รับซัมเมอร์อย่างมั่นใจ ด้วยเทคนิคการปกป้องผิวให้ขาวใส ปลอดภัยจากแสงแดดทุกวินาที

เพราะเวลาแห่งความหมองคล้ำ ไม่เคยหยุดเดิน ผิวของเรานั้นจึงถูกทำร้ายจากแสงแดดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ อย่างยิ่งในช่วงฤดูร้อนนี้ สาวๆ ส่วนใหญ่คงกำลังวางแผนการท่องเที่ยวหรือทำกิจกรรมที่ต้องออกไปเผชิญกับแสงแดดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นเราจึงได้รวบรวมหลากหลายเทคนิคการดูแลและฟื้นฟูผิวอย่างมีประสิทธิภาพสำหรับซัมเมอร์นี้มาให้สาวๆ ได้ลองทำตามกัน

มั่นใจว่าผิวขาวใส ปลอดภัยจากแสงแดดได้ทุกวินาที ด้วยคุณสมบัติเฉพาะตัวของครีมกันแดด

สาวๆ หลายคนคงจะเคยประสบปัญหาเกี่ยวกับครีมกันแดดมามากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งความหงุดหงิดใจ เมื่อพบว่าถึงแม้จะใช้ครีมกันแดดแล้ว แต่ก็ยังเกิดรอยไหม้หรือสีผิวไม่สม่ำเสมอกันหลังออกแดดจนได้ ซึ่งปัญหาเหล่านี้ล้วนเกิดจากการใช้ครีมกันแดดอย่างไม่ถูกต้องและไม่ถูกวิธีด้วยกันทั้งสิ้น เพราะการใช้ครีมกันแดดไม่ใช่เป็นเพียงแค่การทาลงไปบนผิวเท่านั้น แต่ยังมีองค์ประกอบและปัจจัยอื่นๆ ที่สาวๆ ควรจะต้องรู้และปฎิบัติตามด้วย เพื่อให้ครีมกันแดดที่ทาลงไปมีประสิทธิภาพในการปกป้องผิวของคุณได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้สาวๆ ยังไม่ควรละเลยการทาครีมกันแดดในจุดสำคัญ ที่นอกเหนือจากผิวหน้าและผิวกายด้วย เช่น การทาครีมกันแดดบริเวณท้ายทอยหรือต้นคอ เพราะผิวบริเวณดังกล่าวเป็นส่วนที่สัมผัสกับปริมาณแดดในระดับเดียวกับใบหน้า และยังเป็นการเกลี่ยทาเพื่อให้สีผิวสม่ำเสมอกัน รวมถึงบริเวณหลังเท้าที่สาวๆ อาจมองข้าม เพราะหากผิวหลังเท้าไม่ได้รับการปกป้องก็อาจเกิดเป็นรอยด่างดำจากสายคาดหรือลวดลายของรองเท้าที่คุณสวมใส่ก็เป็นได้

เตรียมผิวให้พร้อมสำหรับการทาครีมกันแดด ด้วยขั้นตอนการ “ขัดผิว”

การทำสครับ หรือ ขัดผิว เป็นขั้นตอนการปรับสภาพผิว โดยกำจัดเอาเซลล์ผิวส่วนที่ตายแล้วหรือเสื่อมสภาพ เรียกได้ว่าช่วยขจัดสารพิษและลดการอุดตันของเซลล์ผิวจากของเสียต่างๆที่ตกค้างบนผิวออกไปทางระบบน้ำเหลือง ทำให้กระบวนการไหลเวียนของเลือดใต้ผิวดีขึ้น ซึ่งควรทำอาทิตย์ละไม่เกิน 2 ครั้งก็เพียงพอสำหรับผิวหน้าและผิวกาย โดยขั้นตอนการขัดผิวเริ่มตั้งแต่

1) ทำผิวให้เปียกด้วยน้ำ
2) นำผลิตภัณฑ์ขัดผิวเทใส่ใยบวบ ฟองน้ำหรือถุงมือ เกลี่ยหรือกระจายให้ทั่วมือและลูบไล้ลงผิวเบาๆ
3) นวดผลิตภัณฑ์ขัดผิวด้วยการวนมือเป็นลักษณะวงกลมเบาๆ เพื่อกระตุ้นระบบการไหลเวียน
4) ล้างน้ำออกให้หมดจด ซับให้แห้งและทาครีมบำรุงที่ให้ความชุ่มชื้นสูงขณะที่ผิวยังชื้นอยู่ หลังจากนั้นจึงเริ่มทาครีมกันแดด ซึ่งการหมั่นขัดผิวเป็นประจำอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง เพื่อเป็นการเตรียมผิวให้พร้อมรองรับการบำรุงจากครีมบำรุงต่างๆ และช่วยให้อนุภาคของครีมกันแดดสามารถเกาะติดผิวได้ดีกว่า เพิ่มประสิทธิภาพการปกป้องผิวมิให้เสื่อมสภาพและหมองคล้ำจากมลภาวะ แสงแดดและแสงไฟได้

ใช้ครีมกันแดดอย่างไร ให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ในชีวิตประจำวัน (Daily Use)

