ราว 4 ปีก่อน การได้เป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกของเลสเตอร์ซิตี้ ซึ่งสามารถพลิกประวัติศาสตร์ครั้งแรกนับแต่ก่อตั้งสโมสรมา 132 ปี ทำให้ วิชัย ศรีวัฒนประภา ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ผู้ดำรงประธานสโมสร เลสเตอร์ ซิตี้ กลายเป็นบุคคลที่ถูกพูดถึงและได้รับความสนใจจากทั้งสื่อไทยและอังกฤษขึ้นมาในพริบตา
แพรวมีคำสัมภาษณ์จากปาก “ท่านประธาน” วิชัย ศรีวัฒนประภา ถึงเบื้องหลังกว่าจะเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกของเลสเตอร์ซิตี้ บอกเลยว่ารู้แล้วทึ่งมาก
เลสเตอร์ซิตี้ ความท้าทายนี้ต้องทุ่มสุดตัว
ครั้งหนึ่งคุณวิชัยเคยพูดถึงการทำทีมฟุตบอลว่า “ทําฟุตบอลเมคมันนี่ยาก มีแต่เสียเงิน แต่ผมไม่ได้ตั้งใจจะทําฟุตบอลเป็นธุรกิจอยู่แล้ว ที่ทําเพราะอยากให้คนรู้จักประเทศของเรามากขึ้น เพราะฟุตบอลเป็นกีฬาที่คนทั้งโลกชอบและคนไทยก็ชอบ ตอนแรกผมอยากซื้อทีมในลอนดอน ในตอนนั้นชอบทีมเชลซี ไม่ถึงกับเป็นทีมในดวงใจ แต่แค่เห็นวิธีการเตะของทีมเขาแล้วรู้สึกว่าเป็นทีมที่น่าสนใจทีมหนึ่งแต่เช็คราคาไปแล้วสูงมาก กับคิดอีกทีรู้สึกไม่ค่อยจะท้าทายสักเท่าไร ที่สำคัญคือถ้าซื้อมาทําตกชั้น อาจโดนแฟนๆ เขาต่อว่าได้ ขณะที่ถ้าอยู่ในลีกรองลงมาอย่างแชมเปี้ยนชิปถ้าทําให้สูงขึ้นไปได้ หนึ่ง ราคาไม่แพง สอง คนก็จะมีความสุข
“บังเอิญมีคนบอกว่าทีมเลสเตอร์ซิตี้อยากขาย บอกมาวันเสาร์ รุ่งขึ้นผมไปดูเลย เจอเจ้าของ มร.มิลาน มันดาริชบอกราคามา 20 ล้านปอนด์ ผมตกลงวันนั้นเลย จากนั้นภายใน 7 วันเซ็นสัญญา เป็นอะไรที่ได้มาง่ายมาก ตอนหลังเมื่อมาตรวจสอบเอกสารโดยละเอียดจึงเจอเรื่องที่ซ่อนอยู่หลายเรื่องมาก เช่น สนามเขาเอาไปจํานองไว้กับกองทุน หรือสัญญาเช่าร้านค้าที่เซ็นเช่าไประยะยาวแล้ว แต่เงินไม่ถึงเรา สรุปผมต้องจ่ายเงินใช้หนี้มากกว่าเงินที่ซื้อสนามอีก แต่ไม่เป็นไรถือว่าเราตกลงไปแล้ว ที่สําคัญผมมั่นใจว่าน่าจะทําให้ดีขึ้นได้”
ความมั่นใจ คำนี้มีพลังสูงส่ง เพราะวันนี้ นาทีนี้ สิ่งที่ทุกคนประจักษ์คือเขาทำสำเร็จสมวาจาที่ลั่นไว้ แถมยังทำได้ดีมากกว่าดีขึ้น ด้วยการก้าวขึ้นคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก สร้างความภาคภูมิใจให้กับคนไทยที่รู้ว่าทีมอังกฤษทีมนี้มีคนไทยเป็นเจ้าของ
แต่นอกจากการปั้นทีมจนคว้าชัยแล้ว คุณวิชัยยังมีความมุ่งหวังแรงกล้าอีกอย่าง นั่นคือการปั้นนักเตะไทยเพื่อไปบอลโลก
“ผมต้องการสร้างอะคาเดมีขึ้นมา จากนั้นปั้นเด็กให้เก่งๆ เพื่อขายเด็ก 300-400 คน ถ้าปีหนึ่งขายได้ 5-6 คนก็คัฟเวอร์แล้ว แต่กว่าจะถึงวันนั้นคงต้องใช้เวลาเป็นสิบปี แต่เรื่องรายได้ไม่ใช่เป้าหลัก เป้าของผมคืออยากให้นักเตะเยาวชนไทยมีโอกาสมาเล่นในยุโรป วันนี้ต้องบอกว่านักเตะไทยยังไม่มีโอกาสนั้นจริงๆ ซึ่งมาจากกฎหมาย และข้อจํากัดที่มีมากมาย กฎข้อหนึ่งคือถ้าไม่ติดอันดับโลก 1ใน 10 เขาจะไม่ให้เด็กประเทศนั้นมาเล่นเป็นมืออาชีพในลีก ความจริงเป็นอย่างนั้น แต่คนไทยเราไม่ค่อยเข้าใจ คิดว่าถ้าเตะดีก็สามารถจะไปได้ ความจริงไม่ใช่ ผมจึงคิดว่าน่าจะใช้เวลาทําให้ฐานทีมฟุตบอลของเราแข็งเสียก่อน ระหว่างนี้ผมก็คัดเด็กไทยสัก 1-5 คนต่อปี ส่งมาอยู่ในอะคาเดมีของเรา ปั้นมันทุกตําแหน่งเลย คนไหนมีความสามารถจริง เราก็จะให้เขาเล่น เพราะเราได้ศึกษาเรื่องกฎหมายทั้งหมดแล้วว่าถ้าเขามาเป็นนักเรียนอะคาเดมีตั้งแต่เด็กและอยู่เกินสองปี เขาก็จะเหมือนมีเรซิเด้นท์วีซ่า และมีโอกาสเล่นอาชีพในลีก ถึงตอนนั้นก็อยู่ที่ความสามารถของเด็กล้วนๆ แล้ว
