คัดมาแล้วจากคอลัมน์ท่องเที่ยวนิตยสารแพรวว่าเป็น เส้นทางสุดโรแมนติก ที่เชื่อว่าใครมีโอกาสเดินทางมาซึมซับบรรยากาศทั้ง 4 เมืองที่เรานำเสนอละก็ อุณหภูมิความรักของคุณจะพุ่งปรี๊ด กระชับแน่นแฟ้น แสนโรแมนติก (และอีโรติก) อย่างไม่ต้องสงสัย
เห็นแต่ละเมืองแล้ว บอกได้คำเดียวว่า ‘ชาตินี้ต้องไปให้ได้’
1. ซานโตรินี่…เกาะเสี้ยวพระจันทร์
เป็นเกาะหนึ่งที่มีรูปร่างคล้ายเสี้ยวพระจันทร์อยู่ในหมู่เกาะชิคละดีส (Cyclades) มีชาวฟินีเซียนอพยพมาอยู่ที่เกาะนี้เมื่อเกือบ 4,000 ปีก่อนคริสตกาลเคยถูกธรรมชาติทำร้ายเนื่องจากเกิดกระแสลมพัดรุนแรงตามมาด้วยสึนามิถล่มอีกจนแทบเรียกได้ว่าทั้งเกาะแทบจมลงสู่ทะเลก็ว่าได้แต่เชื่อหรือไม่ว่าทุกวันนี้ร่องรอยความเสียหายเหล่านั้นกลับไม่หลงเหลือให้เห็นเลยตอนนี้กลับกลายเป็นว่า‘ซานโตรินี่’ เป็นเกาะที่มีบรรยากาศแจ่มใสมองเห็นบ้านเรือนสีขาวตั้งเรียงรายริมหน้าผาสูงชันกว่า 200 เมตรและนี่แหละคือเอกลักษณ์ของเกาะแห่งนี้
โบสถ์สีขาวคลุมด้วยยอดโดมสีฟ้ามีผืนทะเลสีฟ้าใสกว้างใหญ่เป็นแบ็คกราวนด์ช่างเป็นภาพสัญญลักษณ์ของซานโตรินี่โดยแท้
หมู่บ้านเอีย(Oia Village) เมื่อมองจากมุมสูงเหมือนติ่งเล็กๆยื่นไปในทะเลที่นี่เคยเป็นศูนย์กลางทางการค้าเมื่อครั้งอดีตแต่ตอนนี้กลายเป็นหมู่บ้านชื่อดังถึงขั้นเป็นThe must ของการมาชมพระอาทิตย์ตกกันเลยทีเดียวซึ่งแลนด์มาร์คจุดชมพระอาทิตย์ตกเมืองเอียที่ต้องไปยืนรอชมให้ได้คือป้อมชมวิวริมหมู่บ้านเอีย
บรรยากาศและบ้านเรือนเมืองนี้ทั้งหมด ถูกสร้างด้วยอิฐทาสีขาวโพลน ไล่ระดับลดหลั่นกันไป เชื่อมต่อด้วยบันไดและระเบียงทางเดินน่ารักๆ ตัดกับท้องฟ้าสีฟ้าสวย ทำให้ดูคล้ายภาพวาดสีน้ำงดงาม มากกว่าจะเป็นภาพที่เห็นตรงหน้า บอกเลยว่าโรแมนติกมั่กมาก
มาเที่ยวที่นี่ ควรเตรียมกำลังขาให้แข็งแรงนะจ๊ะเพราะต้องเดินไต่ขึ้นๆลงๆตลอดเวลา แต่รับรองว่าทุกมุมทุกฉากที่คุณได้เห็น จะทำให้ความเมื่อยขบหายเป็นปลิดทิ้ง ถ่ายภาพสวยทุกมุม …รับรอง
ไฮซีซั่นที่นี่ เริ่มตั้งแต่กค.-สค. ทำให้ผู้คนค่อนข้างเบียดเสียด อาจหาที่พักยาก แต่ถ้ามาเมษาฯ ผู้คนเริ่มบางตาลงบ้าง อาจพอหาที่พักได้
2. ‘เชสกี้ คลุมรอฟ’ เมืองในนิทานที่มีอยู่จริง
ระยะนี้หลายคนอาจได้ยินชื่อ ‘เชสกี้ คลุมรอฟ’ อยู่บ่อยๆ ขอบอกว่าถ้าได้มาเห็นเมืองเก่าแห่งนี้แล้ว จะรู้สึกเสมือนเป็นเมืองในนิทานแทบว่าได้ เพราะเป็นเมืองเล็กๆ อยู่ทางตอนใต้ของสาธารณรัฐเช็ก จัดเป็น 1 ในเมืองที่ยังคงอนุรักษ์ความเป็นยุคกลางไว้ได้อย่างดี ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นเมืองมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน ถนนในเขตเมืองเก่าปูลาดด้วยกรวด จึงไม่อนุญาตให้นำรถยนต์จากภายนอกเข้ามาแล่นในเขตนี้ ยิ่งทำให้บรรยากาศสองข้างทางที่นี่ ดูเงียบสงบ ราวกับเวลาเดินช้าลง ยังไงยังงั้น
