เปิ้ล – นาคร เซ็ง บ้าน 21 ล้านโดนบุกรุก ปรี่ขึ้นโรงพักแจ้งตำรวจตามตัว

เปิ้ล – นาคร ควงภรรยา จูน – กษมา พบตำรวจ หลังถูกชายแปลกหน้าบุกบ้านพักส่วนตัว พร้อมขอบคุณพลังโซเชียล ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถระบุตัวผู้บุกรุกได้ใน 1 ชั่วโมง

เรียกว่าเป็นอุทาหรณ์สอนให้หลายๆ คนต้องระแวดระวังภัยเพิ่มขึ้น แม้จะอยู่ภายในหมู่บ้านที่มีการรักษาความปลอดภัย แต่ก็ไม่ควรวางใจเกินไป เพราะล่าสุดได้เกิดกรณีขึ้นกับ เปิ้ล – นาคร เมื่อบ้านราคา 21 ล้าน ที่ดินและบ้านราคา 11 ล้าน ตกแต่งเพิ่มเติมอีก 10 ล้านบาทของเขา จู่ๆ ก็มีชายไม่ทราบชื่อขับรถบุกเข้ามาเสียบถึงหน้าบ้าน พร้อมเดินทักทายคนในบ้านอย่างใจเย็น โดยวันนี้ 9 ต.ค. 60 เปิ้ล – นาคร พร้อมภรรยา จูน – กษมา ศิลาชัย ได้เดินทางพบเจ้าหน้าที่ตำตรวจ สน.โคกคราม เพื่อนำหลักฐานกล้องวงจรปิดผู้บุกรุกบ้านพักส่วนตัวลงบันทึกประจำวัน

โซเชียลมีเดียนั้นเหมือนกับดาบสองคมที่มีทั้งคุณและโทษ แต่ในกรณีล่าสุดของพิธีกรและนักแสดง เปิ้ล – นาคร ศิลาชัย ถือเป็นเรื่องดี ถึงขนาดเจ้าตัวต้องขอบอกขอบใจชาวเน็ตยกใหญ่ ที่ทำให้ตำรวจสามารถระบุตัวผู้บุกรุกเข้าบ้านของเขาได้ภายใน 1 ชั่วโมง เรียกว่าไม่ธรรมดาจริงๆ

โดยเปิ้ลได้เล่าว่า เมื่อวันที่ 8 ต.ค. 2560 ในช่วงบ่าย มีผู้ชายร่างท้วมขับรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า โคโรลล่า สีเขียว ทะเบียน กค 5186 เพชรบุรี จากนั้นได้เปิดประตูลงมายกมือไหว้คนในบ้าน พร้อมถามหาเปิ้ล ภรรยา และลูกๆ ก่อนมองไปรอบๆ และขับรถออกไป ซึ่งเมื่อตนทราบเรื่องก็ยังไม่คิดแจ้งความ เพราะคิดว่าอาจจะเป็นเพื่อนที่จำไม่ได้หรือเปล่า แต่หลังจากดูกล้องวงจรปิด ปรากฏว่าไม่ใช่คนที่เขารู้จักเลย จึงได้โพสต์ภาพนั้นลงอินสตาแกรมเพื่อหวังให้โซเชียลตามตัว ซึ่งผลปรากฏว่าภายใน 1 ชั่วโมงก็สามารถระบุตัวชายผู้บุกรุกได้

ทั้งนี้นายเจษฎากร เทียบจิรประภา อายุ 24 ปี เจ้าของรถ ได้อธิบายในเรื่องนี้ว่า ระหว่างทดลองรถอยู่หน้าบ้าน ได้มีชายมาขอลองขับรถ จากนั้นตนจึงขยับไปนั่งด้านหลังและให้ชายปริศนาเข้ามาขับรถแทน ซึ่งเขาขับไปที่หมู่บ้านของเปิ้ลและได้ถามถึงบ้านของเปิ้ลกับพนักงานรักษาความปลอดภัยของหมู่บ้าน จากนั้นได้ขับเข้าไปที่บ้านของนักแสดงหนุ่ม แล้วเปิดประตูลงมายกมือไหว้คนในบ้าน พร้อมถามหาเปิ้ล ภรรยา และลูกๆ ก่อนมองไปรอบๆ ใช้เวลา 5 นาทีจึงขับออกไป ทั้งนี้นายเจษฎากรยืนยันว่าไม่รู้จักชายคนดังกล่าวมาก่อน

อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ครอบครัวศิลาชัยรู้สึกกังวล จึงได้ตัดสินใจแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งเจ้าหน้าที่ทราบตัวแล้ว แต่ยังไม่พบตัว