยอมรับว่าตัวเองดื้อแบบนี้เคยมีวีรกรรมอะไรบ้างไหม

ป๊อก : ไม่ค่อยมีอะไรครับ เห็นผมลุคแบบนี้แต่คุณพ่อคุณแม่อยากให้ทำอะไร ก็ทำให้ได้หมดครับ เรื่องเรียนอยากให้เลือกเศรษฐศาสตร์ผมก็เรียนให้เกรดออกมาดีที่สุด คือจะไม่ค่อยมีปัญหาเพราะผมกับพ่อจะคุยคนละครึ่งทางประนีประนอมกันด้วย เหตุผลมากกว่า

แต่คนภายนอกมองว่าป๊อกดูเป็นลุคผู้ชายแบดบอย แถมสื่อยังให้ฉายาว่าเป็นหนุ่มไฮโซเนื้อหอมด้วย รู้สึกยังไงบ้าง

ป๊อก : อืม… อย่าพูดว่าผมเป็นไฮโซเลยครับผมเกลียดคำนี้มาก และเรื่องข่าวก็เพิ่งมามีตอนนี้นะครับ ถ้าช่วงก่อนก็สมัยผมยังเด็กๆ เลยนะ แวบเดียวผมก็หายไปเลย ส่วนเรื่องที่ใครจะมองผมยังไงผมเฉยๆ นะ เพราะเราห้ามความคิดใครไม่ได้อยู่แล้ว เขามองเราแบบนี้ ยังไงเขาก็มองเราแบบนี้อยู่ดี คนที่ได้เจอคลุกคลีกับผมจริงๆ จะรู้ว่าผมเป็นแบบไหน ความจริงก็จะรู้กันเอง ไม่ต้องไปเปลี่ยนความคิดอะไรของเขาหรอกครับ จริงๆ ผมเป็นคนง่ายๆ ขึ้นเรือคลองแสนแสบ นั่งรถเมล์ ผมก็ไป อาจจะเพราะพ่อสอนให้ผมเป็นแบบนี้ บวกกับผมไปใช้ชีวิตอยู่เมืองนอกด้วยตัวเองแต่เด็กด้วย เพราะต้องทำอะไรทุกอย่าง ชีวิตผมเลยไม่ยุ่งยากอะไรก็ได้ครับ

ช่วงนี้พอมีข่าวกับสาวๆ รู้สึกชีวิตเปลี่ยนไปเยอะไหม เพราะคนก็จับตามองเรามากขึ้นด้วย

ป๊อก : โห..กระแสข่าวล่าสุดผมมีสาวเดียวนะครับ ไม่ใช่สาวๆ (ยิ้ม)

รู้สึกยังไงบ้างที่ช่วงแรกๆ มีข่าวว่าเราคุยกัน แฟนคลับของน้องเขาไม่ชอบเรา

ป๊อก : ก็ไม่ไงครับ คนคิดว่าเราเป็นแบบนั้น แบบนี้ บอกว่าดูสิเป็นลูกคนนั้นคนนี้ ก็เห็นแค่นั้น เลยคิดแบบนั้นเป็นเรื่องปกติครับ เฉยๆ แต่ตอนนี้ก็ไม่มีอะไรครับ ทุกอย่างโอเคดี

สื่อถามมาเยอะแล้วว่าตอนนี้คบกันในฐานะอะไร ยังเป็นคำตอบเดิมอยู่ไหม หรือเรียกแฟนได้แล้ว

ป๊อก : ก็สนิทที่สุด มีความสุขดีครับ (หน้าตามีเขินนิดๆ)

เห็นว่ารู้จักกันมานานแล้ว จริงๆ ปิ๊งเขาตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอเลยหรือเปล่า

