เอาใจพี่ไปเลยยย… 10 ข้อคิดชีวิต Goblin ซีรี่ส์ดีที่ไม่ได้ขายแต่ความฟิน

Goblin ซีรี่ส์เกาหลีที่มีกระแสความนิยมฮิตไปทั่วโลก ไม่เว้นแม้แต่ในประเทศไทย

กลไกที่ทำให้ละครเรื่องนี้ประสบความสำเร็จ นอกจากทีมนักแสดงระดับตัวแม่ บทโทรทัศน์ เทคนิคการถ่ายทำ และเพลงประกอบเพราะๆแล้ว สิ่งที่ทำให้ก็อบลินมีความโดดเด่นเหนือกว่าซีรี่ส์เกาหลีรักๆใคร่ๆเรื่องอื่นๆก็คือ ข้อคิดชีวิตที่สอดแทรกไว้ในการกระทำและคำพูดของตัวละคร

และนี่คือ 10 ข้อคิดชีวิต ที่ซีรี่ส์เกาหลีเรื่อง Goblin ได้สอนเรา

1. รักแท้มีจริง และจะหาคุณเจอเสมอ

คิมชินต้องรอคอยถึง 939 ปีกว่าจะได้พบรักแท้ของเขา นอกจากนี้เขายังต้องรอถึง 9 ปีเพื่อจะได้อยู่กับจีอึนทัก แถมด้วยอีก 30 ปีที่จะได้กลับมาพบกันใหม่อีกครั้ง ความอดทนและยึดมั่นที่จะได้อยู่กับรักแท้หนึ่งเดียวของเขานั้นช่างเป็นตัวอย่างของความรักที่ยิ่งใหญ่และน่านับถือสุดๆ เฉกเช่นเดียวกัน ถ้าคุณรักใครสักคนจริงๆ คุณจะรอเขาได้ไม่ว่าจะนานแค่ไหน และถ้ามีใครสักคนรักคุณจริงๆ คนคนนั้นก็จะรอคุณเช่นกัน จำไว้ว่ารักแท้จะหาคุณเจอเสมอ

2. ทุกนาทีมีค่า จงให้ความสำคัญกับช่วงเวลาที่คุณได้อยู่กับคนที่คุณรัก

ข้อคิดนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ซีรี่ส์ก็อบลินมีซีนที่ย้ำถึงความสำคัญของการใส่ใจคนที่คุณรักได้ชัดเจนสะกิดใจเหลือเกิน เพราะแทบทุกตอนจะมีเรื่องของคนที่ต้องตายจากไปโดยทิ้งคนที่รักไว้เบื้องหลังแทรกอยู่เสมอ ซึ่งเรื่องน่าเศร้านี้เป็นเครื่องเตือนใจให้เราให้ความสำคัญกับช่วงเวลาที่ได้อยู่กับคนที่รักได้เป็นอย่างดี เพราะฉะนั้นไม่ว่าอากาศจะดีจะร้ายอย่างไร เราก็ควรใส่ใจกับเวลาและใช้ชีวิตกับคนที่เรารักอย่างเต็มที่ เพราะเราไม่มีวันรู้ว่าจะมีโอกาสบอกรักคนที่สำคัญกับเราได้อีกนานแค่ไหน

3. สวรรค์ไม่ได้มีไว้เพื่อมนุษย์เท่านั้น

ซีนเล็กๆแต่สร้างรอยยิ้มในวงกว้าง เมื่อชายตาบอดหมดกรรมบนโลกมนุษย์ หลังจากผ่านห้องพิพากษาของยมทูต และเปิดประตูเพื่อเดินทางขึ้นไปยังสวรรค์ บอกเลยว่าภาพน้องหมายืนกระดิกหางรอก้าวเดินขึ้นสวรรค์ไปพร้อมกันนั้น นำความสุขใจมาให้คนรักสุนัขทุกคน  เอาเป็นว่าถ้าสวรรค์มีจริง เราก็อยากให้บนนั้นมีน้องหมาด้วย จริงๆนะ

4. แตกต่างไม่แตกแยก

ความสัมพันธ์ของก็อบลินกับยมทูตนั้นเป็นตัวอย่างของมิตรภาพที่ดี  และอาจจะเป็นเรื่องราวมิตรภาพที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งในประวัติศาสตร์ซีรี่ส์เกาหลีเลยก็ได้ สิ่งที่น่าสนใจมากๆในความสัมพันธ์ของ 2 คนนี้คือความเห็นเรื่องความเป็นความตายที่ต่างกันสุดขั้ว แต่ถึงจะมีความเห็นไม่ลงรอยกันอย่างไร พวกเขาก็ยังเป็นเพื่อนสนิทกันได้ คนเราคิดไม่เหมือนกันก็ไม่จำเป็นต้องเกลียดกันเสมอไปนี่นา จริงมั้ย?

5. รักของแม่ยิ่งใหญ่เสมอ

แม้ว่าแม่ของจีอึนทักจะตายจากไปตั้งแต่ต้นเรื่อง แต่เธอก็ยังคงมีตัวตนอยู่กับลูกสาวไปตลอดทั้งเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นผ้าพันคอสีแดงที่เปรียบเสมือนเป็นตัวแทนของเธอ หรือเพื่อนสนิท (วิญญาณ) ที่คอยช่วยดูแลสมุดบัญชีเพื่อนำส่งมอบให้จีอึนทักในเวลาที่เหมาะสม จริงอยู่ว่าความห่วงใยลูกจนทำให้ไปสู่สุคติไม่ได้อาจจะเป็นความรู้สึกเจ็บปวดและบีบคั้นอารมณ์คนดูไม่น้อย แต่คุณคงไม่ปฏิเสธนะว่าผ้าพันคอสีแดงที่เห็นนั้นชวนให้รู้สึกอบอุ่นไปด้วยในขณะเดียวกัน

