เติมสีสันให้ชีวิตที่ MADRID (ตอนที่1)

Madrid…เสน่ห์สีสันและความยิ่งใหญ่แห่งอดีต
มาดริดเป็นเมืองหลวงและเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของสเปน จึงเป็นเมืองที่มีเสน่ห์และสีสันอย่างมากอีกแห่งหนึ่งของโลก ไม่ได้เป็นเมืองที่สวยงามที่สุดในยุโรป แต่เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยิ่งใหญ่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างโชกโชนและยาวนาน เป็นประเทศที่ออกเดินเรือล่าอาณานิคมเมื่อห้าร้อยกว่าปีก่อน ดูเหมือนว่าในสมัยนั้นโลกถูกแบ่งออกเป็นสองซีก ซีกหนึ่งเป็นของโปรตุเกส อีกซีกหนึ่งเป็นของสเปนทำให้ภาษาสเปนและโปรตุเกสกลายเป็นภาษาที่ใช้กันแพร่หลายเป็นอันดับต้น ๆ ของโลกมาจนถึงปัจจุบัน
1
สงครามศาสนาระหว่างคริสต์โรมันคาทอลิกกับมุสลิมก่อให้เกิดร่องรอยทางสถาปัตยกรรม มัสยิดหลายแห่งปรับเปลี่ยนให้เป็นโบสถ์ แต่ปัจจุบันแขกมัวร์และชาวคริสต์อยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุขมาดริดจึงเป็นเมืองที่มีความงดงามทางศิลปะและสถาปัตยกรรมให้ดูครบเครื่องจริง ๆ
2
ฉันทำการบ้านล่วงหน้านานมาก เรื่องที่พักหลับนอน เลือกจากเว็บไซต์อโกด้าเหมือนทุกครั้ง แล้วก็ไม่ผิดหวัง เลือกได้ตามความหนักเบาของกระเป๋าสตางค์ ฉันเลือกที่พักในทำเลทองอยู่ใกล้สถานีรถไฟมองจากระเบียงเหล็กดัดหน้าห้องพักเห็นร้านรวงบูติกแบรนด์เนมสุดหรูทั้งหลาย

ย่านนี้เป็นจุดศูนย์กลางของมาดริดเรียกว่า จัตุรัสปูเอร์ตา เดลโซล (Puerta del Sol) แปลว่าประตูแห่งดวงอาทิตย์ เป็นจุดเริ่มต้นของถนนทุกสาย และหลัก กม.ที่ 0 ก็เริ่มต้นตรงหน้าตึกที่ทำการไปรษณีย์ในวันที่ดินฟ้าอากาศเป็นใจ ใจกลางจัตุรัสแห่งนี้จึงประดับด้วยผู้คนจนบางทีใช้คำว่าคึกคักคงจะน้อยไป สถานที่แห่งนี้จึงกลายเป็นศูนย์กลางแห่งการจัดงานสำคัญ ๆ ของชาวสเปนและชาวมาดริด
3
ฉันเดินเล่นตามผู้คน เที่ยวชมเมืองไปเรื่อย ๆ ชาวสเปนก็ไม่ได้แตกต่างไปจากชนชาวยุโรปประเทศอื่นมากนัก ยามว่างมักจะนั่งดื่มกาแฟกลางแจ้ง พบปะนั่งคุยกัน จัตุรัสใจกลางเมืองอย่าง ปลาซ่า มายอร์ (Plaza Mayor) ถือเป็นย่านที่ครึกครื้นและคลาคล่ำไปด้วยผู้คนตลอดเวลา
4
ย่านจัตุรัสปูเอร์ตา เดล โซล เป็นทั้งจุดศูนย์กลางของแลนด์-มาร์คของมาดริด ทั้ง ศาลาว่าการเมืองมาดริด (Casa Real de Correos) เป็นอาคารที่เก่าแก่ที่สุดในย่านนี้ ไม่ไกลกันมีรูปปั้นหมีกินผลไม้จากต้นมาโดรนโย่ (Oso y el Madron˜o) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของมาดริดหมีตัวนี้อยู่ในตราประจำเมือง ใกล้ ๆ กันตรงลานกว้างมีพระราชานุสาวรีย์
ของพระเจ้าคาร์ลอสที่ 3 (King Carlos III) ประดิษฐานอยู่ด้วยเดินเพลิน ๆ ไม่นาน ผ่านซอกซอยที่เต็มไปด้วยร้านรวงน่ารักน่าช็อปก็มาถึงถนนแกรนเบีย (Gran V a) ถนนสายสีสันของมาดริดอายุอานามร้อยกว่าปี โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมอันงดงามของอาคารทั้งสองฟากถนน ที่นี่กลายเป็นถนนหรูสุดของเมือง เพราะมีบรรดาร้านแบรนด์เนมครบทุกแบรนด์ที่ขาช็อปทั้งหลายต้องแวะมาเช็กชื่อ
5
6
ดอน กิโฆเต้ (Don Quixote) อัศวินนักฝัน
ฉันเดินเอื่อยเฉื่อยไปเรื่อย ๆ ก็มาโผล่ตรง ปลาซ่า เด เอสปันย่า (Plaza de Espan˜a) ใจกลางของจัตุรัสเป็นอนุสาวรีย์ของดอน กิโฆเต้ และซานโช่ ปันซ่า รูปปั้นอัศวินขี่ม้าและผู้ติดตามคู่หูที่ขี่ลา ตั้งอยู่ตรงฐานของอนุสาวรีย์ เป็นตัวละครจากวรรณกรรมคลาสสิกเรื่อง “สู่ฝันอันยิ่งใหญ่” และมีรูปปั้นแกะสลักของ มิเกล เด เซร์บันเตส (Miguel de Cervantes) มองลงมายังตัวละครที่โด่งดังของเขา
7
แม้เรื่องนี้จะเขียนขึ้นมาเมื่อสี่ร้อยปีแล้ว แต่เป็นเรื่องที่ฉันหยิบขึ้นมาอ่านเมื่อไร หัวใจก็เป็นสุข เพราะชอบในเรื่องราวการผจญภัย ซึ่งมีทั้งวีรกรรมการต่อสู้และความรัก

ที่มา : คอลัมน์สารคดีท่องเที่ยว นิตยสารแพรว ฉบับที่ 857 ปักษ์วันที่ 10 พฤษภาคม 2558

Praew Recommend

keyboard_arrow_up