การเขียนคิ้ว โดยเทคนิคการฝังสีคิ้วช่วยเธอได้เมื่อสาวหน้าบ้านๆอยากคิ้วปังแบบสาวเกาหลี

การเขียนคิ้ว โดยเทคนิคการฝังสีคิ้วช่วยเธอได้เมื่อสาวหน้าบ้านๆอยากคิ้วปังแบบสาวเกาหลี

การเขียนคิ้ว เป็นขั้นตอนที่ขาดไม่ได้ของการแต่งหน้า ซึ่งเราเชื่อว่าผู้หญิงหลายๆ คนก็คงเป็นเหมือนกันกับเรา ถึงแม้จะเป็นวันเบาๆ ไม่ได้แต่งหน้าอะไรมาก แต่ก็ขอแค่ได้เขียนคิ้วหน่อยก็ยังดี เขาถึงบอกไงคะว่าคิ้วคือมงกุฎของหน้าจริงๆ

ซึ่งก่อนหน้านี้เรายอมรับว่าเราอิจฉาคนที่มีคิ้วหนักมาก! เพราะไม่ต้องคอยมานั่งเขียนคิ้วทุกๆ วัน ตื่นมาหน้าสดก็สวยเลย ประหยัดเวลาทำอย่างอื่นไปเยอะ คือคนที่มีคิ้วหรือพวกผู้ชายหลายคนเขาก็ไม่เข้าใจผู้หญิงอย่างเราไงว่า “ก็แค่เขียนคิ้วจะยากเย็นอะไร” เป็นคำพูดที่แทงใจดำเรามาก ใช่สิ๊! เธอมีคิ้วเธอไม่เข้าใจผู้หญิงหน้าโล้นที่ไม่มีคิ้วแบบเราหรอก กว่าจะเล็ง กว่าจะเขียนให้เท่ากัน ไหนจะต้องเลือกสีที่จะเขียนอีก สีอ่อน สีเข้ม โอ๊ยยย เยอะแยะไปหมด นี่ยังไม่รวมการเขียนกรอบ เขียนทรงคิ้วอีกนะ โอ้โห กว่าจะมีคิ้วที่สวยเป๊ะได้นี่เล่นเอาปาดเหงื่อไปหลายรอบเหมือนกันนะคะคุณขา

พอมาถึงวันนี้ เราพูดเลยว่าเราจะไม่ทนอีกแล้ว! พอกันทีกับการเขียนคิ้วแบบเดิมๆ พอกันทีกับเวลาที่เสียไปในการเขียนคิ้วแต่ละวัน เพราะเราอยากมีคิ้วที่สวยเป๊ะเป็นของตัวเองซะที ซึ่งแน่นอนว่าก็คงต้องพึ่งตัวช่วยด้วยการไปทำสวยจากวิธีต่างๆ เท่าที่เห็นมาก็มีทั้งการสักคิ้ว 3 มิติ 6 มิติ ฯลฯ แต่ประเด็นคือการสักคิ้วพวกนี้ส่วนใหญ่จะเป็นการสักคิ้วแบบถาวร แถมยังดูไม่ค่อยเป็นธรรมชาติยังไงก็ไม่รู้สิ ไม่ค่อยถูกใจเราเท่าไหร่ เพราะเราอยากได้คิ้วที่เป็นธรรมชาติ ทรงสวยเข้ากับรูปหน้าเรา ที่สำคัญไม่อยากให้มันอยู่กับเราติดตัวแบบถาวรเหมือนเป็นรอยสัก ซึ่งก็ไปเจอเทคนิคหนึ่งที่น่าสนใจและตรงกับความต้องการของเราพอดีจากร้าน Sopracie (โซปราซี่) นั่นก็คือ “เทคนิคการฝังสีคิ้ว”

เอ๊ะ! แล้วเทคนิคการฝังสีคิ้วนี่คืออะไร? เทคนิคนี้เป็นการฝังสีคิ้วแบบชั่วคราว เป็นเทคนิคแบบใหม่ และที่ Sopracie ก็เป็นที่แรกในประเทศไทยซะด้วย ความพิเศษของการฝังสีคิ้วก็คือ สีที่สกัดมาจากธรรมชาติจึงปลอดภัย ส่วนผสมมาจากประเทศสวิสเซอร์แลนด์ และประเทศเยอรมัน ระยะเวลาการฝังสีคิ้วจะอยู่ได้ประมาณ 1 ปีครึ่ง – 2 ปี

