เมนเทอร์สาวโสด คริส หอวัง เปิดบ้าน Alexa 218 วิลล่าตากอากาศส่วนตัว

คริส หอวัง เปิด Alexa 218 วิลล่าตากอากาศส่วนตัว ที่ออกแบบเอง

พาบุกที่พัก Alexa 218 วิลล่าตากอากาศส่วนตัว ของสาวโสด คริส หอวัง เมนเทอร์สุดแซ่บและซ่าประจำรายการ The Face Thailand 4 All-Stars ที่ซีซั่นล่าสุดนี้ สาวคริสขอมาแบบกวนๆ สไตล์นางฟ้าทิงเกอร์เบลของปีเตอร์แพน ที่ออกแนวแก่นและดื้อ ประกบคู่เมนเทอร์ลูกเกด-เมทินี

นอกจากนี้เธอยังมีงานด้านพิธีกรรายการเรียลลิตี้ Dream Come True และทำรายการ Horwang Sisters ร่วมกับน้องสาว พลอย หอวัง ที่ต่างช่วยกันระดมความคิดนำเสนอเนื้อหาทางช่อง Youtube โดยยังมองการณ์ไกลด้วยว่า หลังจากช่วยกันคิดเนื้อหา โปรดิวซ์เองแล้ว อนาคตอาจตั้งบริษัท จัดมีตติ้ง มีไลน์สติ๊กเกอร์เพื่อช่วยโปรโมตอีกด้วย ทั้งนี้งานด้านแสดงสาวคริสก็กำลังจะมีคิวงานละครทางช่อง 3 ของอ้อม-พิยดา

วันนี้ แพรวดอทคอม ไม่ได้พามาส่องมุมดราม่าของสาวหมวยสุดซ่า คริส หอวัง แต่จะพาไปบุกบ้านส่วนตัวย่านหัวหินที่สาวคริสออกแบบเอง ไว้ใช้พักผ่อน อยู่กับเจ้าน้องหมา 2 ตัวชื่อว่า “หนูแบม” และ “ลิ้นจี่” นอกจากนี้ยังมีเรื่องมุมมองความรักของสาวโสดวัย 37 ปีของสาวหมวยคนนี้ด้วยว่า มุมมองความรักของเธอในปัจจุบันเป็นอย่างไร

แดดจ้าตัดกับสีสันสระว่ายน้ำกลางวิลล่าหลังงาม มีเจ้าของบ้านสุดเปรี้ยว คริส หอวัง รออยู่ตรงพื้นที่ส่วนกลางของบ้าน พร้อมกับน้องหมาสายพันธุ์ปอมเมอเรเนียนสาว 2 ตัวรออยู่…

Alexa 218 เป็นชื่อที่คริสตั้งเอง

คริส: “คริสตั้งชื่อบ้านว่า ‘Alexa 218’ เพราะชอบชื่อนี้ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน (ยิ้ม) ส่วน 218 คือ เลขที่บ้าน จุดมุ่งหมายเวลามาบ้านนี้คือ ‘Doing Nothing’ เหมือนมาเข้าถ้ำ ที่นี่เป็นเหมือนหลุมส่วนตัวของคริส หลบความวุ่นวาย มีหนังสือมาอ่านเล่มหนึ่งชิลๆ ไม่ต้องยุ่งกับใคร เป็นที่พักผ่อนจริงๆ กลับมามีสมาธิกับตัวเอง ครั้นจะมาคนเดียวก็เหงานิดหนึ่ง เลยพา ‘แบม’ และ ‘ลิ้นจี่’ มาด้วย สองตัวนี้นอนห้องเดียวกับคริสประจำอยู่แล้ว ส่วนอีกสี่ตัวที่บ้านเป็นผู้ชาย คริสก็รักและสนิทกับเขามากเหมือนกัน แต่ไม่ได้ให้เข้าห้องนอนด้วย เคยให้เข้าแล้วเขายกขาฉี่โดนข้าวของ แต่สองตัวนี้พูดรู้เรื่อง คริสเลยพานั่งรถมาเป็นเพื่อนกัน”

