งดงามทุกฤดูกาล ปราก ดินแดนแห่งความรัก น่าชวนคนรักมาฮันนีมูน

กรุงปราก (Prague) เมืองหลวงของสาธารณรัฐเช็ก เป็นเมืองที่ได้รับการกล่าวขานว่าโรแมนติกที่สุดของยุโรปตะวันออก เพราะพร้อมด้วยความงดงามของภูมิทัศน์แบบเมืองเก่าเสน่ห์ของสายน้ำจากแม่น้ำวัลตาวา (Vltava River) ที่ทอดตัวยาวไหลผ่านกลางเมืองมองเห็นปราสาทเมืองปราก (Prague Castle) โดดเด่นอยู่บนเนินเขาเล็กๆ ความลึกลับของสะพานชาร์ลส์ที่โรแมนติกที่สุดในโลก ดื่มด่ำกับสเน่ห์ของดนตรีแจ๊สที่เล่นกันสดๆ แทบทุกหัวมุมถนน ถนนชมงานศิลปะที่วางเรียงรายหลายหลากสไตล์ให้หลงใหล

ปรากงามในทุกฤดูกาล ที่นี่จึงไม่เคยร้างราผู้คนจากทั่วทุกมุมโลก รวมทั้งคู่รักที่หลั่งไหลกันมาขอความรัก เอ่ยปากขอแต่งงาน รวมถึงมาฮันนีมูนกันที่นี่

กรุงปราก

กรุงปราก
มุมสวยๆ ของสวนสาธารณะเปอตรินฮิลล์

ปรากในวันฟ้าสวย
กรุงปรากแบ่งเป็นเขตต่างๆ (District) จำนวน 10 เขต เขตที่ถือเป็นใจกลางของย่านการท่องเที่ยวคือ ดิสทริกต์ 1 (District 1) ซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญเกือบทั้งหมด แต่ละเขตมีรถรางวิ่งผ่าน ทำให้สะดวกอย่างยิ่ง และเนื่องจากเป็นเมืองเล็ก ๆ การเดินเท้าจึงถือว่าสะดวกอย่างมาก

กรุงปราก
ความงดงามยามค่ำคืน

ฉันออกจากที่พัก เลือกเดินตามเส้นทางรถรางไปยังเขตชุมชนที่อาศัยของคนที่นี่ ตลอดสองข้างทางรถรางเต็มไปด้วยอาคารบ้านเรือนที่สวยงามความงดงามของเส้นทางรถรางที่นี่คือ ความลดเลี้ยวแทรกตัวผ่านบ้านเรือน ที่สร้างด้วยสถาปัตยกรรมที่อลังการมาก แอบอิจฉาคนที่นี่ที่มีบ้านสวยงามความโดดเด่นที่เห็นชัดเจนคือ หน้าต่างของแต่ละบ้านดูสวยหรูหรา

รถรางที่นี่สวยไม่แพ้เมืองอื่น ๆ คนที่นี่นิยมใช้บริการรถรางมากกว่าบริการขนส่งแบบอื่น ฉันชมบ้านเมืองอย่างเพลิดเพลิน จนมาเจอสวนสาธารณะขนาดเล็กบนเนินที่มองเห็นวิวของเมืองนี้ สวนแห่งนี้กำลังงามด้วยดอกซากุระสีชมพูบานสะพรั่ง ฉันยืนดูคนสวนที่กำลังขะมักเขม้นจัดสวนอย่างมีความสุขกับงานที่กำลังทำอยู่