โดยจะใช้เข็มเล็กๆ ในการฝังสีลงบนชั้นผิวหนัง ทุกเส้นสีจึงเป็นการบรรจงทำด้วยมืออารมณ์เหมือนงานแฮนด์เมดที่ต้องอาศัยฝีมือของช่างที่มีประสบการณ์จากต่างประเทศมาหลายปี เพื่อให้ได้ความหนักเบาของเส้นสี และให้คิ้วดูเป็นธรรมชาติราวกับเป็นเส้นคิ้วจริงที่สุด โดยการฝังสีคิ้ว (Eyebrow Embroidery)  มี 3 แบบให้เลือกค่ะ

1.Tinta  (ตินต้า) การฝังสีลงสีบนคิ้วแบบการระบายแบบไล่แสงเงา เหมาะสำหรับคนที่มีเส้นคิ้วเยอะอยู่แล้ว คนที่มีผิวมันมาก หรือเคยทำการสักคิ้วมาก่อน

2.Lenee (ลีเน่) การฝังสีในรูปแบบลายเส้นเสมือนเส้นคิ้วธรรมชาติ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเติมเส้นคิ้วที่หายไปบางไปเป็นรูปแบบที่แนะนำสำหรับคิ้วผู้ชายที่ต้องการเพิ่มความหนาของคิ้วหรือคิ้วที่บางส่วนขาดหายไป

3.Vero (เวโร) เป็นการลงลายเส้นและการลงสีผสมผสานเข้าด้วยกัน เป็นแบบ Embroidery ที่เรียกได้ว่าเป็น Signature ของโซปราซี่ เป็นแบบที่นิยมมากสุด เพราะผลลัพธ์ที่ได้คือ การมีขนคิ้วผสมสีของอายแชโดว์แบบฝุ่น เสมือนการแต่งคิ้วบางๆแบบฝุ่น แต่คงไว้ซึ่งกรอบคิ้วคมชัดเหมือนการแต่งคิ้วได้สมบูรณ์แบบตลอดเวลา เหมาะสำหรับคนที่มีคนขนคิ้วพอประมาณที่ไม่ต้องการแต่งหน้าแต่ต้องการความสมบูรณ์แบบของคิ้ว เป็นแบบคิ้วดูสวยธรรมชาติ ดูหน้าอ่อนเยาว์ และสมบูรณ์แบบมากที่สุด

ซึ่งเราตกลงเลือกแบบที่ 3 เพราะเราเป็นคนไม่ค่อยมีคิ้ว ก็เลยอยากได้แบบตื่นมาหน้าสดก็มีคิ้วเลย ที่สำคัญเราเน้นอยากให้ดูเป็นธรรมชาติที่สุดค่ะ ตามมาดูกันเลย!

ขั้นตอนที่ 1 ออกแบบทรงคิ้วที่ต้องการ โดยช่างจะวิเคราะห์โครงหน้าของแต่ละคนบวกกับความต้องการของเราว่าอยากได้ประมาณไหน ซึ่งเราบอกช่างไปว่าอยากได้คิ้วแบบสาวเกาหลี ก็จัดไปค่ะ!

ขั้นตอนที่ 2 ช่างค่อยๆ ออกแบบทีละนิดๆ โดยวาดด้วยดินสอเขียนคิ้วก่อน จากนั้นก็ใช้ใบมีดค่อยๆ เล็มขนส่วนเกินออก แค่ขั้นตอนนี้ขั้นตอนเดียวก็ใช้เวลาไปประมาณครึ่งชั่วโมง งานละเอียดมากๆ

ขั้นตอนที่ 3 พอกยาชาแล้วทิ้งไว้ประมาณ 20 – 30 นาที เพื่อรอให้ยาชาออกฤทธิ์

ขั้นตอนที่ 4 ลงมือฝังสีคิ้วจากช่างผู้ชำนาญของที่นี่ อิมพอร์ทมาจากต่างประเทศเลยทีเดียว โดนช่างจะค่อยๆ ลากทีละเส้นบนชั้นหนังกำพร้า โดยจะได้เส้นเข้มหรืออ่อนก็ขึ้นอยู่กับน้ำหนักมือของช่าง ถ้าถามว่าเจ็บไหม? บอกได้เลยค่ะว่าไม่เจ็บ แต่จะรู้สึกได้ว่าใครเอาอะไรมากรีดลงบนผิวหนังของเรา