ที่มาของบ้านพักตากอากาศหลังนี้

คริส: “เมื่อ 3 – 4 ปีที่แล้วคริสตั้งใจทำเซอร์ไพร้ส์ป่าป๊ากับหม่าม้าด้วยการสร้างบ้านหลังนี้เป็นบ้านพักตากอากาศให้ท่านในวันพ่อ ตอนแรกเอเย่นต์พาคริสไปดูที่ดินซึ่งอยู่อีกฝั่งของหัวหิน แต่อากาศแถบนั้นร้อนมาก จากนั้นพาไปดูที่ดินติดทะเลแถวปราณบุรี แต่เป็นที่ดินแปลงเดี่ยว กว่าจะเดินทางไปถึงที่ค่อนข้างเปลี่ยว ซึ่งคริสไม่แน่จริงถึงขนาดซื้อที่ดินสร้างบ้านเดี่ยว แล้วจ้างเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมาช่วยดูแล จึงให้เอเย่นต์พามาดูที่ดินแถวสวนน้ำวานานาวาซึ่งกำลังสร้าง พอมาเห็นที่ดินแปลงนี้แล้วชอบ เพราะเจ้าของซื้อที่ดินแปลงใหญ่มาแบ่งขายเป็นแปลงๆ แล้วแต่ว่าใครต้องการกี่ตารางวา ต่างคนต่างปลูกบ้านสไตล์ตัวเอง คล้ายหมู่บ้านเล็กๆ ดูแลกันเอง ตอนนั้นเริ่มมีบ้านของชาวต่างชาติที่เกษียณอายุมาอยู่แล้ว ถนนหน้าบ้านสามารถเดินทางไปเขาตะเกียบได้สะดวก มองขึ้นไปก็เห็นพระพุทธรูปบนเขา

“ทีแรกคริสติดนิดหนึ่งตรงที่ถ้าซื้อบ้านพักตากอากาศแต่ไม่ติดทะเลจะซื้อทำไม ขณะเดียวกันก็มีความคิดแย้งว่า เวลามาหัวหิน เราต้องขับรถมา ถ้าจะไปตรงไหนของหัวหินก็ขับรถไป ต่อให้พักโรงแรมก็ไม่ได้พักบีชฟร้อนต์ ไม่ได้เล่นน้ำทะเล แต่มักจะลงสระว่ายน้ำ ถ้าจะเล่นทะเลหัวหินคือต้องเล่นไคท์เซิร์ฟ ขี่ม้า หรือเดินเล่นชายหาดเพราะฉะนั้นเราก็ไม่จำเป็นต้องหาบ้านหรือที่ดินติดหาดก็ได้ คิดกลับไปกลับมาอยู่นาน ก่อนตัดสินใจซื้อที่ดินร่วม 300 ตารางวาแปลงนี้

“อีกอย่างหนึ่งคือบ้านคริสไม่ได้หรูหราอะไร ถ้าเทียบกับเช่าวิลล่าของโรงแรม นับจำนวนครั้งแล้วน่าจะถูกกว่าซื้อบ้าน แต่คริสแค่รู้สึกว่าวิลล่าโรงแรมที่ไหนจะอนุญาตให้พ่อแม่เราพาน้องหมาไปพักด้วยได้ หรือถ้าคริสและน้อง (พลอย) มีเพื่อนมาด้วย ทำห้องพักเขาเละเทะคงถูกว่าตามหลัง (หัวเราะ) จึงตัดสินใจซื้อบ้านดีกว่า บวกกับราคาที่ดินน่ารักเราพอซื้อไหว เพราะถ้าเป็นที่ดินริมทะเลหัวหินตอนนี้ซื้อไม่ไหว ราคาสูงมาก แต่จนถึงวันนี้ที่คริสมีบ้านหลังนี้แล้วก็ยังรู้สึกคาใจ อยากมีบ้านบีชฟร้อนต์สักที่หนึ่งเหมือนกัน แต่คงต้องหาที่ที่พอจ่ายได้และเป็นสินทรัพย์ที่ดี คงต้องค่อยๆ หา ห้ามรีบ (ยิ้ม)

“แรกๆ ครอบครัวเรามาบ้านนี้บ่อยมาก พลอยก็มา คริสกับเพื่อนๆ ชอบมาปาร์ตี้กันที่นี่ โดยเฉพาะป่าป๊ากับหม่าม้ามาบ่อยมาก ชอบพาน้องหมามาด้วย จัดปาร์ตี้สนุกๆ ทำบาร์บีคิวกินกับเพื่อนบ้านที่เป็นชาวต่างชาติแต่พอดีตอนนี้ท่านเป็นหุ้นส่วนเล็กๆ กับคุณลุงคริสซึ่งเปิดร้านอาหาร ‘Sand Bar by the Sea’ ติดทะเลพัทยา วันไหนที่ร้านจัดงานอย่างแจ๊สไนท์ ซัลซ่าไนท์ฯลฯ ท่านต้องหาเวลาไปร่วมงานจนได้ และบอกคริสด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้นว่า ต้องไปช่วยงานเขา ไม่ไปไม่ได้ ประหนึ่งเป็นแม่งาน (ยิ้ม) ยังเคยถามท่านขำๆ ว่า ถ้าไม่ได้ไปช่วยงานที่ร้านก็ไม่ล่มนะ (ยิ้ม) ตอนหลังคริสกับพลอยไปด้วย ถึงรู้ว่าที่ป่าป๊ากับหม่าม้าชอบไปร้านนี้เพราะสนุก ได้เจอเพื่อนๆ ชาวต่างชาติวัยเดียวกัน เป็นร้านอาหารเปิดไฟสว่างนะ แต่ทุกคนแต่งตัวยุคแกตส์บี้มาเต้นรำกันสนุกสนาน บางคนเป็นนักร้องเพลงแจ๊สผิวสี มาร่วมร้องเพลงด้วยกันสนุกกันมาก พ่อแม่ร่าเริงแฮ็ปปี้ ตอนหลังคริสแล้วแต่ท่านสองคนเลยจะมาบ้านนี้หรือไปพักบ้านลุงที่พัทยาก็ได้” เธอเล่ายิ้มๆ