กรุงปราก
แท็กซี่จอดรอผู้โดยสารในเขตเมืองเก่า

ช่วงบ่ายฉันย้อนกลับมาชมสวนสาธารณะวิตโคฟ (Vìtkov Park) ซึ่งติดกับโฮสเทลที่พักของฉัน ทางเดินในสวนรายล้อมด้วยต้นไม้นานาพรรณ มีต้นซากุระหลายต้น ดอกขนาดเล็กสีขาวสะอาดตาเบ่งบานเต็มต้นเป็นภาพที่สวยงามมาก มีหลายคนเข้าไปเคารพอนุสาวรีย์แห่งชาติ (National Memorial at Vìtkov) จากนั้นเดินลงอีกด้านของสวน เป็นทางเลียบขนานกับถนนเพอร์เนอโรวา (Pernerova) ซึ่งตลอดทางเต็มไปด้วยตึกเก่าสวยงาม ฉันแวะชมความงามของโบสถ์ขนาดใหญ่ ตัวโบสถ์สีดำคล้ำ มองจากภายนอกดูเก่ามาก แต่ไม่น่าเชื่อว่าภายในมีความงดงามอย่างยิ่ง บานประตูขนาดใหญ่มีรูปปั้นเล่าเรื่องราวของศาสนาคริสต์ที่รังสรรค์ขึ้นด้วยความประณีตประดับอยู่ ผู้คนจึงให้ความสนใจและถ่ายภาพกันมากมาย การเข้าชมภายในสามารถเข้าชมฟรีมีบาทหลวงคอยให้บริการและทักทายอย่างเป็นมิตร

จากนั้น ฉันเดินเท้าไปยังพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ (National Museum) เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดของเมืองนี้ อาคารเก่าแก่สร้างด้วยศิลปะแบบเรอเนซองซ์ มีขนาดใหญ่โตมาก ภายในมีทั้งงานศิลปะและวัตถุโบราณมากถึง 14 ล้านชิ้น ภายในยังมีส่วนของห้องสมุดรวมอยู่ด้วย

ด้านหน้าพิพิธภัณฑ์คือ อนุสาวรีย์ของเซนต์เวนเซสลัส (St.Wenceslas) ไม่ไกลกันคือ จัตุรัสเวนเซสลัส ที่มีถนนเส้นใหญ่ทอดตัวยาวผ่านย่านเมืองใหม่ของปราก ซึ่งสองด้านของถนนสายสำคัญของเมืองนี้ถือเป็นย่านใจกลางเมือง เป็นศูนย์รวมของห้างสรรพสินค้าร้านอาหาร บาร์ ร้านขายของที่ระลึก และร้านอาหารที่มีหลายระดับให้เลือกทานกันอย่างจุใจ ร้านขายของที่ระลึกได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษ ส่วนเกาะกลางถนนทำเป็นร้านอาหารเช่นกัน แม้ปรากจะไม่ทันสมัยเทียบเท่าเมืองใหญ่ในยุโรป แต่ที่นี่มีร้านแบรนด์ดังๆ ให้จับจ่ายใช้สอยกันสนุกมือ

กรุงปราก
ของที่ระลึกที่ราคาไม่ถูก

นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เลือกเดินไปบนถนนสายหลักที่เป็นเส้นทางของรถรางซึ่งทอดตัวผ่านย่านใจกลางเมือง สองข้างทางเต็มไปด้วยตึกเก่าแก่ที่สวยงาม จุดมุ่งหมายของนักท่องเที่ยวที่เดินไปตามเส้นทางสายนี้คือการไปชมความงดงามของโบสถ์อีกแห่งหนึ่งคือ Church of Our Lady Victorious (Infant Jesus of Prague) ปรากถือเป็นเมืองที่มีโบสถ์จำนวนมากเมืองหนึ่งของยุโรป นั่นแสดงว่าในอดีตศาสนาคริสต์ที่นี่เคยรุ่งเรืองมาก แม้ปัจจุบันศาสนากลายเป็นเรื่องรองในชีวิตประจำวัน แต่ร่องรอยของศรัทธากลับสร้างค่าได้อย่างมากมายมหาศาล เมื่อกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เรียกแขกได้จากทั่วทุกมุมโลก

กรุงปราก
ความงดงามบนเพดานโบสถ์

ก่อนไปชมความงดงามของปราสาทเมืองปราก ไม่ไกลกันคือปราสาทสวย ๆ แบบฉบับของชาวโบฮีเมียน ถือเป็นการสลับสับเปลี่ยนบรรยากาศบริเวณรอบ ๆ มีบริการรถม้า ใครชื่นชอบสวมบทบาทสมมุติให้ตัวเองเป็นชาวยุโรปโบราณ การนั่งรถม้าชมเมืองจึงน่าจะได้บรรยากาศอย่างที่สุดการเดินเล่นริมแม่น้ำปรากถือเป็นการผ่อนคลายอย่างยิ่ง ในสายน้ำเต็มไปด้วยหงส์สีขาวเล่นน้ำอย่างมีความสุขจับคู่เริงร่าเตรียมสร้างครอบครัว