ป๊อก : ใช่ครับ แม่ของเราสองคนรู้จักกัน เลยเคยเจอกินข้าวกันมาตั้งนานแล้ว แต่ไม่ได้สนิท สมัยนั้นที่เจอกันไม่ค่อยชอบขี้หน้ากันด้วยซ้ำ เขาเห็นผมก็คิดเหมือนที่คนอื่นคิดนี่แหละว่าผมนี่แบบนะ เราเองก็อืม.. พวกดาราอะไรแบบนี้…แต่พอมันได้มาเจอสนิทมากขึ้นก็รู้ว่าแต่ละคนตัวตนเป็น ยังไง เลยสนิทกันมากขึ้นเป็นธรรมดาครับ และทุกอย่างก็เป็นธรรมชาติดี

คิดว่าน้องเขามีอะไรถึงทำให้เราประทับใจ และไปกับเราได้

ป๊อก : เขาขยันมากครับ ไม่เคยเกี่ยงงานเหมือนกับผม และก็เป็นคนที่ติดดินเหมือนกัน ผมเองเวลาจะไปกินอาหาร ผมอาจจะกินที่โรงแรมหรือข้างถนนก็ได้ เขาเองก็ได้ด้วย มันเลยมีไลฟ์สไตล์เหมือนกัน ทำอะไรได้ทุกอย่าง

“ที่สำคัญเขาเป็นคนจิตใจดี เป็นคนดีคนนึงเลยแหละ”

ทางคุณแม่น่าจะเคยเจอแล้ว คุณพ่อล่ะเคยเจอน้องเขาหรือยัง

ป๊อก : เจอแล้วครับ ทุกอย่างโอเค แฮปปี้ ปกติดีครับ

ตอนนี้อายุ 28 วางแผนอนาคตหรือยังว่าอยากจะแต่งงานเมื่อไหร่

ป๊อก : อยากมีนะครับ เพราะพ่อแม่ผมอายุเริ่มเยอะแล้ว และผมเรียนจบ ทำงานทุกอย่างให้ที่บ้านเห็นหมดแล้ว เหลือครอบครัวของเราเอง ก็อยากมีหลานให้พ่อแม่เล่นแก้เหงา คงเป็นภารกิจสุดท้ายครับ กะว่าซัก 30 ต้นๆ ก็น่าจะอยากมีแล้วครับ จริงๆ คิดไว้แต่เด็กแล้วตอนนี้มันใกล้ตัวมากขึ้น ก็รู้สึกแปลกๆ เหมือนกันครับ (ยิ้ม)

แล้วเรื่องงานมีแพลนอะไรอีกไหม เพราะวันนึงก็ต้องกลับไปสานต่อธุรกิจที่บ้าน

ป๊อก : เรื่องนี้ถือเป็นอิชชู่ระหว่างผมกับคุณพ่อเลย (หัวเราะ) เขากลัวมากว่าผมจะสนุกกับงานตัวเองจนอยู่ได้ แล้วไม่กลับไป แต่อย่างที่บอกเราเจอคนละครึ่งทางครับ ฝั่งคุณพ่ออยากให้ทำอะไรผมก็จะทำให้ได้ แต่ถ้าผมอยากทำอะไรก็ต้องให้ผมทำเหมือนกัน เรื่องที่จะกลับไปทำงานให้พ่อ ยังไงก็ต้องกลับอยู่แล้วครับ มันเป็นหน้าที่ของผมที่ต้องตอบแทนพ่อที่ทำให้ผมมีทุกวันนี้อยู่แล้ว แต่ขอเวลาตรงนี้อีกนิดนึงอายุไม่เกิน 30 ผมก็คงกลับไป แต่สิ่งที่ผมทำอยู่ตอนนี้วันข้างหน้าถ้ามันยังโอเค ก็จะทำคู่กันไปด้วย อันไหนใช่ไม่ใช่มันจะค่อยๆ ตัดออกจนเหลือสิ่งที่ใช่ที่สุดเอง และมันก็จะมีส่วนที่เหลือสำหรับให้ผมได้มีไว้ในอนาคตข้างหน้าที่จะต้องเข้า ไปทำงานกับที่บ้านมากขึ้น