6. ฟังเสียงหัวใจตัวเองก่อนฟังเสียงคนอื่น

คิมชินและน้องสาวคงไม่ต้องตาย ถ้าวังยอไม่ได้เป็นพระราชาหุ่นเชิดหูเบาให้พัคจุงวอนบงการ ถ้าเพียงแต่เขาฟังเสียงหัวใจตนเองและรู้จักตัดสินใจเรื่องต่างๆด้วยการคิดวิเคราะห์ของตัวเอง เขาก็ไม่ต้องสูญเสียคนที่เขารักไป บ่อยครั้งที่เราได้รับการยัดเยียดความเห็นต่างๆนานาจากผู้คนรอบข้างจนหลงลืมความต้องการและความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเราเองไป เพราะฉะนั้นโปรดระวัง และใช้สติในการฟังทุกครั้ง

7. จงใส่ใจความรู้สึกของผู้คนรอบข้าง

ไม่ได้ย้อนแย้งกับข้อตะกี้ แค่ต้องการจะชี้ว่าโศกนาฏกรรมของพระราชาวังยอนั้น เกิดขึ้นเพราะความไม่แยแสต่อผู้คนที่อยู่รอบข้าง สิ่งที่เขารู้สึกมีเพียงความโดดเดี่ยว ไม่มีใครรัก และการทรยศหักหลัง ซึ่งหากเพียงแต่เขาใส่ใจคนรอบข้างสักนิด เขาก็ไม่ต้องสูญเสียคนรักไป เราจึงควรใส่ใจในความรู้สึกของคนรอบข้างที่รักเรา และอย่าปล่อยให้ความรู้สึกริษยา โกรธแค้น ชิงชัง มาบดบังสายตาเราจากความถูก ความผิด และที่สำคัญสุดๆคือ เราควรรู้จักรับความช่วยเหลือจากผู้อื่น เช่นเดียวกับต้องรู้จักให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ที่ต้องการด้วย

8. อย่ายึดติดกับอดีต และใช้มันเป็นบทเรียนเพื่ออยู่กับปัจจุบัน

เมื่อคิมชินพบว่ายมทูตคืออดีตพระราชาที่สั่งฆ่าเขา ความโกรธก็พลุ่งพล่านจนถึงขั้นที่เขาคิดจะลงมือฆ่ายมฑูต แต่สุดท้ายเขาก็หยุดความคิดนั้นได้ เพราะคิดถึงมิตรภาพที่เกิดขึ้นจากช่วงเวลาที่ได้อยู่บ้านเดียวกัน เช่นเดียวกัน หลายๆคนอาจจะยังคงยึดติดกับอดีตจนไม่อาจก้าวเดินต่อไปได้ แต่หากเรามีความกล้าพอที่จะละทิ้งความยึดติดที่มีกับอดีตแล้วใช้มันเป็นบทเรียนเพื่ออยู่กับปัจจุบัน ชีวิตเราก็คงจะมีความสุขกว่านี้

9. แท้จริงแล้วมนุษย์เป็นผู้เลือกชะตาชีวิตตัวเอง หาใช่ใครไม่

ในซีรี่ส์ จีอึนทักเลือกสละชีวิตตนเองเพื่อช่วยเหลือเด็กที่กำลังจะถูกรถชน ขณะที่ซันนี่ก็ปฏิเสธที่จะลบความทรงจำของตัวเองแล้วใช้ชีวิตตามทางที่เธอกำหนด ถ้านั่นยังไม่ใช่บทพิสูจน์ว่าเราทุกคนคือผู้กำหนดชีวิตตัวเอง คุณก็มองไปที่นายก็อบลินกับชีวิตอมตะของเขา ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นทั้งพรและคำสาปที่เขาได้รับจากพระเจ้า และมีหลายครั้งเขาก็ต่อว่าแผนการของพระเจ้าที่ทำให้เขามีชีวิตเฉกเช่นนี้เพื่ออยู่ดูคนที่เขารักทยอยตายจากไป จนเมื่อพระเจ้ากล่าวกับเขาผ่านด็อกฮวาว่า “โชคชะตาคือคำถามที่เรามอบให้ ส่วนคำตอบคือสิ่งที่เจ้าต้องค้นหาเอง” ซึ่งข้อคิดเรื่องนี้ก็ใช้ได้กับทุกคน สุข ทุกข์ หรือแม้แต่ทางเดินในชีวิต แท้จริงแล้วเราคือคนเลือกที่จะทำให้เกิดหรือไม่เกิดกับชีวิตตัวเองทั้งสิ้น

10. ไม่มีใครหลีกหนีความตายพ้น

ไม่ว่าก็อบลินและยมทูตจะผลัดกันช่วยชีวิตจีอึนทักไว้กี่ครั้ง เธอก็ยังต้องตายอยู่ดี ในฐานะมนุษย์แล้ว ชีวิตก็เป็นอย่างที่เธอบอกไว้ “ชีวิตนั้นเป็นสิ่งงดงาม เพราะเราไม่รู้ว่ามันจะจบลงเมื่อไร”  ทว่าแม้ช่วงเวลาที่จีอึนทักได้อยู่กับคิมชินจะไม่ยั่งยืน โดยเฉพาะเมื่อคำนึงถึงความเป็นอมตะของคิมชิน แต่กระนั้น ช่วงเวลาของพวกเขาก็มีดอกไม้บานมากกว่าฝนตก

ซึ่งนั่นมีค่าเหนือกว่าสิ่งอื่นใดแล้วไม่ใช่หรือ

ที่มาภาพ : http://tvn.tving.com/tvn