โบสถ์เซนต์วิทัส  (St.Vitus Cathedral) โบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดในปราสาทเมืองปราก

ปราสาทเมืองปราก
ฉันมาถึงสถานที่สำคัญของเมืองนี้คือ ปราสาทเมืองปราก (Prague Castle) ตั้งอยู่บนเนินเขาทางด้านตะวันตกของแม่น้ำวัลตาวา (Vltava River) ปราสาทเมืองปรากมีขนาดใหญ่มาก ไม่ว่าจะมองไปทางใดก็มองเห็นปราสาทแห่งนี้เสมอ ภายในประกอบด้วยโบสถ์ที่มีความงามมาก จึงทำให้รอคิวค่อนข้างยาว ใครมีเวลาน้อยควรซื้อบริการทัวร์หรือบัตรผ่านประตูล่วงหน้า จะช่วยให้ลดเวลาไปพอสมควรออกจากปราสาทเมืองปรากแล้ว ฉันไปเดินช็อปต่อที่ตรอกแคบ ๆ ที่เต็มไปด้วยร้านขายของที่ระลึก รวมทั้งร้านอาหารขนาดเล็ก ใครเดินผ่านต้องจ่ายค่าผ่านทางด้วย แต่เนื่องจากเย็นมากแล้ว คนเก็บค่าประตูจึงให้ผ่านเข้าไปแบบไม่ต้องควักสักยูโร

กรุงปราก
โบสถ์ติน (Tyn Church)

สถานที่อีกแห่งที่ไม่ควรพลาดคือ การไปเดินเล่นที่เกาะเล็ก ๆ ชื่อเกาะสลาโวนิก (Slavonic Island) กลางสายน้ำที่ไหลเอื่อย ๆ ที่นี่มีสนามเด็กเล่นขนาดใหญ่ สวนสาธารณะที่มีต้นแมกโนเลียเบ่งบาน กลิ่นหอมรัญจวนใจอย่างมาก จากนั้นมาเดินชมความงดงามของตึกเก่าบนถนนพาริซสกา (Parˆìžskà Street) ถือเป็นถนนสายที่สวยที่สุด ส่วนใครที่ชื่นชอบละคร สามารถแวะชมการแสดงโอเปร่าที่โรงละครแห่งชาติ (NationalTheater) ได้

กรุงปราก
ประตูพาวเดอร์ทาวเวอร์ (Power Tower)

กรุงปรากมีแม่น้ำไหลผ่าน ทำให้เมืองนี้มีสะพานหลายแห่งเชื่อมสองฝั่งน้ำเข้าด้วยกัน มีสะพานสองแห่งที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวอย่างมากคือ สะพานลีเจียน (Legion Bridge) โดยสะพานแห่งนี้เป็นเส้นทางของรถรางวิ่งผ่าน ทำให้หลายคนชอบมาเก็บภาพกับรถรางกันที่นี่เมื่อข้ามสะพานแห่งนี้แล้วจะพบกับร้านขายของที่ระลึก และทางเดินเลียบแม่น้ำวัลตาวาที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินลงไปชมฝูงหงส์จำนวนมาก

โบสถ์อีกแห่งในปราสาทเมืองปราก

แน่นอนว่ามาถึงปรากแล้วต้องไปเดินเล่นที่สะพานชาร์ลส์ (Charles Bridge) ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของเมืองนี้ ปรากในฤดูใบไม้ผลิฟ้าใสมากอากาศหนาวนิด ๆ การถ่ายภาพจึงได้ผลงานที่สวยงาม สะพานแห่งนี้เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย การถ่ายภาพอาจจะต้องรอคิวกันพอสมควร แต่เป็นการดีที่เราสามารถขอความช่วยเหลือให้ใคร ๆ หลายคนช่วยเก็บภาพว่าเคยมาเยือนที่นี่ วันนั้นโชคดีอย่างที่สุดที่เจอครอบครัวคนไทยดีที่เอ่ยปากเป็นตากล้องเก็บภาพสวย ๆ ของเมืองนี้ให้ ขอขอบคุณไว้ ณ ตรงนี้ด้วย