จุดเด่นเมืองนี้อยู่ที่ชัยภูมิที่ตั้งซึ่งมีแม่น้ำวัลตาวา (Vltava) เป็นแม่น้ำสายหลักความยาวอันดับ 1 ของประเทศเชกไหลผ่านโอบล้อมเมืองเอาไว้ทำให้ได้รับสมญานามว่าเป็นไข่มุกเม็ดงามแห่งแคว้นโบฮีเมีย
ปราสาทครุมลอฟเป็นอีกไฮไลท์หนึ่งที่ต้องขึ้นไปเพื่อชมบรรยากาศเมืองในมุมสูงให้ได้เพราะสร้างอยู่บนยอดเขาและไม่ใช่ปราสาทธรรมดาๆเสียด้วยเพราะกินเนสส์เวิล์ดเรคคอร์ดส์จัดอันดับให้ที่นี่เป็นปราสาทใหญ่อันดับ 2 ของประเทศเช็กรองจากปราสาทกรุงปรากซึ่งได้ชื่อว่าเป็นปราสาทที่มีพื้นที่มากที่สุดในโลก
คุณสามารถซื้อตั๋วรถทัวร์เดินทางจากกรุงปรากมายังเมืองนี้ได้เลย แต่ควรจองตั๋วออนไลน์ล่วงหน้านะ ไม่เช่นนั้นตั๋วอาจหมดก่อน หรือไม่ได้รอบตามต้องการ แนะนำให้จองรถทัวร์บริษัท STUDENT AGENCY รถใหม่ บริการดี มี free Wi-Fi อีกต่างหาก www.studentagencybus.com จะเที่ยวแบบเช้า-ไปเย็นกลับก็ได้ แต่ถ้ามีเวลา อยากให้ค้างคืนเมืองนี้มากกว่า เพราะค่าครองชีพถูกกว่ากรุงปราก แถมยังได้สัมผัสความน่ารักของเมืองเล็กๆ แห่งนี้ด้วย
3. LAKE COMO สวรรค์นี้อยู่ใต้ฟ้า
LAKE COMO บริเวณทะเลสาบ ‘เดอะเลค’ (The Lakes) ของอิตาลี มีเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่าสวยระดับนางงามเลยทีเดียว เพราะด้วยรูปร่างทะเลสาบที่แคบและลึก เป็นผลจากการกัดเซาะธารน้ำแข็ง ทำให้เลคโคโมมีมุมสวยแปลกแตกต่าง แถมมีเมืองเก๋ๆ อย่าง‘เบลลาโจ’ (Bellagio) และ‘วาเรนนา’ (Varenna) ให้ได้เที่ยวด้วย
การเดินทางมาเมืองวาเรนนาต้องนั่งรถไฟมาจากมิลานระหว่างทางคุณจะได้ดื่มด่ำทัศนียภาพเลียบทะเลสาบมีร้านรวงเก๋ๆตั้งเรียงรายเป็นเมืองเล็กๆริมเลคโคโมเห็นเทือกเขาแอลป์ตั้งตระหง่านเป็นฉากหลังให้บรรยากาศสวยสง่าและสงบดูคลาสสิกหน่อยๆ
มาเมืองนี้ต้องเดินเที่ยว ไต่บันไดไปตามตรอกซอกซอยเล็กๆ โผล่ขึ้นไปเจอโบสถ์ซานจิโอโจ (San Giorgio) ตั้งอยู่จัตุรัสใจกลางเมือง มีวิลล่าหรูๆ ให้คุณได้ชมหลายแห่งอยู่นะ เช่น วิลล่าโมนาสเทโร (Villa Monastero)เป็นสถาปัตยกรรมสมัยศตวรรษที่ 17ละลานตาด้วยดอกไม้สารพัดสี
วาเรนนาว่าสวยแล้ว แต่ขอโทษ…เมืองเบลลาโจ (Bellagio) สวยกว่าค่ะ ขอบอก
มีคาเฟ่ บาร์ริมเลค สีสันดอกไม้สวยสดชื่น มีโรงแรม และบ้านหรูๆ ของพวกเซเลบฯ ดาราเพียบ โปรดอย่าถามเรื่องราคา และค่าใช้จ่ายของเมืองนี้นะ แพงฝุดๆ แต่ถึงอย่างนั้น ก็เชื่อว่าที่นี่ยังคงเป็นเมืองในฝันที่ใครต่อใครอยากมาอยู่ดี เสน่ห์อย่างหนึ่งของเบลลาโจ คือ ถนนปูด้วยหินไต่ขึ้นไปตามเนิน สองข้างทางมีร้านรวงน่ารักๆ ร้านขายของที่ระลึก ร้านผ้าไหมสวยๆ ซึ่งเป็นของขึ้นชื่อด้วย
หอคอยโบราณทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส ติดกับจัตุรัสกลางเมือง เป็นอีกจุดที่อยากแนะนำให้ไป เพื่อจะได้เข้าไปชมวิลล่าเซอร์เบลโลนี ซึ่งเป็นสมบัติของมูลนิธิร็อกกี้เฟลเลอร์ นอกจากจะได้ชมดอกกุหลาบสวยๆแล้ว ยังเห็นวิวทะเลสาบ อย่างแจ่มอ่ะ
การเที่ยวเมืองต่างๆรอบเลคโคโม สามารถไปได้ด้วยเรือโดยสาร ที่มีให้เลือกสารพัดแบบ ทั้งเรือไฮโดรฟอยล์ เรือเฟอร์รี่ และวอเตอร์แท็กซี่ จะได้กระโดดขึ้นลงชมเมืองต่างๆ ได้ตามสบายใจ แนะนำให้ซื้อตั๋วกับเจ้าหน้าที่ห้องขายตั๋วบริเวณท่าเรือ แทนการซื้อตั๋วจากพวกที่มาเสนอขายตั๋วราคาพิเศษแถวท่าเรือนะ
4. 1 Day in Munich
‘มิวนิค’ เป็นเมืองใหญ่อันดับ 3 และเป็นเมืองหลวงแคว้นบาวาเรียอยู่ทางใต้ของเยอรมนีนอกจากจะมีความสำคัญทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวแล้วยังเคยได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดกีฬาโอลิมปิกครั้งที่ 20 เมื่อสามสิบกว่าปีที่แล้วด้วย
บริเวณจัตุรัสมาเรียนปลาตซ์ (Marienplatz) ถือเป็นใจกลางเมืองมิวนิกอย่างแท้จริง มีโบสถ์หนึ่งที่ควรค่าแก่การเข้าชมคือ โบสถ์เฟราเอน(Frauenkircheแปลว่า Church of Our Lady)เอกลักษณ์ของโบสถ์คือมียอดหอคอยทรงหัวหอมคู่ สูงเด่นเป็นสง่า ภายในโบสถ์มีรอยเท้าปีศาจให้นักท่องเที่ยวตามดูได้ด้วยนะ เดินจากโบสถ์มาไม่ไกล จะเห็นศาลากลางอายุเกือบ 150 ปีของมิวนิก (NeuesRathaus) รูปทรงสถาปัตยกรรมกอทิก
ถ้าอยากชมวิวสูงของมิวนิกแนะนำให้ขึ้นหอคอยโบสถ์เซนต์ปีเตอร์ (Peterskirche หรือ St. Peter’s Church) เป็นโบสถ์เก่าแก่ที่สุดของเมืองมิวนิกชั้นในจ่าย 2 ยูโรเท่านั้นแต่ขอโทษ…เดินขึ้นบันไดแคบๆ300 กว่าขั้นทำเอาหอบแฮ่กอยู่เพราะไม่มีลิฟต์หากแต่เมื่อขึ้นด้านบนได้แล้วเห็นวิวแหร่มๆของเมือง 360 องศาก็ทำให้หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง
อย่าลืมชมสวนสวยที่ Hofgarten เป็นอีกไฮไลท์หนึ่งที่คู่ควร ภายในบริเวณพระราชวังเรสิเดนซ์ (Residenz) ของราชวงศ์บาวาเรีย (Bavaria) มีวิหารหลังคาทรงโดมแห่งเทพีไดอาน่า (Temple of Diana) ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งการล่าสัตว์ ตั้งให้เห็นสวยเด่นเป็นสง่า
ถ้าใครได้ไป 4 ประเทศนี้แล้ว กลับมาความรักปึ๋งปั๋งละก็ อย่าลืมแบ่งปันประสบการณ์ เล่าสู่กันฟังบ้างนะจ๊ะ
ข้อมูลและภาพโดย : Laorluck
: Coffee Blended เจ้าของเพจ FB :Coffeecity
เรียบเรียงโดย : ดั๊มพ์ ศิษย์นวลจันทร์