ออกแบบบ้านเอง

บ้านของคริสเป็นบ้านชั้นเดียว เพดานสูงกว่า 6 เมตร โครงสร้างเป็นรูปตัว U มีสระว่ายน้ำสีน้ำเงินตรงกลางยาวขนานไปกับตัวบ้าน ทั้งสองปีก ซึ่งถูกออกแบบเป็นห้องนอนของเธอ ห้องนอนของคุณพ่อ คุณแม่ และน้องสาว เรียกว่าเปิดประตูกระจกออกมาสามารถมานั่งเล่นริมสระน้ำได้เลย ส่วนพื้นที่ตรงกลางบ้านแบ่งเป็นโซนของแพนทรี่และโต๊ะรับประทานอาหาร เปิดโล่งยาวไปถึงห้องนั่งเล่น มีห้องเธียเตอร์แยกเป็นสัดส่วน ยามแดดร่มลมตกเหมาะกับการขึ้นไปจัดปาร์ตี้บาร์บีคิวที่ดาดฟ้าชั้นบนได้ชิลๆ

คริส: “คริสวาดแบบบ้านเองทั้งหมด โดยไม่ได้ปรึกษาหรือจ้างสถาปนิกหรืออินทีเรียร์เลย ใช้ไม้บรรทัดขีดเส้นวาดแบบบ้านเอง เพราะฉะนั้นพอสร้างเสร็จจึงมีความบกพร่องเล็กน้อย (ยิ้ม) ซึ่งเพิ่งมานึกได้ภายหลังเช่น ทำไมเราไม่ทำโถงทางเดินในบ้านเพื่อเข้าห้องนอนแต่ละห้อง แทนที่จะต้องเดินผ่านสระว่ายน้ำเพื่อเข้าห้องนอนอย่างที่เป็นทุกวันนี้ หรือเคาน์เตอร์ครัว คริสสั่งออกแบบโดยวาดรูปครัวเองจากมุมท็อป พอเขาเอาเคาน์เตอร์มาวาง ปรากฏว่าไม่มีทางเดินก็ต้องรื้อทำใหม่ เพราะวาดเอง ผิดเอง แต่สนุกมาก ทำให้ได้เรียนรู้หลายอย่าง พอคริสวาดแบบบ้านเสร็จ ส่งให้โฟร์แมนคุมคนงานสร้างบ้าน เรียกว่าคริสและโฟร์แมนช่วยกันทำทุกอย่างเอง แต่ลืมนึกไปว่าเขาเป็นโฟร์แมนหัวหิน” (หัวเราะ) เธอเล่าพลางชี้ให้ดูแอร์ติดเพดาน

“ตอนสร้างเขาลืมเว้นพื้นที่ฝังแอร์ที่เพดาน คริสเลยต้องให้เขาทำเป็นแท่นสำหรับฝังช่องแอร์ลงมา (หัวเราะ) หรืออย่างสระว่ายน้ำก็บอกเขาว่าให้ทำสระว่ายน้ำสี่เหลี่ยมยาวสุดตัวบ้าน แต่พอเห็นเขาทำสระทรงโค้งและมีที่นั่งในสระด้วย คริสถามว่าทำไมสระเป็นทรงโค้ง เขาบอกว่าทำเซอร์ไพร้ส์ไงครับ บางส่วนก็เลยต้องปล่อยไป บางส่วนต้องรื้อทำใหม่ เพราะอยากทำบ้านให้เสร็จทันเซอร์ไพร้ส์วันพ่อ แต่ในที่สุดบ้านไม่เสร็จต้องทำไปเรื่อยๆ เพราะคริสซ่าอยากลองทำบ้านเอง จึงต้องเปลี่ยนมาเซอร์ไพร้ส์คุณพ่อคุณแม่ตอนปีใหม่แทน”

นอกจากจะออกแบบบ้านเองแล้ว ยังเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้านด้วยตัวเอง