การทาครีมกันแดดที่ถูกวิธีจะทำให้ผิวได้รับการปกป้องอย่างเต็มประสิทธิภาพ เช่น รายละเอียดสำคัญที่สาวๆ หลายคนอาจจะยังไม่รู้ หรืออาจจะเผลอมองข้ามไป นั่นคือการเว้นระยะเวลาในแต่ละลำดับขั้นตอน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด สาวๆ ควรจะเว้นระยะเวลาประมาณ 5-10 นาทีในแต่ละชั้น ก่อนและหลังการทาครีมกันแดด เพื่อที่ครีมแต่ละชนิด ไม่ว่าจะเป็น มอยซ์เจอไรเซอร์ ครีมกันแดด หรือรองพื้น ไม่ผสมรวมกันจนทำให้ประสิทธิภาพในการปกป้องรังสียูวีของครีมกันแดดลดน้อยลง แต่หากสาวๆ ไม่มีเวลามากพอ อาจใช้เทคนิคง่ายๆ อาทิ กรณีสาวผิวมัน หากไม่มีเวลาพอให้เว้นระยะสักพักหนึ่งเพื่อให้ครีมบำรุงได้ซึมซาบลงบนผิวหน้าก่อน อาจเลือกใช้กระดาษทิชชู่แผ่นใหญ่วางทาบลงบนผิวหน้า พร้อมใช้ปลายนิ้วกดลงเบาๆ เพื่อซับน้ำมันส่วนเกินออก เว้นระยะสักครู่แล้วต่อด้วยการลงครีมกันแดดโดยใช้ปลายนิ้วเกลี่ยเนื้อครีมกันแดดจากบริเวณด้านในสู่ด้านนอกของใบหน้าไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อให้เนื้อครีมดูเรียบเนียน พร้อมรอจนเนื้อครีมซึมลงสู่ผิวหน้าสักพักก่อนสู่ขั้นตอนของการลงรองพื้น เป็นต้น

ฟื้นบำรุงผิวสวย ให้กลับมากระจ่างใสหลังออกแดด

เมื่อผ่านพ้นช่วงเวลาเผชิญแสงแดดแล้ว สาวๆ ก็ไม่ควรละเลยการดูแลฟื้นฟูผิวเสียจากแสงแดด ให้กลับมาขาวใสกันด้วยขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้

1. หลังออกแดดทันที ปรับอุณหภูมิผิวหลังโดนแดดเผา โดยใช้ผ้าขนหนูที่แช่เย็นหรือชุบน้ำเย็นประคบตรงบริเวณที่โดนแดดเผาอย่างเบามือ เพื่อปรับอุณหภูมิของผิวหนังในบริเวณนั้นให้กลับมาเป็นปกติ โดยทำซ้ำหลายๆ รอบ ควรเลี่ยงการถูใบหน้าด้วยสบู่ล้างหน้าหรือครีมล้างหน้าต่างๆ แล้วใช้เพียงน้ำสะอาดแทน

2. ระยะช่วงหลังออกแดด 1-3 วันหรือช่วงที่ผิวยังปรากฎรอยไหม้จากแดดอยู่ ควรอดใจรอและลดการใช้เครื่องสำอางและสารบำรุงผิวต่างๆ ลง มากกว่าจะไปโหมเร่งประทินผิวด้วยสารพัดครีมบำรุง เพื่อป้องกันการระคายเคืองที่อาจขึ้นกับผิวในช่วงเวลาที่ผิวบอบบางเป็นพิเศษ เพราะในช่วงระยะเวลานี้ เครื่องสำอางอาจจะยิ่งซ้ำเติมรอยแผลและการฟื้นฟูผิวได้ ให้เวลาผิวได้ปรับตัวให้ดีขึ้นก่อน

3. ระยะที่รอยหมองคล้ำจากแดดดีขึ้นแล้ว เร่งเติมน้ำให้กับผิว เพื่อชดเชยปริมาณน้ำใต้ผิวที่ลดลงไปอย่างมาก ก็ได้เวลาของเครื่องสำอางและครีมบำรุงต่างๆ จะรับบทเอก โดยเฉพาะอย่างยิ่งมอยส์เจอไรเซอร์บำรุงผิวที่ควรเพิ่มการบำรุงให้มากกว่าปกติเป็น 2 เท่า เพื่อเติมน้ำให้ผิวอย่างเพียงพอ

4. ระยะที่ผิวกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว ควรเร่งปกป้องน้ำในผิวต่อเพื่อลดโอกาสเกิดฝ้ากระ ควรบำรุงผิวเพิ่มเติมด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ เซรั่ม หรือพืชที่มีคุณสมบัติให้ความเย็น ช่วยปกป้องความชุ่มชื่นในผิวสูงอาทิ แตงกวาหรือว่านหางจระเข้ หรือสารบำรุงที่มีส่วนผสมในการช่วยยับยั้งการขยายตัวของเม็ดสีเมลานิน อย่างเช่น ส่วนผสมของวิตามินซี หรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวจำพวกไวท์เทนนิ่งที่มีคุณสมบัติช่วยปกป้องการเกิดฝ้าและกระให้กับผิวได้ดีขึ้น และที่สำคัญควรทาผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างเกราะอีกชั้นให้กับผิว

Praew Recommend

keyboard_arrow_up