มาดามรถถัง‘นพรัตน์’ที่สุดของแม่สายสตรอง และมุมที่คาดไม่ถึง! …ลูกชายคนเล็ก‘กฤต’คอนเฟิร์ม!

มาดามรถถัง’นพรัตน์’ที่สุดของแม่สายสตรอง! …งานนี้ลูกชายคนเล็ก‘กฤต’คอนเฟิร์ม ที่ผ่านมาเห็นแต่เรื่องงานของนักธุรกิจหญิงแกร่งที่ขึ้นชื่อว่าเป็นมาดามรถ ถัง ‘’ในโลกโซเซียล แต่อีกพาร์ทหนึ่งก็เป็นคุณแม่ที่ทั้งสตรองและมีความมุ้งมิ้ง ลองไปทำความรู้จัก2แม่ลูกคู่นี้แล้วจะรู้เลยว่าบ้านนี้อบอุ่นม๊ากก

“ลูกกฤตชอบบู๊มาตั้งแต่เด็ก พอโตขึ้นมาหน่อยจึงส่งไปเรียนเทควันโด จนได้แข่งหลายรายการ สุดท้ายได้ไปแข่งชิงแชมป์ประเทศไทยตอนอายุ11ขวบ เราก็ตามไปดู ปรากฏว่าเพื่อนของเขาขึ้นแข่งแล้วโดนเตะจนกรามเบี้ยว ต้องส่งเข้าโรงพยาบาล เหลือลูกเราที่ได้เข้ารอบชิงเหรียญทอง ดิฉันถึงกับนั่งไม่ติด ต้องออกเซอร์เวย์ว่ารอบชิงแชมป์ลูกต้องแข่งกับใคร พบว่าคู่แข่งเป็นเด็กอยู่ในค่ายมวยมาตลอด กล้ามเขาเป็นมัดๆ เตะทีพั่บๆโอ๊ย จะเป็นลม จึงรีบไปต่อรองกับกรรมการว่าไม่อยากให้ลูกแข่งสุดท้ายอ้างว่าลูกสายตาสั้น ลืมเอาแว่นมา แข่งไม่ได้ แล้วจัดแจงเซ็น รับรองเสร็จสรรพ(หัวเราะ)กรรมการก็งงๆ เพราะก่อนหน้านั้นก็เห็นแข่งมาได้ แต่เราไม่ยอม เขาจึงปรับลูกเราตกไป”

กฤตส่ายหน้าช้าๆแล้วเล่าต่อ “พอรู้ว่าไม่ได้แข่งเท่านั้นแหละ ร้องไห้เลย โกรธมาก ทําไมในวงการขี้โกงกันอย่างนี้ ไม่รู้เลยว่าเป็นฝีมือคุณแม่ ตอนนั้นท่านปลอบผมว่าผมอาจยังไม่เข้าใจ แต่เดี๋ยวโตขึ้นจะเข้าใจเอง ซึ่งผมเพิ่งมารู้ความจริงเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี่เอง”(หัวเราะ)

111ความหล่อเข้าตา จนได้เข้ามาชิมลางงานในวงการบันเทิง

“โอ๊ย…อย่า พูดถึงเรื่องนี้เลยครับ ลืมๆไปเถอะ คือผมอยู่ในวงการแค่แป๊บเดียว รู้สึกว่างานการแสดงไม่เหมาะกับเราจริงๆ เหมือนไม่มีหัวทางนี้เลย ตอนนั้นรู้สึกจะช่วงมัธยม3-4 งานแรกเป็นโฆษณา ผมเป็นตัวประกอบออกมายิ้มแค่ช็อตเดียวแว้บเดียว แต่ล่อไป20เทค จนผู้กํากับบอกว่าไม่ต้องยิ้มแล้ว ถ่ายเลยก็ได้ หลังจากนั้นมีโฆษณาอีกนิดหน่อย เช่นแฟนต้า สเวนเซ่นส์ นีเวีย แล้วก็มีหนังเรื่องยุวชนทหารของแกรมมี่ฟิล์ม รับบทเป็น‘วัฒนา’ หลังจากนั้นก็เลิกไป ด้วยความที่ทางบ้านไม่สนับสนุนด้วย เขาอยากให้มีคนมารับช่วงธุรกิจต่อ”

