HOME SWEET HOME บ้านเปี่ยมสุข ของปัญญา นิรันดร์กุล (ตอนที่ 2)

HOME SWEET HOME บ้านเปี่ยมสุข ของปัญญา นิรันดร์กุล…

หลักพุทธสู่ปรัชญาการทำงาน

แทบทุกครั้งที่ใครได้เจอคุณปัญญาจะสัมผัสได้ถึงพลังเต็มเปี่ยมอยู่เสมอ ในพาร์ตการทำงานของผู้บริหารอาณาจักรเวิร์คพอยท์ คุณปัญญาหัวเราะอารมณ์ดีพร้อมเล่าถึงธุรกิจสายเอนเตอร์เทนเม้นท์ ที่ทำด้วยใจรักมุ่งมั่นและมีไฟครีเอทีฟ “ผมทำงานจันทร์ถึงศุกร์ สิ่งต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นอาชีพไหนก็ตามต้องมุ่งมั่นทุกงานหนักอยู่แล้ว แต่ถ้าเราเลือกทำที่เราถนัดเราชอบก็จะทำได้ดี อย่างเช่นการช็อปปิ้งก็ถือเป็นงานหนักอย่างหนึ่งนะ คนรักช็อปปิ้งก็ช็อปอยู่นั่นแหละ 4 – 5 ชั่วโมง เหนื่อยนะแต่ที่ช็อปได้เพราะมันชอบไง (หัวเราะ)

“ในการทำงานของผม อยากทำก็ทำ ไม่อยากทำอย่าทำ แปลว่าอะไร…แปลว่าถ้าไม่อยากแล้วทำ ๆ ไป ถามว่าทำเพื่อแค่ให้เสร็จ ๆ ไป แล้วจะได้อะไร เสียเวลาทั้งงานและเสียเวลาตัวเอง คือถ้าไม่ทำ ทำไม่ดี หรือทำไม่ได้ อย่าทำดีกว่า อยู่นิ่ง ๆ รอจังหวะเวลา จะทำอะไรสักอย่างต้องให้รู้ว่าคำว่าความสำเร็จคืออะไร ครั้งแรกอาจจะยังไม่สำเร็จเลยก็ต้องพยายามขึ้น เมื่อความสำเร็จหนึ่งมา ความสำเร็จสองสี่ห้าหกจะตามมาอีก

“เราเน้นจุดต่างจากสิ่งที่เขาทำกันมา ต่างมากต่างน้อยไม่เป็นไรของดีต้องมีความต่าง แล้วยังสามารถจะพัฒนาขึ้นไปได้อีก โดยยังยึดตามทางถนัดของเราอยู่ เชื่อว่าแต่ละคนมีหนทางไม่เหมือนกัน ไม่ใช่ว่าเราจะดีไปกว่าใคร เขาก็มีดีของเขา เราก็มีดีของเรา แล้วเราก็ใส่ครีเอทีฟให้มีความต่างออกไป อย่างตัวผมเองก็มาคิดว่าจะเป็นพิธีกรอย่างไรให้แตกต่าง ก็มาเป็นนายปัญญา พิธีกรเสียงแหลม ตะโกนดัง ๆ เป็นพิธีกรในแบบของนายปัญญา” (หัวเราะ)

เห็นว่าคุณปัญญาเริ่มศึกษาธรรมะมากขึ้น มีการนำมาใช้ในการทำงานอย่างไรบ้าง “มนุษย์เราไม่สามารถรู้อนาคตหรอก แต่ความไม่รู้สนุกที่สุด ถ้าคุณรู้อนาคต ชีวิตจะเซ็งมากเลยนะ ชีวิตจะเฉยเมยดังนั้นการไม่รู้อนาคต ลองผิด ๆ ถูก ๆ ก็เป็นความสุขอย่างหนึ่ง ถามว่าตั้งแต่มีโลกนี้มามีอะไรที่ถูกร้อยเปอร์เซ็นต์หรือ บางทียุคนั้นบอกไม่ดียุคนี้บอกดี ไม่มีอะไรแน่นอน ดังนั้นความไม่รู้อนาคตคือสิ่งที่น่าสนุกน่าค้นหามาก เพราะฉะนั้นเราก็ไม่ได้ตั้งเป้าหรอกว่า อนาคตจะต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ เอาแค่ว่าทำในปัจจุบันให้ดีที่สุดก็พอ