ทุ่มงบไม่อั้นเพื่อคุณภาพของนักเตะในทีม
ในวงการฟุตบอลมักมีข่าวซื้อขายนักฟุตบอลเป็นว่าเล่น โดยเฉพาะทีมที่มีตำแหน่งแชมป์เป็นแบ็คอัพ ชื่อเสียงยิ่งหอมหวลชวนให้เป็นที่หมายตามากขึ้น กับเรื่องนี้คุณวิชัยมีมุมมองน่าคิดมากว่า “คนมักมองว่าการซื้อขายนักเตะเป็นเรื่องธรรมดาของวงการนี้ ผมไม่เถียง สมมุติมีทีมดังๆ เช่นแมนยูฯ เชลซี ลิเวอร์พูลมาขอซื้อนักเตะของผม ผมอาจให้เขาเพราะอยากให้เด็กเรามีโอกาส อนาคตเขาอาจมีค่าตัว 50-100 ล้าน แต่ผมเชื่อว่านักเตะทั้งหมดที่มีอยู่ตอนนี้ไม่มีใครอยากไปไหนหรอก เพราะวันนี้เขามีโอกาสเข้ามาเล่นพรีเมียร์ลีกแล้ว ขณะที่ถ้าย้ายไปอยู่ทีมใหญ่เขาก็เป็นได้แค่ตัวสํารอง และชาตินี้ทั้งชาติอาจไม่ได้ลงเล่นสักนัดหนึ่งเลยก็ได้ แต่ถ้าอยู่ที่นี่เขาเป็นตัวจริง
“ที่ผ่านมาผมทุ่มงบให้กับนักกีฬาค่อนข้างเยอะ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องฟิตเนส การจัดระบบคอมพิวเตอร์ที่ทันสมัย เอื้อกับการฝึกซ้อม เด็กของเราต้องมีที่วัดติดตัวตลอด ดูว่าออกกําลังกายแล้วกี่ชั่วโมงทถ้าโอเวอร์เครื่องจะมีสัญญาณบอกว่าหยุดซ้อมได้ หรือน้อยเกินไปเครื่องก็บอกสมมุติวันนี้เขาซ้อมวิ่งตอนเช้าไม่ถึงเวลาที่เครื่องกําหนดให้ เขาก็ต้องนําเครื่องนี้ผูกติดตัวกลับไปซ้อมที่บ้าน ซ้อมเสร็จกลับมา ก็ต้องเอาเครื่องนี้เข้าระบบคอมพิวเตอร์ดูว่าเล่นจริงหรือเปล่า และต้องตรวจปัสสาวะทุกเช้าเพื่อดูว่าเขาขาดอาหารอะไร ทุกเช้าจะมีตารางออกมาเลยว่าใครต้องกินอาหารอะไร หมวดหมู่ไหนและวันนั้นทั้งวันเขาต้องกินอาหารหมวดหมู่นี้ทั้งหมดเพื่อให้ได้สิ่งที่ร่างกายเขาต้องการ สนามที่ใช้ในการฝึกซ้อมก็เช่นกันผมทุ่มงบประมาณกับตรงนี้ไปเยอะ เงินสิบล้านถ้าต้องทําคือต้องทํา เช่น สั่งเปลี่ยนสนามหญ้าทั้งสนามเพื่อให้เด็กมีความรู้สึกว่าซ้อมแล้วไม่เจ็บ หญ้าดีดินนิ่มหรือในช่วงหน้าหนาว ผมก็สร้างสนามในร่มอย่างดีให้เขา ถามว่าสโมสรอื่นมีไหม อาจจะมี แต่ไม่ดีเท่าเรา ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่เราเสริมสร้างเขาซึ่งผมคิดว่าการใช้เงินกับตรงนี้น่าจะดีกว่าไปซื้อซูเปอร์สตาร์จากทีมดังๆ มาอยู่กับเรา เพื่อขายความดังของเขา”
ทุ่มขนาดนี้สมแล้วที่ได้แชมป์
ที่มา : นิตยสารแพรว
พบเรื่องราวอื่นๆ ของ วิชัย ศรีวัฒนประภา เจ้าพ่อ คิง เพาเวอร์
เป็นทางการ วิชัย ศรีวัฒนประภา เจ้าพ่ออาณาจักรแสนล้าน คิงเพาเวอร์ เสียชีวิต
ไขความลับชีวิตของ ‘วิชัย ศรีวัฒนประภา’ มหาเศรษฐีผู้ให้ เจ้าสัวหัวใจเพชร!
บททดสอบธุรกิจยักษ์ใหญ่จากพ่อสู่ลูก “อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา” ทายาทคิง เพาเวอร์
ยกย่อง “เจ้าสัววิชัย” มหาเศรษฐีใจบุญ บริจาคเงินช่วยเหลือสังคมอย่างต่อเนื่อง
สามัคคี 4 พี่น้อง ‘ศรีวัฒนประภา’ วิสัยทัศน์เจ้าสัววิชัย ปูทางอนาคต แบ่งการบริหารงานชัดเจน
เจ้าชายบรูไน ดารา เซเลบ ร่วมอาลัย ต่อการจากไปของ “เจ้าสัววิชัย”