ขั้นตอนที่ 5 บางคนอาจจะใช้เวลานาน ทำให้ยาชาเริ่มหมดฤทธิ์อาจจะเริ่มมีเจ็บๆ กันบ้างในช่วงสุดท้าย สามารถบอกช่างได้ค่ะ แต่ที่จริงช่างก็ถามตลอดนะคะว่าเจ็บรึเปล่า ซึ่งเราไม่ได้ขอยาชาเพิ่มค่ะ เพราะไม่ค่อยเจ็บมากยังทนไหวอยู่ สู้ตายค่ะ ซึ่งกว่าจะฝังสีคิ้วเสร็จก็ใช้เวลาไปประมาณ 30 – 45 นาที

ขั้นตอนที่ 6 นี่คือคิ้วที่ผ่านการฝังสีคิ้วมาแบบสดๆ ร้อนๆ เพิ่งลุกจากเตียงตะกี้นี้เลยค่ะ ตอนส่องกระจกตกใจมากว่าทำไมเข้มจัง ทางร้านบอกว่ามันจะเข้มแบบนี้ไปไม่เกิน 2 อาทิตย์แล้วจะค่อยๆ ลอกออกไปเอง สีที่ได้จะอ่อนลงไป 40% – 50% เพราะงั้นไม่ต้องห่วงว่ามันจะเป็นคิ้วปลิงนะจ๊ะ ใจเย็นๆ ค่อยๆ รอมันลอก

ส่วนขั้นตอนการดูแลคิ้วก็ไม่ได้ยุ่งยากค่ะ แต่เราต้องทำตามถ้าไม่อยากจะให้คิ้วพัง โดยหลังจากฝังสีคิ้วเสร็จแล้วห้ามคิ้วโดนน้ำ 7 วัน ทายาที่ทางร้านให้มาวันละ 2 ครั้ง เช้า/เย็น แต่! ทาแค่วันแรกๆ ก็พอค่ะ ถ้ามันไม่อักเสบแล้วก็ไม่ต้องทา เพราะมันจะทำให้สะเก็ดสีหลุด และสีจะไม่ติดคิ้ว ส่วนเรื่องอาหารการกินก็ให้งดทานไข่ อาหารหมักดอง จนกว่าสะเก็ดจะหลุด

วันแรกๆ หลังจากฝังสีคิ้ว ยังเข้มอยู่เลยค่ะ ไม่ค่อยมีอะไรเปลี่ยนแปลงก็มาทำงานในสภาพนั้นแหละ แต่วันที่ 7 หลังจากฝังสีคิ้ว จะเห็นว่าคิ้วเริ่มลอกแล้วค่ะ พอถึงประมาณวันที่ 10 สะเก็ดคิ้วหลุดออกหมดแล้วค่ะ จะเห็นว่าสีคิ้วอ่อนลงมาก ไม่ได้เข็มแบบตอนแรกๆ ที่หลายคนตกใจ

2 อาทิตย์หลังจากฝังสีคิ้ว เราก็ใช้ชีวิตปกติเลยค่ะ แต่งหน้า ล้างหน้าปกติ ใช้ชีวิตง่ายขึ้นเยอะ ไม่ว่าจะไปทำงานหรือไปเที่ยวก็ไม่ต้องเสียเวลาเขียนคิ้ว แถมยังได้คิ้วในแบบที่ต้องการอีกด้วย นี่ถ้าไม่บอกใครว่าไปฝังสีคิ้วมาหลายคนก็ดูไม่ออกนะคะ ปลื้มก็ตรงนี้แหละ

อ้อ อย่าลืมนัดของทางร้านนะคะ เพราะหลังจากที่เราฝังสีคิ้วไปเรียบร้อยแล้ว ทางร้านจะนัดให้มาทำการ Touch up ภายใน 60 วัน หลังการฝังสีครั้งแรก ถือเป็นขั้นตอนการเก็บรายละเอียดเพื่อให้คิ้วสวยสมบูรณ์แบบนั่นเองค่ะ ถ้าใครสนใจก็สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.sopracie.com ได้เลยนะคะ

เรื่อง : saipiroon_แพรวดอทคอม

ภาพ : อรรณพ อาจหาญ