“เรื่องที่ทำให้รู้สึกแย่มีเยอะแยะมากมาย บางรายการไม่ประสบความสำเร็จ ก็ยึดวิธีคิดตามแบบพระพุทธองค์ ท่านเดินทางผิดมาตั้งเยอะแยะ ไปทางทุกข์ที่สุด ไปทางสุขที่สุด สุดท้ายจึงได้มาเป็นทางสายกลาง เมื่อเราเดินทางผิดก็ต้องยอมรับ อย่าดื้ออย่าโทษตัวเองเกินเหตุแล้วอย่าไปทำให้เกิดขึ้นอีก มุ่งมั่นปรับเปลี่ยนให้มีบันไดก้าวต่อไป ผมยังนึกถึงเมื่อสมัยเด็ก ตอนสอบเอนทรานซ์เข้าจุฬาฯ เมื่อทราบผลสอบครั้งแรกไม่ติด ผมลงจากรถเมล์ก่อนถึงบ้าน แล้วเดินร้องไห้ให้สุดพอถึงบ้านให้ความเสียใจนั้นหายหมด หลังจากนั้นผ่านไป 8 – 9 เดือน คิดว่าจะทำอย่างไรต่อดี ก็ต้องไปกวดวิชา จึงสามารถเอนทรานซ์เข้าสถาปัตย์ จุฬาฯได้ ถือว่าโชคดีมากเพราะสังคมสถาปัตย์ทำให้ผมได้เพื่อนที่ดี ได้อาจารย์ที่ดีชุบให้ผมกลายเป็นนายปัญญาอย่างทุกวันนี้

“ผมเองมารู้เมื่อไม่กี่วันนี้เองว่า ตอนนั้นแม่แอบไปขายสร้อยเพื่อเอาเงินมาให้ผม ตั้งแต่ตอนที่ผมเริ่มหาเงินได้เริ่มมีเงิน ผมมุ่งมั่นจะให้แม่ให้ครอบครัวสุขสบาย และตอนนี้ก็เป็นอย่างที่หวังไว้”

อบอวลรอยยิ้มของครอบครัวนิรันดร์กุล

มาถึงพาร์ตผู้นำครอบครัวที่ตอนนี้ได้เพิ่มสถานะเป็นคุณตาของหลานสาวคนแรกวัยน่ารัก “น้องน้ำอุ่น” ลูกสาวของคุณน้ำตาล ลูกสาวคนโต วันนี้แม้มีชีวิตสมบูรณ์แบบ แต่ก็ยังคงดำเนินไปอย่างเรียบง่ายและมีชีวิตครอบครัวเป็นส่วนเติมเต็มให้มากที่สุด

“ตอนนี้น้ำอุ่นเป็นจุดศูนย์รวมของคนในครอบครัวไปแล้ว เป็นเด็กอารมณ์ดี ช่างพูด ช่างเรียนรู้ มีเวลาว่างผมจะเล่นกับเขาแล้วก็คอยสอนว่าอะไรดี ไม่ดี เด็กวัยนี้เวลาสอนอย่าไปสั่งไปห้าม ต้องทำให้เขาเห็นอย่างผมกลัวว่าเขาจะเดินเอาศีรษะไปชนขอบโต๊ะ ผมก็จะแกล้งเอาศีรษะไปใกล้ ๆ เกือบถึงขอบโต๊ะให้เขาเห็นว่าชนแล้วนะ ถ้าชนจะเจ็บอย่างไรทีนี้เขาจะรู้ว่าทำแบบนี้ตัวเขาจะเจ็บก็ไม่ทำ (ยิ้ม)