คริส: “เฟอร์นิเจอร์สีโปรดของคริสคือขาว-ดำ เพราะปกติคริสแต่งตัวก็ใช้โทนสีนี้อยู่แล้ว เฟอร์นิเจอร์บ้านที่เห็นคือคริสเดินไปจิ้มเองเลย หาไม้บรรทัดมาขีดเส้น วาดรูปห้องนอนขนาดเท่านี้ๆ ประตูขนาดกี่เซนต์ๆ ก็ว่ากันไป ต้องซื้อเตียงไซส์ (5 ฟุต) นี้ถึงจะวางได้ ถ้าซื้อไซส์ใหญ่มาวาง เดี๋ยวไม่มีที่เดิน เพราะอยากซื้อโซฟาเบดมาวางในห้องนอนด้วย ส่วนห้องน้ำในห้องนอนคริสเป็นส่วนที่ให้ความสำคัญมากหน่อย เพราะคริสชอบใช้เวลาในห้องน้ำ เพราะฉะนั้นที่นั่งโถส้วมก็จะมีความเว่อร์วังนิดหนึ่งคือมีหนังสีน้ำตาลหุ้มฝาที่นั่ง สามารถนั่งได้นานๆ

“โซฟาห้องนั่งเล่นสั่งตัดเป็นสีขาว ซึ่งที่จริงควรเป็นสีดำมากกว่าเพราะเลอะง่าย แต่ความที่ตอนนั้นสั่งสีเคาน์เตอร์ครัวเป็นสีขาว-ดำหมดแล้ว ก็เลยคิดว่าไม่เป็นไร ถ้าเลอะสามารถถอดซักได้ คริสภูมิใจนำเสนอโซฟาห้องเธียเตอร์มาก เพราะอยากมีโซฟาดูดวิญญาณ สามารถนั่งและนอนดูหนังสบายๆ เพราะฉะนั้นขนาดของโซฟาต้องใหญ่พอเหมือนเตียงคู่ มีหมอนเยอะๆ ให้ความรู้สึกเหมือนนอนบนเตียงนิ่มๆ แต่ยังเป็นโซฟา ใครมาบ้านนี้ชอบมานอนที่โซฟาแทนเตียง เพราะทำจากผ้ากำมะหยี่สีครีมชนิดพิเศษซึ่ง มีขนนุ่มมาก และเป็นห้องที่มืดที่สุด สามารถตื่นสายได้”

มุมมองความรัก

คริส: “พอโตแล้ว เรื่องของความรักย่อมต้องมากกว่าแค่เป็นคนรักกัน หรือต้องมีมากกว่าแพสชั่น เพราะความรักแบบนั้นไม่นานก็หาย แต่ความรักที่เข้าใจกันและอยู่กันไปตลอดชีวิตเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งก็หวังว่าทุกคนจะเจอคนนั้น เพื่อนคริสหลายคนแต่งงานไปแล้ว เลิกแล้ว อาจเป็นเพราะว่าความรักที่เคยมีมากทำให้เสียใจมาก ไม่สามารถยอมรับและเข้าใจกันในฐานะคู่ชีวิตที่ต้องการใช้ชีวิตร่วมกันไปตลอด จึงยอมเลิกกัน ผู้หญิงบางคนทนไม่ไหวที่ผู้ชายเจ้าชู้ เพราะเดี๋ยวนี้ผู้หญิงเลี้ยงดูตัวเองและครอบครัวได้ ไม่ต้องง้อใคร แถมบางคนดูแลผู้ชายด้วยซ้ำ ทำให้ความอดทนน้อยลง แต่สุดท้ายแล้วคริสมองว่า ถ้าอยู่กับใครแล้วสบายใจ มีความสุข และเป็น Companionship for Life นั่นละคือสิ่งที่คริสคิดว่าเวิร์คที่สุด

“ทุกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตคริสเป็นคนดีหมด โชคดีมากที่คนที่คริสคบด้วยคุยด้วยมีจิตใจดี ไม่เคยเสียดายเวลาที่ใช้ร่วมกัน เพราะเป็นเวลาที่มีความสุขมาก แต่เมื่อวันหนึ่งที่สองคนเห็นไม่ตรงกัน ไม่สามารถยอมรับและเข้าใจกัน จึงไปต่อไม่ได้ ถ้าถามว่าความสุขในชีวิตคืออะไร สำหรับคริสถ้าเป็นช่วงเวลาที่มีแฟน กลับไปบ้านแล้วมีคนกอด ได้ใช้วันเวลาร่วมกัน ได้คุยได้เล่นกัน ทำอาหารกินด้วยกัน แค่นั้นก็มีความสุขแล้ว

“Just Go Home…นั่นละคือความสุขของคริส”