ฉันอยู่เมืองปราก 6 วัน ไม่มีช่วงเวลาใดของสะพานชาร์ลส์แห่งนี้จะร้างราผู้คน ยามค่ำคืนแสงไฟที่ตกแต่งไว้อย่างงดงามทำให้ภาพสะท้อนในสายน้ำสวยงามเกินกว่าจะละสายตาจากมาได้ ไม่แปลกใจที่ใครหลายคนยอมยืนทอดอารมณ์บนสะพานแห่งนี้ได้นานหลายชั่วโมง และไม่ลืมที่จะถ่ายภาพกับอนุสาวรีย์ รวมทั้งเอามือลูบ ๆ คลำ ๆ เพราะเชื่อว่าจะพบแต่ความโชคดี สมหวังในความรัก สุดแต่จะสมมุติกันไปบนสะพานยังเต็มไปด้วยศิลปินมือสมัครเล่นมาวางผลงานขาย หรือแม้แต่ใครชื่นชอบภาพเหมือนหรือภาพล้อก็ซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้านกันได้

กรุงปราก
สะพานชาร์ลส์

เมื่อเดินลงจากสะพานแล้ว ทุกคนต้องเดินลอดผ่านประตูซึ่งสร้างเป็นหอคอย เรียกว่า พาวเดอร์ทาวเวอร์ (Powder Tower) เพื่อเข้าสู่ย่านเมืองเก่า ประตูแห่งนี้ถือเป็นประตูเก่าแก่มาก สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1475 และซ่อมแซมอีกครั้งในปี ค.ศ. 1876 ส่วนของหอคอยเคยใช้เป็นที่วางปืนใหญ่ในยุคที่เมืองปรากปกครองด้วยกษัตริย์

ส่วนใครที่ยังไม่ได้เต็มอิ่มกับสเน่ห์ของปราก การล่องเรือชมความงดงามของเมืองนี้ถือเป็นกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวหลายคนตั้งใจอย่างมากเมื่อมาถึงที่นี่ โปรแกรมการล่องเรือจะมีราคาแตกต่างกันไปตามระยะเวลาและสถานที่ที่เรือจะแล่นผ่าน มีบริการทั้งกลางวันและกลางคืน เพราะปรากสวยอย่างมีเอกลักษณ์ ภาพเงาของปราสาทที่สะท้อนบนผืนน้ำในยามค่ำคืนนั้นงดงามยิ่งนัก

สีสันของเมืองเก่า
กรุงปรากเหมาะอย่างมากในการเดินชมรอบเมือง เนื่องจากเมืองนี้มีขนาดเล็ก การเดินชมเมืองจึงไม่เหนื่อยมาก การเดินย่านจัตุรัสเมืองเก่า (Old Town Square) ถือเป็นไฮไลต์ของ Walking Tour กันเลยทีเดียว ย่านเมืองเก่ารายล้อมไปด้วยตึกเก่า ๆ ที่สร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบบาโรก นั่นแปลว่าหรูหราฟู่ฟ่าอย่างมาก มีหอนาฬิกา (Astronomical Clock) ที่นักท่องเที่ยวหลายคนมายืนรอด้านหน้าเพื่อชมจังหวะที่เข็มนาฬิกาดาราศาสตร์จะเปลี่ยนตำแหน่งเมื่อเวลาเดินเข้าสู่ชั่วโมงใหม่ แล้วตุ๊กตาจะขยับเขยื้อนอย่างน่ารัก ไม่น่าเชื่อว่ามีนักท่องเที่ยวมารอชมกันมากมายขนาดนี้ บางคนชอบความตื่นเต้น จึงเลือกที่จะปีนบันไดวนแคบ ๆ เพื่อขึ้นไปชมหอคอยด้านบน