“บ้านต้นไม้ที่อยู่ตรงบริเวณสนามทำไว้ตั้งแต่ลูกยังเล็ก ๆ ซ่อมไปหลายทีแล้ว เพราะโดนแดดโดนฝน ผุหมด จากไม้จริงมาเป็นไม้เทียมพอซ่อมเสร็จก็กลายเป็นว่าน้ำอุ่นมาใช้ต่อพอดี แต่เดี๋ยวนี้น้ำอุ่นติดชิงช้าหรือบางทีเขาก็ลงว่ายน้ำ เมื่อก่อนสระน้ำอยู่กลางแจ้ง ไม่ค่อยมีใครใช้บริการ ไหน ๆ เมื่อคิดจะสร้างบ้านใหม่ จึงต่อเติมให้คร่อมสระว่ายน้ำไปเลย แต่จะทำอย่างไรให้บรรยากาศที่สระว่ายน้ำไม่รู้สึกตันเกินไปก็คิดว่า…เดิมเคยอยู่กลางแจ้ง ถ้าอย่างนั้นก็เพ้นต์ท้องฟ้าแล้วกัน จะได้อยู่กลางแจ้งเหมือนเดิม พอกลางคืนเราก็เปิดไฟเหมือนกับว่ายน้ำอยู่กลางแจ้งตลอด กลางคืนก็สวยไปอีกแบบ”

หลังบ้านคนเก่งที่เสริมทัพเติมรอยยิ้มและกำลังใจให้คนในบ้านที่จะไม่กล่าวถึงไม่ได้คือ คุณแอ๊ว คู่ชีวิต 44 ปีที่ให้กำลังใจกันมาตลอด“เขาเกิดมาเพื่อทำทุกอย่างให้ผม เจอเขาตั้งแต่ปี 2514 จากวันนั้นถึงวันนี้เขาปฏิบัติต่อผมไม่เปลี่ยนแปลงเลย เขาเป็นคนที่วิเศษมาก พอมีลูกก็ยังดูแลลูกแต่ละคน ลูกแต่งงานมีหลาน ก็ยังทำให้ทุกคนอีกโดยตัวเองอยู่หลังสุด คนที่อยู่เบื้องหลังแบบคุณแอ๊วนี่ต้องทำงานหนักมากนะ ทำกับข้าว 3 มื้อ ดูแลเสื้อผ้าซ้ำ ๆ ทำแบบนี้ทุกวัน คุณจะทนต่อความเบื่อขนาดนี้ได้เชียวหรือ ถ้าไม่เกิดจากความรัก (ยิ้ม)

“ชีวิตผมเรียบง่ายแม้แต่อาหารการกิน เมนูยึดสิ่งที่เป็นสีเขียวทั้งปวง ตอนนี้ไม่ได้ติดอยู่ในรสชาติแล้ว ต้องดูแลสุขภาพ จะทำอะไรตามอำเภอใจไม่ได้ ร่างกายเราไม่จีรัง ถ้าไม่ดูแลดี ๆ ก็จะทำประโยชน์ได้น้อย คุณมยุราเคยพูดว่า คนเราต้องกตัญญูกตเวทีต่อร่างกายตัวเองนะก็เลยเก็บมาใช้เตือนตนเอง

“ทุกวันนี้ผมมีเวลาให้ตัวเองได้ดื่มด่ำกับธรรมชาติ ดูต้นไม้ ดูสวนเห็นกระรอกวิ่งไปมาสนุกสนาน มากินมะม่วง พอผลตกลงมาที่พื้นไก่ก็กินต่อ (หัวเราะ) บ้านหลังนี้จึงเป็นศูนย์รวมของความสุขและความรัก…”

 

ที่มา : คอลัมน์ STYLE EXCLUSIVE นิตยสารแพรว ฉบับ862 ปักษ์วันที่ 25 กรกฎาคม 2558
บทความนี้ถือเป็นทรัพย์สินของเว็บไซต์แพรว ห้ามผู้ใดนำไปคัดลอก ดัดแปลง หรือทำซ้ำ อนุญาตให้แชร์บทความนี้ได้จากลิ้งค์นี้เท่านั้น