คุณแม่นักจด

เรื่อง กุ๊กกิ๊กฉบับแม่-ลูกเมื่อเปิดประเด็นให้คุณลูกเมาท์คุณแม่บ้าง กฤตเล่าว่า “ความน่ารักของคุณแม่คือ ท่านชอบเขียนชอบจดทุกอย่างเกี่ยวกับลูกลงสมุดแล้วเก็บไว้ตามซอกนั้นซอกนี้ ทั่วบ้าน ขนาดปฏิทินยังเขียนเลยครับ ที่ประทับใจมากคือครั้งหนึ่งผมไปเห็นรูปตัวเองตอนเล่นกีฬาสีที่โรงเรียนแปะ อยู่หน้าตู้เย็นแล้วคุณแม่เขียนคําบรรยายใต้ภาพไว้ว่าวันนี้ลูกกฤตทําอะไร บ้าง ผมจึงรู้สึกว่าแม้แต่สิ่งเล็กๆที่ลูกทําก็เป็นความภาคภูมิใจของคุณพ่อคุณแม่ นะ

คุณนพรัตน์อธิบายให้ฟังว่า “คือเราชอบเขียนหนังสือ จึงจดทุกอย่างเกี่ยวกับลูกไว้หมด ตั้งแต่วันที่เขาเกิด เดินวันแรกพูดวันแรก ไปไหนกับใครก็เขียนหมด ถามว่าจดทําไม เวลาก็ไม่ค่อยจะมี

เพราะว่าเวลาที่เรารักใครสักคนหนึ่ง เราไม่ต้องการลืมสิ่งสําคัญเกี่ยวกับเขาจึงบันทึกไว้หมด”(ยิ้ม)

เซียนเรื่องศาสตร์โหงวเฮ้ง ถึงขั้นเคยเขียนตำรามาแล้ว

ว่า กันว่ามีลูกชายหล่อแม่มักจะหวง ยังไม่ทันถามว่าจริงหรือไม่คุณกฤตกลับชิงถามคุณแม่ก่อน “หวงไหมจ๊ะ” คุณนพรัตน์ตอบด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ไม่หวงนะ คติเราคือ love you, love your dog.ถ้าเขารักใคร เราก็รักด้วย”

งานนี้คุณลูกค้อนขวับ “ไม่จริง ผมพาใครมาแนะนําให้รู้จักทีไรไม่เห็นมาดามชอบสักที(หัวเราะ)”

เรื่อง นี้คุณแม่ขอเคลียร์ต่อ “คือดิฉันมีความรู้เรื่องศาสตร์โหงวเฮ้งอยู่พอสมควร ตําราก็เคยเขียนมาแล้วค่อนข้างดูคนออก จึงเตือนๆเขาบ้าง แต่เขาไม่ฟังหรอก ก็งอนๆกันไป แต่สิ่งสําคัญที่เราเน้นย้ําคือ คนจะเป็นคู่กันต้องเข้าใจและจริงใจต่อกัน จึงจะช่วยเหลือและดูแลกันได้ จะรวยจะจนก็ไม่มีปัญหา แต่สุดท้ายก็แล้วแต่วาสนาของเขา (หัวเราะ)แต่นอกเหนือจากเรื่องนี้เราก็ไม่ห่วงอะไรแล้วนะ เพราะเขามีความรู้ความสามารถ พูดจาก็ดี รู้จักเลือกว่าอะไรควร ไม่ควร รู้ว่าหน้าที่และความรับผิดชอบคืออะไร ต่อไปก็น่าจะรับช่วงธุรกิจได้ แค่นี้แม่ก็พอใจแล้ว”

เรื่อง/ภาพ :นิตยสารแพรว

 

Praew Recommend

keyboard_arrow_up