ส่วนเรื่องจะไปทำอะไร เอาเป็นว่าผมจะเลือกสิ่งที่ใกล้เคียงกับตัวเองที่สุด ซึ่งก็คงเป็นโรงแรม กับสื่อ เพราะตั้งแต่เกิดผมไม่เคยอยู่บ้านเลย พ่อพาเข้าโรงแรมตลอด และซึมซับทุกวันถึงจะไม่ได้เรียนจบด้านโรงแรมมา แต่มันรู้เหมือนกันว่าอะไรเป็นยังไงจากประสบการณ์ที่พ่อให้ เลยคิดว่าน่าจะใกล้ตัว แต่บางกอกโพสต์ คือเราเคยไปทำมาแล้ว ก็คุ้นเคยกับทุกคนที่นั่นดี ก็เดี๋ยวลองดูครับว่าจะไปที่ไหน

ทุกอย่างที่เป็นป๊อกในวันนี้ มีใครเป็นต้นแบบไหม

ป๊อก : คุณพ่อนี่คือที่สุดแล้วครับ ทุกวันนี้ผมยังเห็นเขาทำงานทุกวัน สมองคิดแต่งาน

การเป็นลูกคนดังนอกจากเราเห็นความเก่งของพ่อแม่แล้ว มีเรื่องอะไรไหมที่เรารู้สึกห่วงเป็นพิเศษหรือเปล่า

ป๊อก : คุณพ่อทำงานหนักมากครับ ไม่ค่อยมีเวลาว่างหรือไปเที่ยวไหนและแทบจะไม่ใช้ตังเลย เป็นเรื่องแปลกมาก บางทีผมรู้ว่าเขาอยากได้รถที่เขาชอบ บอกให้ซื้อยังไม่ซื้อเลยครับ คืออายุขนาดนี้แล้วอยากให้เขาได้ใช้เงินซื้อความสุขบ้าง แต่เขาก็บอกใช้ทำไมฟุ่มเฟือย เก็บไว้ให้เราให้ลูกหลานได้มีความสุขดีกว่า ผมก็งงๆ กับเขาเหมือนกันนะ เพราะเขาทำงานหนักขนาดนี้ มันถึงเวลาที่เขาควรจะสปอยส์ตัวเองใช้ชีวิตให้มีความสุข เขาควรจะมีเวลาให้ตัวเองมากขึ้น ให้คนใหม่ๆ ลูกหลานไปปวดหัวกับงานแทนดีกว่า เขาปวดหัวมาเยอะแล้ว ควรจะหาความสุขให้ตัวเอง คิดดูนะครับเสื้อผ้าก็ใส่เดิมๆ ถ้าถอดเสื้อออกมานี่ ขาดเป็นรูหมดแล้วนะครับ กางเกงก็ชุนแล้วชุนอีก ส่วนแม่ก็ไม่ใช้ตังเหมือนกัน

ตัวตนจริงๆ กับภาพลักษณ์ภายนอกของหนุ่มคนนี้ แม้ว่าจะดูขัดแย้งกันไปบ้าง แต่เชื่อว่าถ้าใครได้อ่านเรื่องของเขาจนจบบรรทัดสุดท้าย จะไม่แปลกใจเลยว่าทำไม ผู้ชายคนนี้ถึงสามารถกุมหัวใจสาวสวยอย่างมาร์กี้ได้…

เรื่อง : SRIPLOI
ภาพ : วาระ สุทธิวรรณ
สถานที่ : โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์

บทความนี้ถือเป็นทรัพย์สินของเว็บไซต์แพรว ห้ามผู้ใดนำไปคัดลอก ดัดแปลง หรือทำซ้ำ อนุญาตให้แชร์บทความนี้ได้จากลิ้งค์นี้เท่านั้น

Praew Recommend

keyboard_arrow_up