กรุงปราก
อาคารที่มีสถาปัตยกรรมสไตล์โบฮีเมียน

ไม่ไกลกันคือ โบสถ์ติน (Tün Church) สร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบกอทิก โบสถ์แห่งนี้ถือว่าเก่าแก่อย่างมาก มีความสูงถึง 80 เมตรทำให้มองเห็นส่วนยอดโดดเด่นในระยะไกล สร้างตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 14 พร้อมการสร้างเมืองเก่าแห่งนี้ และอีกโบสถ์ที่ถูกบันทึกภาพจากนักเดินทางมากไม่แพ้สถานที่อื่นคือ โบสถ์เซนต์นิโคลัส (St. Nicholas Church) โบสถ์แห่งนี้มีสีขาว ทำให้โดดเด่นอย่างมาก และจะสวยมากเมื่อยามราตรีมาเยือนอย่างช้า ๆ แสงสีส้มทาบทาท้องฟ้า ส่งให้ภาพที่ได้พบเจองดงามดั่งภาพฝัน ใกล้ ๆ กับโบสถ์คือร้านอาหารที่มีทั้งแบบสั่งตามเมนูและบุฟเฟ่ต์ที่ราคาไม่โหดร้ายเกินไปนัก

กรุงปราก
มุมสวยในย่านเมืองเก่า

ย่านเมืองเก่าจะมีชีวิตชีวาอย่างยิ่งในยามค่ำคืน กรุงปรากจึงถือเป็นเมืองที่มีเสน่ห์ในทุกวินาทีที่ท่องเที่ยวอยู่ที่นี่ สิ่งที่น่าชื่นชมอย่างมากของเมืองนี้คือ มีการตกแต่งแสงไฟอย่างสวยงาม ยิ่งเพิ่มเสน่ห์ให้เมืองนี้ในยามค่ำคืน

กรุงปราก
สีสันยามค่ำในเขตเมืองเก่า

ส่วนคนที่หลงใหลในดนตรีคลาสสิก ที่นี่มีทั้งโรงละครและโอเปร่าที่ขึ้นชื่ออย่างมาก มีละครแสดงกันทุกวัน ล้วนแต่เป็นเรื่องที่โด่งดัง
ทั้งในอดีตและปัจจุบัน โรงละคร State Opera ตั้งอยู่บริเวณเชิงประตูพาวเดอร์ทาวเวอร์ ถือเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวอาคารของโรงละครงดงามอย่างมาก ด้านหน้าจึงเต็มไปด้วยผู้คนวุ่นวายกับการบันทึกภาพสถานที่แห่งนี้ เจ้าหน้าที่โรงละครจะเร่ขายบัตรชมละครในราคาพิเศษ ถือว่าสะดวกอย่างยิ่ง จองตั๋วเรียบร้อยแล้วก็เดินชื่นชมความงดงามของเมืองนี้กันต่อด้วยความสุขใจ

กรุงปราก
ซากุระบานสะพรั่งในสวนเปอตรินฮิลล์

ปิดท้ายด้วยการไปพักผ่อนในสวนสาธารณะอีกแห่งที่ได้รับความนิยมอย่างมากทั้งชาวปรากและนักท่องเที่ยวคือ เปอตรินฮิลล์ (Petrˆìn Hill) สวนสาธารณะแห่งนี้ตั้งอยู่บนเนิน ภายในสวนจะมีส่วนของซากุระสีขาวจำนวนมาก ทางเดินเลียบถนนปลูกซากุระเรียงรายไว้อย่างเป็นระเบียบนักท่องเที่ยวต่างสนุกสนานกับการมาเก็บภาพของดอกไม้ประจำชาติญี่ปุ่นที่ใคร ๆ ก็หลงรัก ไกลออกไปคือปราสาทเมืองปราก ภายในสวนยังมีส่วนของสนามเด็กเล่น ที่นี่จึงพบครอบครัวคนไทยมาตั้งวงส้มตำคุยกันด้วยภาษาไทย บ่งบอกถึงความอบอุ่นกับชีวิตต่างแดน

สวนสาธารณะเปอตรินฮิลล์ฉันอำลาปรากด้วยหัวใจที่อิ่มเอม และไม่ลืมที่จะสัญญากับตัวเองว่า จะกลับมาที่นี่อีกครั้งกับชายคนรัก ฉันจะมาฮันนีมูนที่นี่!!!!


เรื่องและภาพ : นิตยสารแพรว ฉบับ 924

Praew Recommend

keyboard_arrow_up